บทที่ 182: รางวัลใหญ่

โรเอลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารอันหรูหรา มีอาหารเช้าอันโอชะมากมายวางเรียรายอยู่เบื้องหน้า ผนังถูกประดับประดาไปด้วยงานศิลปะชั้นยอด และมีดนตรีบรรเลงอยู่เบื้องหลัง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันนี้นั้นถือว่าหนักหนาสาหัสสำหรับเขามาก

หลายปีที่ผ่านมานี้โรเอลภาคภูมิใจในตัวเองที่เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นมิตร และคอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่นมาตลอด แต่เด็กชายก็รู้ดีว่า ไม่มีทางที่คนในแวดวงชนชั้นสูงจะเป็นคนดีไปได้ตลอด ขุนนางทุกคนล้วนมีผลประโยชน์ร่วมกัน คนแปลกแยกมากเกินไปจึงมักจะถูกขับไล่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์

โชคดีที่โรเอลมีความสามารถด้านการแสดงอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงเป็นทูตแห่งความยุติธรรม หรือนักธุรกิจชั้นยอด เขาก็สามารถทำตามบทบาทที่คิดไว้ได้อย่างแม่นยำเสมอ ซึ่งโรเอลก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขาจะได้พบกับคู่ปรับ

ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่กำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ในห้องนอนของชาร์ล็อต โรเอลได้เห็นพรสวรรค์ด้านการแสดงของผู้สืบทอดกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด

ชาร์ล็อตไม่ได้ให้โอกาสโรเอลสวนกลับเลยด้วยซ้ำ ทันทีที่พูดถึงข้อตกลงเกี่ยวกับสัญญาหมั้นที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา

“ที่รัก ได้โปรดอย่าพูดเรื่องโหดร้ายแบบนั้นอีกได้ไหม?”

“หา? ด..เดี๋ยวก่อนสิ …”

“การหมั้นของพวกเราถูกกำหนดโดยบรรพบุรุษเมื่อร้อยปีก่อน นี่เป็นมรดกที่พวกเขามอบให้เราในฐานะผู้สืบทอด มันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจขัดขืนได้ พวกเราจะทำข้อตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?”

เมื่อชาร์ล็อตพูดถ้อยคำเหล่านั้นด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ โรเอลก็ทำได้เพียงแค่รับฟังอย่างเงียบ​ ๆ

นี่หรือคือผู้หญิงคนเดียวกัน กับที่เคยเสนอเงินให้เรายกเลิกสัญญาหมั้นที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดจริง ๆ เหรอ? นี่เราถูกพาตัวมายังโลกคู่ขนานรึไง? เกิดความผิดพลาดขึ้นระหว่างที่เรากำลังออกจากสถานะผู้เฝ้ามองงั้นเหรอ?

ไม่ ไม่ ไม่ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

โรเอลตกใจกับท่าทีของคู่หมั้น จนเกือบทำให้เขาสงสัยในสติของตัวเอง เด็กชายรีบส่ายหัวเพื่อปรับความคิด และสงบสติอารมณ์ลง เรียกได้ว่าความสามารถในการล้างสมองของชาร์ล็อตนั้นทรงพลังมากจริง ๆ

อันที่จริงแล้ว แม้ว่าชาร์ล็อตปฏิเสธที่จะยอมรับข้อตกลง โรเอลก็ทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่อยู่ดี เนื่องจากในตอนนั้นพวกเขามีผลประโยชน์ร่วมกันที่จะยกเลิกสัญญาหมั้น โรเอลจึงไม่ได้ทำสัญญานี้ยืนยันลงเป็นลายลักษณ์อักษร ส่งผลให้เขาไม่มีหลักฐานพอที่จะพิสูจน์ว่าข้อตกลงนั้นมีอยู่จริง

นี่ทำให้โรเอลปวดหัว เขาจึงตัดสินใจที่จะสนใจเรื่องอื่น ๆ แทน นั่นก็คือระบบของเขา

สถานะผู้เฝ้ามองในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ทั้งโรเอลและชาร์ล็อตต่างก็ต้องพบสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายหลายต่อหลายครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 5 วัน

อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนด้วยเดิมพันที่สูง ก็ย่อมได้รับการตอบแทนด้วยรางวัลสูง ยกตัวอย่างเช่นคาถาเวท ‘สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง’ และสิ่งที่เขาได้รับมาอื่น ๆ

【การประเมินอย่างละเอียด : สมบูรณ์แบบ (115)】

【ประสบความสำเร็จในการฟื้นคืนพลังสายเลือด】

【ได้รับสายเลือด : สายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา (ระดับเงิน)】

【สัญญาเก่าและชิ้นส่วนมงกุฎที่หัก : ราชาได้ร่วงหล่น ความรุ่งโรจน์และความเจริญรุ่งเรืองจางหายไปเป็นเถ้าถ่าน ยกสิ่งสกปรกด้วยมือทั้งสองของคุณ ก้าวข้ามขอบเขตของโลกและกลับสู่ความเป็นจริง】

“…”

คำอธิบายของระบบ ทำให้โรเอลนึกถึงฉากที่เปตราดูดซับพลังเวทสีทองที่เขาสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและปราบบิดาแห่งความมืดลง อันที่จริงโรเอลมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขาไม่รู้ว่าพลังเวทสีทองนั้นคืออะไร มันน่าจะเป็นความสามารถทางสายเลือดใหม่ของเขา ซึ่งเด็กชายก็มีลางสังหรณ์ว่าคำอธิบายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน

“อืม ยังคงเป็นคำอธิบายที่ไร้สาระเหมือนเคย”

โรเอลจ้องไปยังคำอธิบายที่เป็นนามธรรมอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวและยอมแพ้ เด็กชายตัดสินใจ เริ่มทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นบ้าง เพราะบางทีความสามารถนี้อาจจะเป็นพลังในการเสริมบางรูปแบบ ส่วนวิธีในการดึงมันออกมาใช้นั้น…

เราจำเป็นต้องใช้ผีเสื้ออย่างเดียวรึเปล่า? ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นใช่มั้ย? นั่นมันคงจะลำบากเกินไป อีกอย่างมันก็ดูแปลกสำหรับผู้ชายอย่างเราด้วยที่จะใช้ฝูงผีเสื้อ

เด็กชายมองไปยังร่างกายที่บาดเจ็บของตนพร้อมถอนหายใจ ในตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรที่โรเอลจะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสามารถทดสอบสิ่งต่าง ๆ ได้ไปอีกนาน พลังทางสายเลือด มักจะมาพร้อมกับผลข้างเคียง และมันคงเป็นเรื่องตลกมาก หากเขาเผลอฆ่าตัวตายระหว่างการทดลองพลังของตัวเอง

ไม่ว่าในกรณีใด พลังสายเลือดใหม่ก็ถือเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นสำหรับโรเอล ความสามารถทางสายเลือดไม่ใช่อะไรที่จู่ ๆ ก็จะหายไปเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่เขาจะสามารถเข้าใจและควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์

นอกเหนือจากพลังทางสายเลือดใหม่ ยังมีพัฒนาการความก้าวหน้าอีกประการหนึ่งที่โรเอลพอใจมาก นั่นคือการปลุกสายเลือดของเขาขึ้นไปสู่ระดับเงิน

แม้ว่าความแตกต่างระหว่างสายเลือดระดับทองแดง และสายเลือดระดับสีเงินจะห่างกันเพียงแค่ขั้นเดียว แต่เนื่องจากจำนวนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ครอบครองพลังทางสายเลือดนั้นมีอยู่น้อย ตระกูลขุนนางและองค์กรผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่ จึงมักจะให้ความสำคัญกับผู้ครอบครองพลังสายเลือดระดับทองแดง ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมหาศาลไปกับผู้มีพลังสายเลือดระดับทองแดง

อย่างไรก็ตาม หากหนึ่งในนั้นโชคดีพอที่จะปลุกพลังสายเลือดระดับเงินของตัวเองขึ้นมาได้ล่ะก็ การประเมินทุกอย่างจะต่างไปจากเดิมในทันที

การมีสายเลือดระดับเงินเปรียบเสมือนตั๋วฟรีไปสู่ระดับแก่นแท้ 3 และการกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ยากจะเอาชนะ แม้แต่อัจฉริยะหลาย ๆ คนก็ยังลำบากกับการก้าวข้ามจุดนี้ ทว่าอุปสรรคเหล่านั้นไม่มีความหมายสำหรับผู้ถือครอบครองสายเลือดระดับเงิน เนื่องจากพวกเขามีระดับการดูดซึมพลังเวทที่สูงกว่ามาก ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะก้าวข้ามผ่านกำแพงความสามารถนั้นไป

ด้วยเหตุนี้ หากสมาชิกในตระกูลคนใดมีสายเลือดระดับเงิน มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการถูกล็อตเตอรี่ ตราบใดที่ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น รับประกันได้เลยว่าตระกูลดังกล่าวจะได้รับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 หรือสูงกว่านั้น ภายในสองสามทศวรรษข้างหน้า ซึ่งก็มากเกินพอที่จะรับรองความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลไปอีกหลายปี

ดังนั้นหากพูดถึงผู้ครอบครองสายเลือดระดับเงินแล้วล่ะก็ ตระกูลผู้มีพลังเหนือธรรมชาติย่อมพร้อมที่จะทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้กับคนผู้นั้นเพื่อดูแลพวกเขาโดยไม่ลังเล เพราะมันคือการลงทุนที่ได้รับประกันผลประโยชน์ล่วงหน้านั่นเอง

โรเอลได้รับหลายสิ่งหลายอย่างจากสถานะผู้เฝ้ามองครั้งนี้ เช่น สัมผัสแห่งธารน้ำแข็ง ความสามารถใหม่ของสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา แต่รางวัลที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือการตื่นขึ้นของสายเลือดระดับเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เพื่อที่จะทัดเทียมกับนอร่า อลิเซีย หรือผู้ทรงอำนาจคนอื่น ๆ บนโลก

ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วโรเอลจะสามารถเทียบเคียงกับพวกเธอได้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น เหตุผลก็เพราะความแตกต่างในรากฐานของพวกเขา ธรรมชาติของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎของโรเอล ทำให้เขาต้องออกไปค้นหาโอกาสและฝ่าฟันอุปสรรค การเติบโตของเขาขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ได้รับ

กลับกันแล้ว นอร่าและคนอื่น ๆ มีพรสวรรค์ทางความสามารถมากพอที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ได้เพียงแค่การหายใจ

ด้วยเหตุนี้​ ทั้งกรันด้าและเปตรา จึงมักจะพูดถึงเรื่องไร้สาระ อย่างการให้โรเอลมีลูกกับพวกเธอ แม้แต่ในมุมมองของตัวตนระดับสูงที่มีมาตรฐานที่สูงส่ง นอร่า อลิเซีย และชาร์ล็อต ก็ยังถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะที่หายาก ทำให้พวกเธอเป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับการสืบสานสายเลือดของโรเอลต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย โรเอลก็ได้เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับเปลี่ยนจากการใช้จักรยานเป็นมอเตอร์ไซค์ ความพึงพอใจที่หลั่งไหลเข้ามานี้ได้ล้างความรู้สึกด้อยค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โรเอลเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจมาตลอด ทำให้เขารู้สึกสดชื่นไปทั้งตัว

เด็กชายมองออกไปนอกหน้าต่างจ้องมองท้องฟ้าอันแจ่มใส ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างเป็นสถานที่ที่สวยงาม

“จะว่าไปแล้ว พวกเรายังไปไม่ถึงจุดดูดาวอีกเหรอ?”

โรเอลถามพร้อมกับเลิกคิ้วสูง พื้นที่ข้างนอกอันเต็มไปด้วยหิมะแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าแปลก โดยทั่วไปแล้ว เพื่อที่จะหาจุดดูดาวก็ต้องไปยังสถานที่สูง ๆ แต่รถม้าขบวนนี้กลับวิ่งเร็วผิดปกติ ราวกับว่ามันกำลังรีบวิ่งไปยังจุดหมายใดจุดหมายหนึ่ง

เขาหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดโรเอลก็ถือว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเพียงนิสัยแปลก ๆ ของพวกคนรวย จากประสบการณ์แล้ว คนรวยมักจะมีรสนิยมและค่านิยมที่แตกต่างจากคนธรรมดา ๆ อย่างเขา บางทีชาร์ล็อตอาจมีสถานที่ประจำในใจที่เธอใช้ในการดูดาว และต้องการที่จะพาเขาไปที่นั่น

ในโลกเดิม โรเอลก็เคยได้ยินเกี่ยวกับคนรวยที่บินไปยังต่างประเทศด้วยเครื่องบินเจ็ท เพียงเพื่อที่จะได้รับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สนองความอยากของพวกเขา เด็กชายจึงคิดว่าบางทีชาร์ล็อตเองก็น่าจะกำลังทำอะไรคล้าย ๆ กัน โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าชาร์ล็อตได้ลักพาตัวเขา และกำลังหลบหนีอยู่

“ที่รัก ขอโทษที่ข้าให้เจ้ารอเสียนาน”

ไม่นานหลังจากนั้น ชาร์ล็อตก็ก้าวเข้ามาในห้องด้วยสภาพที่ผมยังเปียกหมาด ๆ เธอเพิ่งเข้าไปอาบน้ำตอนเช้ามาไม่นาน และด้วยความที่กลัวว่าโรเอลจะเหงา เด็กสาวจึงรีบร้อนมากกว่าปกติ

โรเอลเองก็ได้ทำความสะอาดตัวเองมาแล้วเช่นกัน แต่ด้วยสภาพร่างกายอันเปราะบาง ซึ่งเกิดจากการฟื้นคืนชีพอันเดธ เขาจึงเลือกที่จะจัดการกับมันด้วยคาถาเวท

“เธออาบน้ำเร็วจนน่าตกใจเลยนะ”

“ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนรักรอคนเดียวนานเกินไปได้หรอก”

“เธอ… เฮ้อ ช่างมันเถอะ”

โรเอลไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรักเวิ่นเว้ออันไม่มีที่สิ้นสุดของชาร์ล็อตอย่างไรดี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปล่อย ๆ มันไป ทางชาร์ล็อตเองก็ดูจะไม่ได้มีปัญหาอะไร จากการตอบสนองที่ขาดความใส่ใจของโรเอล เด็กสาวสังเกตเห็นว่า ถึงแม้โรเอลจะมีท่าทีต่อต้านท่าทางอันใกล้ชิดของเธอ แต่เขาก็ไม่เคยตำหนิเธอสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี

ประการหนึ่งเป็นเพราะเสน่ห์ของชาร์ล็อตนั้นไม่อาจต้านทานได้ ส่วนอีกประการหนึ่งก็คือโรเอลนั้นได้ยอมรับชาร์ล็อตโดยที่ไม่รู้ตัวไปแล้ว

ความผูกพันจากการผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันนั้นทั้งลึกซึ้งและซับซ้อน ความสนิทสนมที่มีร่วมกันผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายทำให้โรเอลสามารถอดทนต่อชาร์ล็อตได้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เธอทำ เส้นอันไม่ชัดเจนเหล่านี้ทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับสถานะความสัมพันธ์ในปัจจุบันของพวกเขา

พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน หรือเป็นคู่หมั้นกันจริง ๆ​?

ชาร์ล็อตทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในขณะที่โรเอลอดทนต่อการกระทำของเธออย่างสุดความสามารถ เด็กสาวก็คิดที่จะทำให้เขายอมรับในตัวเธอและกระชับความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น

“ที่รัก นี่ชาของเจ้า”

ทั้งสองเริ่มรับประทานอาหารเช้าของพวกเขาอย่างที่เคยทำมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างบางประการ ประการแรกชาร์ล็อตนั้นไม่ได้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรเอล แต่อยู่ข้าง ๆ เขา เพื่อเป็นการชวนให้ระลึกถึงเวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกันในห้องสมุด ชาร์ล็อตจึงเลือกชงชาแดงตามปกติให้กับเด็กชาย

“อันที่จริง เธอไม่จำเป็นจะต้องชงชาให้ฉันด้วยตัวเองก็ได้นะ”

“ก่อนหน้านี้เจ้าก็ทำให้ข้าตั้งหลายครั้งไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ตอนนั้นมีแค่พวกเราสองคนในห้องสมุดนี่นา”

“ข้าไม่เห็นว่ามันจะมีความแตกต่างอะไรเลย มีเพียงเจ้าคนเดียวในสายตาของข้า ดังนั้นสำหรับข้า มีเพียงแค่เราสองคนที่นี่เท่านั้น”

“!”

ดวงตาสีมรกตของชาร์ล็อตจับจ้องมาที่โรเอลอย่างตั้งใจ ขณะที่เธอพูดคำแสดงความรักอันอ่อนโยนเหล่านั้นออกมา ทำให้หัวใจของเด็กชายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เขาเริ่มลนลานจนขยับไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงเธอ

ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการมีสาวงามมากระซิบบอกข้างหู ไม่มีชายที่ไหนสามารถทนต่อสิ่งนี้ได้

ทันทีที่รู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นระรัว โรเอลก็จิบชาแดงลงคออย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้จิตใจอันร้อนรุ่มสงบลง ทว่าจู่ ๆ เด็กชายก็ได้ทำลายบรรยากาศแห่งความรักลงไปอย่างรุนแรง

“ช..ใช่แล้ว ชาร์ล็อต! ในเมื่อคำขอของเธอเสร็จสิ้นแล้ว มันก็ถึงเวลาชำระหนี้ระหว่างเราด้วยแล้วใช่ไหม?”

จู่ ๆ โรเอลก็นึกถึงหนี้ก้อนโตที่เขามีอยู่ได้ ฟองสีชมพูในใจผุดขึ้นมาในใจของเขาทันที จู่ ๆ ใบหน้าของชาร์ล็อตก็เริ่มมีความขัดแย้ง ราวกับว่าเธอกำลังหาข้ออ้างที่จะหักล้างค่าชดเชยดังกล่าว ปฏิกิริยาของเธอได้กระตุ้นความโกรธจากโรเอลผู้สิ้นหวังในทันที

“นี่ หรือว่าเธอไม่คิดที่จะจ่ายหนี้ระหว่างเรางั้นเหรอ? การที่เธอจะทำเป็นไม่เห็นข้อตกลงที่เราทำในตอนนั้นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่เธอคิดที่จะเบี้ยวเงินที่ฉันเสี่ยงชีวิตด้วยงั้นเหรอ นั่นมันมากเกินไปแล้วนะ!”

เนื่องจากโรเอลเพิ่งกู้เงินดอกเบี้ยสูงมาจากระบบ เขาจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาเงินบางส่วนมาจากชาร์ล็อตไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม นี่แหละคือความดิ้นรนของเด็กชายผู้กำลังติดหล่มหนี้!

ทว่าทันใดนั้นชาร์ล็อตก็หัวเราะออกมา เธอเอนตัวไปที่โรเอลพร้อมกระซิบเบา ๆ ข้างหูของเขา

“ข้าเกรงว่า ข้าคงจะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนั้นได้ด้วยตัวเองอีกต่อไป ข้าควรที่จะขออนุญาตจากคู่หมั้นเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินร่วมกันเสียก่อน เจ้าไม่คิดอย่างนั้นบ้างเหรอ?”