บทที่ 331 พบเจอ
หนิงเมิ่งเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายินยอมในที่สุด “ไปหาเขากันเถอะ” หลังจากหลบหน้าหนานกงเยี่ยนมาหลายวันแต่เขาก็ยังคงมาหาตั้งแต่เช้า แล้วพวกเขาจะไม่ไปพบได้เช่นไร
เฉียวเทียนช่างยืนอยู่หน้าหญิงสาวก่อนมองเข้าไปในดวงตาของนาง “หากเจ้าไม่อยากไป ก็ไม่มีผู้ใดบังคับเจ้าได้ ดังนั้นไม่ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่เจ้าไม่อยากทำหรอก”
หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปดึงแขนของชายหนุ่ม และยิ้มให้พลางส่ายศีรษะ เพื่อสื่อว่าตนเองไม่เป็นไร “ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่า ไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องพบกันสักวันอยู่ดี ไม่ว่าจะพบเขาตอนนี้หรือหลังจากนี้ ก็ไม่ต่างกันมิใช่หรือ”
“ถ้าเช่นนั้นเราไปหาเขากันเถอะ” เฉียวเทียนช่างยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมใจมาแล้วจริงๆ
เหลยอันพูดไม่ออก เจ้านายมักจะตามใจพี่สะใภ้จนลืมตัวเสมอ แม้แต่เรื่องนี้ เขาก็ยังคงตามใจนาง
เขาเดินตามหลังเฉียวเทียนช่างไปยังโถงหน้าบ้าน เมื่อมาถึง ก็พบว่าหนานกงเยี่ยนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง พร้อมกับมีสิ่งของกองใหญ่บนโต๊ะ
เมื่อหนานกงเยี่ยนได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก เขาก็หันหน้ามองตามเสียงอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นหญิงสาวในชุดสีอ่อนพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาด้วยกัน
สองคนที่เดินเข้ามาก็คือหนิงเมิ่งเหยากับเฉียวเทียนช่างนั่นเอง
สายตาของหนานกงเยี่ยนนั้นมองข้ามชายหนุ่มไปจ้องมองเพียงหญิงสาวเท่านั้น เพียงเหลือบตามอง เขาก็รู้ว่านางคือลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน
ดวงตาทั้งคู่ของนางนั้นเหมือนกับดวงตาของผู้เป็นแม่อย่างมาก นางเหมือนเขาประมาณสี่สิบถึงห้าสิบส่วน ส่วนใบหน้า สันจมูก หรือแม้แต่ดวงตานั้นช่างเหมือนกับของผู้เป็นแม่ราวกับถอดแบบกันมา
เมื่อหนานกงเยี่ยนเห็นหนิงเมิ่งเหยา มือของเขาก็สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น “เจ้าคือหนิงเมิ่งเหยาใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว”
หนานกงเยี่ยนหัวเราะ “ดีจริง ช่างดีจริงๆ!” ลูกของพวกเขายังมีชีวิตอยู่
หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้ว่าตนเองควรจะรู้สึกเช่นไร หลังจากเห็นว่าหนานกงเยี่ยนตื่นเต้นและควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้
หนานกงเยี่ยนตื่นเต้น หลังจากเห็นหญิงสาว “ลูกข้า ข้าขอคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่”
“เทียนช่างคือสามีของข้า เขามิใช่คนนอก” หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากสนทนากับเขาเพียงสองคน จึงดีกว่าที่จะให้เฉียวเทียนช่างอยู่ด้วย
เมื่อหนานกงเยี่ยนเห็นว่าผู้เป็นลูกสาวไม่ยินยอม จึงมองชายหนุ่ม ก่อนจะเป็นฝ่ายประนีประนอมและผงกศีรษะ “ย่อมได้ หากเจ้าต้องการเช่นนั้น”
“ท่าน… มาที่นี่เพื่ออะไร”
ขณะที่หนานกงเยี่ยนมองใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยานั้น แววตาของเขายังคงเปี่ยมล้นด้วยความตื่นเต้น แต่ก็แฝงด้วยความรู้สึกผิด “เจ้าน่าจะพอรู้เรื่องจากเซียวชวี่เฟิงและคนอื่นๆ มาแล้ว ถ้าเช่นนั้น ข้าขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น รวมถึงสาเหตุว่าทำไมข้าจึงไม่ได้อยู่ร่วมกันกับหย่าเอ๋อร์”
“ตกลง” นั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวอยากจะรู้
หนานกงเยี่ยนเริ่มอธิบายพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนที่ข้าพบแม่ของเจ้า ตอนนั้นนางอายุไล่เลี่ยกับเจ้าในตอนนี้ นางเป็นหญิงสาวผู้ไม่ยอมคล้อยตามใครและมีความคิดอิสระเป็นของตนเอง”
ในตอนที่หนานกงเยี่ยนพบกับเซียวเฉิงหย่านั้น เขาอายุประมาณยี่สิบปี เขาหลงรักเซียวเฉิงหย่า ซึ่งในตอนนั้น นางกำลังออกเดินทางท่องเที่ยวและแต่งกายด้วยชุดผู้ชายจนดูราวกับเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลา
เมื่อทั้งสองพบเจอกันครั้งแรก ก็ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดี หลังจากนั้นพวกเขาจึงท่องเที่ยวด้วยกันตามสถานที่ต่างๆ มากมาย และเมื่อหนานกงเยี่ยนบังเอิญรู้ว่าแท้จริงแล้วเซียวเฉิงหย่าคือผู้หญิง นางเองก็พบว่าเขาคือผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิง
จากนั้นเขาก็หลงรักเซียวเฉิงหย่า และคอยปกป้องดูแลนาง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะต่อต้านเพียงใด ทำให้เซียวเฉินหย่าค่อยๆ เปิดใจยอมรับเขา จนเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเดินทางด้วยกันนั้น ก็ได้พบกับฮ่องเต้หลิง ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงองค์รัชทายาท
เมื่อฮ่องเต้หลิงเห็นหน้าเซียวเฉิงหย่า ก็รู้สึกรักหญิงสาวตั้งแต่แรกพบ จนอยากจะแย่งชิงนางจากหนานกงเยี่ยน แต่ทว่าเซียวเฉิงหย่ามิได้มีใจให้ฮ่องเต้หลิง และรู้สึกว่าเจตนาของเขาดูชัดเจนเกินไป
อย่างไรก็ดี หลิงฮ่องเต้นั้นต้องการครอบครองนางมาก จึงดึงตัวหนานกงเยี่ยนออกไปก่อนจะวางยานาง เมื่อเซียวเฉิงหย่ากลับมาได้สติแม้จะยังมีอาการพร่าเบลอ นางพบว่าหลิงฮ่องเต้เกือบทำลายชีวิตของนางจนป่นปี้
ในเวลานั้น หนานกงเยี่ยนและเซียวเฉิงหย่ามีลูกด้วยกันแล้ว และเขาก็วางแผนจะไปเมืองเซียวเพื่อสู่ขอหญิงสาว แต่ยังไม่ทันจะได้ไป ฮ่องเต้องค์ก่อนหน้าก็เรียกตัวให้เขากลับเมืองหลิง ส่วนเซียวเฉิงหย่าเองก็กลับเมืองเซียวด้วยเช่นกัน ก่อนจะรู้ภายหลังว่าตนเองนั้นตั้งครรภ์
เซียวฮ่องเต้ในสมัยนั้นจึงมีโทสะอย่างยิ่ง และบังคับให้เซียวเฉิงหย่าบอกว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่นางก็ไม่ยอมปริปากบอก ฮ่องเต้ต้องการให้หญิงสาวยอมจำนน จึงพระราชทานสมรสให้นาง
แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าก่อนถึงวันแต่งงานเซียวเฉิงหย่าที่ตั้งครรภ์ได้สองสามเดือนนั้นจะกินยาฆ่าตัวตาย
บทที่ 332 เหตุการณ์ในอดีต
เมื่อหนานกงเยี่ยนรีบมุ่งหน้าไปสู่ขอ เขาก็ได้รับแจ้งว่าเซียวเฉิงหย่านั้นเสียชีวิตแล้ว
ในตอนนั้น เขาเกือบจะส่งกองกำลังบุกถล่มเมืองเซียวเลยทีเดียว จากนั้นเซียวฮ่องเต้จึงบอกเขาว่าเซียวเฉิงหย่านั้นไม่ยอมฟื้นคืนสติกลับมา และพวกเขาต้องการหมอไสยศาสตร์ลึกลับเพื่อคืนชีพให้กับนาง
เมื่อหนานกงเยี่ยนตามหาหมอไสยศาสตร์และเชิญเขามา ก็พบว่าร่างของหญิงสาวหายไปแล้ว
เขาแทบจะพลิกแผ่นดินเมืองเซียวเพื่อค้นหานางอยู่เป็นเวลานาน ทั้งยังเอาชีวิตของชาวเมืองเซียวมาขู่เซียวฮ่องเต้อีกด้วย แต่ทว่าเขากลับไม่ได้รับข่าวเกี่ยวกับเซียวเฉิงหย่าเลยแม้แต่น้อย
เมื่อพิจารณาจากท่าทีของเซียวฮ่องเต้แล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเซียวเฉิงหย่าหายตัวไปได้เช่นไร และเหตุใดจึงหายตัวไปเช่นนี้
หลังจากรับฟังอยู่ครู่หนึ่ง หนิงเมิ่งเหยาก็เข้าใจ “ทำไมท่านจึงไม่ตามหานาง”
“ทำไมข้าจะไม่ตามหานางเล่า ข้าเริ่มตามหานางตั้งแต่แรก และตามหานางในเมืองเซียวอย่างเปิดเผย จากนั้นข้าก็ตามหานางต่ออย่างลับๆ ” หนานกงเยี่ยนกล่าวอย่างขมขื่น
ภรรยาและลูกของเขาหายสาบสูญไปเช่นนั้น เขาจะไม่ออกตามหาได้อย่างไร แต่เขากลับไม่ได้ข่าวใดๆ มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งได้รับข่าวจนพบลูกสาวของเขา
“ท่านไม่เคยคิดจะยอมแพ้เลยหรือ” หนิงเมิ่งเหยาคิดถึงข่าวที่ตนเองสืบมา ว่าหนานกงเยี่ยนตามหาใครบางคนมากว่าสิบปีแล้ว
เขาส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยคิดเลยสักครั้ง เป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้าก็จะต้องตามหาพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม” นางคือภรรยาของเขา แล้วเขาจะปล่อยให้นางออกไปอยู่ข้างนอกตามลำพังได้เช่นไร
“ข้าขอเรียกเจ้าว่าเหยาเอ๋อร์ได้หรือไม่” เมื่อหนานกงเยี่ยนเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังจะพูดบางอย่าง เขาจึงชิงพูดก่อน พร้อมมองหญิงสาวด้วยแววตาคาดหวัง
หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจปฏิเสธสายตาแห่งความหวังคู่นั้นได้ จึงผงกศีรษะ “ได้สิ”
“เหยาเอ่อร์ ตอนเห็นหน้าของเจ้านั้น ข้าบอกได้ทันทีเลยว่าเจ้าช่างเหมือนกับหย่าเอ๋อร์ ข้ามั่นใจว่าเจ้าคือลูกของข้าอย่างแน่นอน” หนานกงเยี่ยนพูดอย่างตื่นเต้น
หนิงเมิ่งเหยาประหลาดใจขณะมองดูอีกฝ่าย “เพราะเหตุใดหรือ”
“เพราะดวงตาของเจ้าเหมือนกับแม่ของเจ้าทุกประการ” นี่คือดวงตาคู่ที่เขาหลงรักในตอนนั้นมิใช่หรือ
หญิงสาวเอื้อมไปสัมผัสดวงตาของตนอย่างลืมตัว ก่อนจะมองหนานกงเยี่ยนและรับรู้ได้ว่าเขามิได้พูดปด
“เหยาเอ๋อร์ ข้ารู้ว่ามันยากที่จะให้เจ้ายอมรับข้าในเวลาอันสั้นเช่นนี้ แต่ข้ารอได้ ข้ารอมากว่าสิบปีแล้ว จะให้รอต่ออีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก” หนานกงเยี่ยนมองหนิงเมิ่งเหยาพลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หญิงสาวอ้าปากและอยากเอ่ยถามหนานกงเยี่ยนว่าไม่กลัวจะเข้าใจผิดหรือ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้ว นางก็ไม่อาจพูดจาเช่นนั้นได้
“ท่านพอรู้ข่าวเกี่ยวกับนางบ้างหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากพูดประเด็นนั้นต่อ
“ข้าได้รับข่าวมาบ้าง ในตอนนั้น มีใครบางคนจากจวนตระกูลเซียวนำตัวเจ้าออกมา ข้าคิดว่าแม่ของเจ้ามีโอกาสอยู่ในจวนขุนนางเซียวมากถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบส่วนทีเดียว” ในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่ เขาก็แอบค้นหาตามจวนขุนนางเซียว แต่กลับไม่พบนาง
หนิงเมิ่งเหยาอึ้ง ‘จวนตระกูลเซียวอีกแล้วหรือ ทำไมถึงเป็นจวนตระกูลเซียวไปได้’
“ท่านมั่นใจได้เช่นไรกัน”
“ตอนนั้น เซียวอี้หลินมองหย่าเอ๋อร์ด้วยสายตาเช่นเดียวกันกับข้า แต่เขาไม่กล้าพูดถึงมัน เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ข้าคิดว่าเขาคงเห็นแก่ตัว จนเอาตัวนางไป ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้แม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ดวงตาของหนานกงเยี่ยนเต็มไปด้วยความกังวล
เซียวเฉิงหย่าสามารถคลอดบุตรคนนี้ออกมาได้ ก็พิสูจน์ได้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางเป็นเช่นไร รวมถึงช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว และยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก ‘มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น’
“ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้”
“หา”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เซียวอี้หลินคงไม่อาจแต่งงานกับหญิงอื่นได้” ในจวนที่พักของเขายังมีอนุภรรยาจำนวนมากอีกด้วย
เมื่อหนานกงเยี่ยนได้ยินคำพูดเหล่านั้น จึงหัวเราะอย่างประชดประชัน “เหยาเอ๋อร์ เจ้ามองเซียวอี้หลินสูงส่งเกินไปนัก ทุกคนล้วนแล้วแต่จะใฝ่หาอำนาจและตำแหน่งอันยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น”
“แล้วทำไมท่านถึงไม่ใฝ่หาสิ่งเหล่านั้นเล่า” เขายอมทิ้งตำแหน่งอันสูงส่งของตนเอง เพียงเพื่อตามหาใครบางคน
หนานกงเยี่ยนมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยแววตาแห่งความรัก “หากข้าไม่มีพวกเจ้าสองแม่ลูกอยู่ข้างกาย แล้วจะมีตำแหน่งอันสูงส่งไปเพื่ออะไรกันเล่า”
เฉียวเทียนช่างที่อยู่ข้างๆ นั้นเข้าใจความรู้สึกของหนานกงเยี่ยนได้เป็นอย่างดี การมีตำแหน่งสูงแต่ต้องอยู่ตามลำพังนั้น ไม่อาจเทียบกับความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่ตนรักได้เลยแม้แต่น้อย