ตอนที่ 198 สามอันดับแรก

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

อวิ๋นเจี่ยวผงะ การฝึกฝนด้วยพลังวิญญาณแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก พวกเขาไม่อาจสอนได้ แต่การฝึกฝนเป็นงานระยะยาว หากเขาไม่มีพื้นฐาน ยมโลกคงไม่มีคนอยากสอนเขา ส่วนอาจารย์ปู่รังเกียจแม้แต่ราชายมโลก คิดจะให้เขาสอบคงเป็นไปได้ยาก

เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านพาเขาไปพบกับอิ้งหลุน!”

“อิ้งหลุน?” ชายแก่ผงะ คนที่ปลูกผัก “เขาไม่ได้เป็นแค่ไก่อ่อนหรือ”

“…” ท่านดูจากตรงไหนว่าเขาเป็นไก่อ่อน?

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อธิบาย “ท่านพาเขาไปก็พอ อย่าลืมนำเมล็ดผักที่ต้องการปลูกในช่วงนี้ไปด้วย เขาคงยินดีที่จะสอน”

“อ่อ…” ชายแก่ยังคงฉงน

“จริงสิ อย่าลืมบนวิญญาณตนนั้น รักษาวิญญาณ ห่างไกลผลไม้!” มันระเบิดได้!

“…”

————————

การทดสอบยมทูตมีม้ามืด เรื่องนี้เป็นเรื่องดีสำหรับเมืองโยว ไม่เพียงแต่ทำให้วิญญาณในเมืองโยวหลิงรับรู้ว่าพวกเขาตั้งใจทดสอบพวกเขา สิ่งสำคัญคือเป็นการเตรียมการสำหรับการสละตำแหน่งในอนาคต

อย่างไรก็ตามวิธีการคัดเลือกยมทูตด้วยการทดสอบนี้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ของยมโลก ถึงแม้ตอนแรกจะบอกไว้แล้วว่าวาระยี่สิบปี แต่สำหรับวิญญาณที่อยู่ในยมโลกเป็นหลายร้อยปีนั้น ยี่สิบปีไม่ใช่ระยะเวลายาวอะไร แต่ว่าเพียงพอต่อการสร้างความทะเยอะทะยาน เมื่อถึงเวลา หากคนที่รับตำแหน่งไม่ยอมสละอำนาจให้คนอื่น คงได้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน

หากเริ่มต้นด้วยคนที่มีความสามารถอย่างเหล่าเจ้าเมือง เมื่อถึงเวลานั้นคงมีปัญหา อีกทั้งยังมีบทเรียนจากยมทูตก่อนหน้านี้ หากคิดจะไล่พวกเขาออกคงจะยุ่งยากกว่าเดิม ดังนั้นการเลือกคนที่อยู่รากหญ้าไร้พื้นฐานจึงมีความจะเป็นอย่างมาก เมื่อมีเขาเป็นตัวนำ จากนั้นใช้คนอื่นมาเป็นตัวอย่าง เช่นนี้ก็สมเหตุสมผล

แต่ก่อนหน้านั้น พวกเธอต้องทำให้เขามีความสามารถในการปกป้องตัวเองก่อน

หลังจากชายแก่ได้ฟังเธอพูดแล้วก็เข้าใจในทันที เขาอาศัยระยะเวลารอเข้ารับตำแหน่งของเหล่ายมทูต เรียกม้ามืดที่ชื่ออีเจิงเข้าพบล่วงหน้า เขาเป็นวิญญาณที่มีพลังอ่อนแอมาก ดูท่าทางตายในตอนหนุ่ม ลักษณะของเขาเหมือนคนที่ได้รับการศึกษา กริยาท่าทางมีมารยาทอย่างมาก เขาทำความเคารพชายแก่

“อีเจิง วิญญาณในเมืองโยวหลิงคารวะท่านยมราช”

“ไม่ต้องมากพิธี” ชายแก่เรียกให้คนขึ้นมา ก่อนจะพูด “เจ้าอยู่ในเมืองโยวหลิงมากว่าร้อยปีแล้วใช่หรือไม่ ทำไมถึงไม่ไปเกิดใหม่”

อีเจิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ “ข้าน้อยมีห่วงที่ยังปล่อยวางไม่ได้ อีกทั้งยมโลกและโลกมนุษย์ไม่ได้แตกต่างกันมาก เกิดใหม่หรือไม่ ไม่สำคัญ ดังนั้น…”

“อืม” ชายแก่ไม่คิดจะถามต่อ เขากวาดตามองอีกฝ่าย “เจ้าไม่เคยฝึกฝนมาก่อน?”

อีเจิงพนักหน้า “ไม่เคยมีโอกาส” เมืองโยวหลิงมีวิญญาณมากมาย แต่ผู้ที่ได้รับโอกาสฝึกฝนกลับมีน้อยมาก เขาไม่เคยผ่านการฝึกฝนก็เป็นเรื่องปกติ

“เจ้าอยากฝึกฝนหรือไม่” ชายแก่ถาม

“แน่นอน” เขาตอบ “เพียงแต่…ข้าไม่รู้หนทางเท่านั้น”

“เจ้าอยากก็พอแล้ว” ชายแก่อธิบาย “ต่อจากนี้เจ้าคือยมทูตของเมืองโยวหลิง หากเจ้ายังเป็นเพียงวิญญาณธรรมดา คงมิอาจดูแลวิญญาณเหล่านั้นได้ วันนี้ข้าเรียกเจ้ามา เพื่อให้คนถ่ายทอดวิชาการฝึกฝนให้เจ้า”

อีเจิงตะลึง ทันใดนั้นมีความฉงนเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ! เดิมทีเขาคิดว่าที่ท่านยมราชเรียกเขามาเป็นการส่วนตัว เป็นเพราะความสามารถของเขาต่ำต้อย ไม่อาจรับหน้าที่ยมทูตได้ อยากให้เขาถอนตัว ตัวเขาเองก็รู้ว่าเป็นเพียงวิญญาณธรรม คงไม่อาจรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้ แม้กระทั่งระหว่างทางที่มา เขาได้คิดวิธีการรับมือหลายสิบแบบแล้ว เป็นยมทูตไม่ได้อย่างน้อยก็ขอตำแหน่งราชการมาทำ แต่ไม่คิดว่า ยมทูตนอกจากยอมรับตำแหน่งยมทูตของเขา ยังจะถ่ายทอดวิชาการฝึกฝนให้เขา

อีเจิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ชายแก่ไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาลากอวิ๋นเจี่ยวที่กำลังเขียนหนังสืออย่างขะมักเขม้นอยู่ด้านข้าง พร้อมพูดขึ้น “เจ้าหนู ไปหลังเขาด้วยกัน”

อวิ๋นเจี่ยวมองเขาด้วยความฉงน “ท่านพาเขาไปก็พอแล้ว ทำไมข้าต้องไปด้วย”

“ข้าเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เมื่อกี้เพิ่งกินมื้อค่ำไป จะไปเด็ดผักมาให้เจ้าทำมื้อดึกด้วย” ชายแก่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าก็รู้ สิ่งที่อิ้งหลุนปลูกนั้น แขนขาของชายแก่อย่างข้าจะขนไว้ได้อย่างไร อาจารย์อาก็ไม่อยู่ ข้าคงไม่อาจเรียกอาจารย์ปู่มาช่วยใช่หรือไม่!”

อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยว ก่อนจะถอนหายใจพร้อมวางพู่กันในมือลง “ไปเถอะ!”

“ได้เลย!” เขาแบกถุงกระสอบขึ้น ก่อนจะเหลือบมองวิญญาณด้านข้าง “ไปๆ พาเจ้าไปพบคนที่จะถ่ายทอดให้เจ้า”

อีเจิงมองดูทั้งสองคน ก่อนจะเดินตามไปด้วยความฉงน

****

หลังจากความพยายามหลายเดือนของเกษตรกรอิ้ง หลังเขาของชิงหยางแปรเปลี่ยนจากป่าไม้รกร้างเป็นแปลงนาที่เป็นระเบียบไปแล้ว พื้นดินต่างเต็มไปด้วยพืชผักและผลไม้นานาชนิด อีกทั้งแต่ละชนิดยังมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายสิบเท่า แม้แต่ผลไม้ที่ออกมาก็แทบจะทับต้นไม้หักโค่น จนต้องตั้งขาตั้งรองรับเอาไว้

เวลาตกดึก แต่หลังเขากลับส่องประกายแสงสีเขียวมากมาย ทั้งที่เป็นเปลวไฟยมโลก แต่กลัวไม่มีแรงโจมตีอะไร เปลวไฟเหล่านั้นกระจัดจายอยู่ตามหลังเขา ราวกับไฟสำหรับส่องสว่างเท่านั้น ทำให้หลังเขาตกอยู่ในท่ามกลางแสงสีเขียว

ส่วนใจกลางของแสงสีเขียวนี้ มีผู้ชายรูปงามในชุดสีแดงนั่งอยู่ รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยดอกโบตั๋นสีขาวสะอาดที่ผลิบาน แต่ดอกไม้เหล่านั้นเทียบไม่ได้กับความงดงามของชายหนุ่ม ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย ก็สามารถกลายเป็นภาพที่สวยงาม ถ้าเขาไม่เปิดปากพูด…

“ศิษย์ตัวน้อย พวกเจ้ามาแล้ว!” อิ้งหลุนตาลุกวาว ก่อนจะกระโดดขึ้นมา “รีบมาดูพวกนี้…โอ้ย!”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ลื่นล้มไปในทันใด ก่อนที่จะหัวปักเข้าในดงดอกโบตั๋น ทำให้ดงดอกโบตั๋นนั้นถูกทับจนเป็นรอยคน

แคร่ก! ราวกับได้ยินเสียงภาพแตกสลาย

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

ชายแก่: “…”

อีเจิง: “…”

“ศิษย์ตัวน้อย สหายไป๋!” อิ้งหลุนกลับฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขารีบปีนป่ายขึ้นมา ท่าทางเหมือนลื่นล้มจนเคยชิน ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาคนทั้งสอง “ไม่ค่อยเห็นพวกเจ้ามาตอนกลางคืน แต่ก่อนมีเพียงเยี่ยยวนเท่านั้นถึงจะมา เฮ้อ! มนุษย์อย่างพวกเจ้าช่างลำบาก ยังต้องนอนหลับ เป็นวิญญาณดีแค่ไหน คิดจะลอยไปทางไหนก็ลอยไปทางนั้น ไม่ต้องมีกลางคืนกลางวัย ข้าอยากให้พวกเจ้ารีบตายเร็วๆ พวกเจ้าไม่รู้ว่าตอนกลางคืนข้าเบื่อแค่ไหน เยี่ยยวนไม่มาต่อยข้าสามวันแล้ว พวกเจ้าจินตนาการออกหรือไม่ สาม วัน แล้ว!”

“…” ท่านเป็นพวกซาดิสม์หรือไง ตอนนี้รู้สึกอยากจะต่อยเข้าขึ้นมาแล้ว?!

อีเจิงมองคนทั้งสองสลับกับชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะรู้สึกกังวลใจ ชายหนุ่มตรงหน้าคงไม่ใช่คนที่จะถ่ายทอดวิชาให้เขาใช่หรือไม่!