บทที่ 183: คุณสูญเสียสามีของคุณ

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 183: คุณสูญเสียสามีของคุณ

ในที่สุดก็มาถึงเสียที

รถม้าอันหรูหราที่ลากโดยม้าฟรอสต์วิงแล่นเข้ามายังคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มาถึงจุดหมาย นอร่า เซไซต์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว นับจากที่นอร่าได้รับข้อความจากอลิเซียในชายแดนฝั่งตะวันออก ตั้งแต่นั้นมา เด็กสาวก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดบนรถม้าคันนี้มุ่งสู่จุดหมายโดยไม่ได้หยุดพัก ซึ่งความพยายามของเธอก็ประสบผลสำเร็จ นอร่าสามารถมาถึงคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดได้ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

ประตูอันคุ้นเคย ทำให้นอร่าหวนนึกถึงครั้งแรกที่เธอมาเยือนคฤหาสน์แห่งนี้เมื่อราว ๆ สองสามปีก่อน เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้พบกับเด็กชายแปลก ๆ ที่เข้าใจและยอมรับรสนิยมอันแปลกประหลาดของเธอได้ที่นี่ ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ได้ใช้เวลาร่วมกันมากมาย ฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายมากมาย สนับสนุนซึ่งกันและกัน ถึงจุดที่อาจกล่าวได้ว่าทั้งคู่เป็นตัวตนที่จำเป็นในชีวิตของอีกฝ่าย

เอาเถอะ ถึงแม้ว่าโรเอลจะยังมีปัญหานิดหน่อยกับรสนิยมของข้า แต่ตราบใดที่ข้ายังคงล่อลวงเขาต่อไปแบบนี้ อีกไม่นานเขาก็ต้องจำยอมต่อข้าด้วยความเต็มใจแน่

นอร่ามั่นใจในเรื่องนี้มาก เพราะมีเพียงเธอเท่านั้นที่เคยผ่านประสบการณ์เสี่ยงชีวิตร่วมกันกับโรเอล พวกเขาได้ร่วมกันเอาชนะวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นดั่งบททดสอบของพวกเขา สร้างความไว้วางใจระหว่างกันอย่างลึกซึ้งในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้

แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นปัจเจกบุคคลอิสระที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน แต่ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประสบปัญหาล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าอีกคนหนึ่งจะต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือในทันทีแน่ ราวกับว่าหัวใจของพวกเขาทั้งสองเชื่อมโยงกัน

ดังนั้นนอร่าจึงมั่นใจมากว่า​ ชาร์ล็อตที่ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกันกับโรเอลมากไปกว่าสัญญาหมั้น ไม่มีทางทำอะไรเธอได้แน่ ต่อให้เธอจะอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดมากว่าครึ่งเดือนก็ตาม

ชาร์ล็อตกับโรเอลเคยต่อสู้ฝ่าฟันร่วมกันท่ามกลางความสิ้นหวังมาก่อนรึเปล่า? พวกเขามีพันธะแห่งความไว้วางใจที่อยู่เหนือชีวิตและความตายไหม? พวกเขามีความรักอันบริสุทธิ์ที่ปราศจากผลประโยชน์ใด ๆ จากสถานะและชื่อเสียงของพวกเขาไหม?

นอร่าสะบัดผมของตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มอันเย่อหยิ่งที่ปรากฏบนริมฝีปาก คำตอบนั้นชัดเจนมาก

ประสบการณ์ที่เธอมีร่วมกันกับโรเอลนั้นพิเศษยิ่งกว่าที่ใคร ๆ จะมีได้ แล้วคนนอกอย่างชาร์ล็อตจะมาเทียบเคียงกับเธอได้อย่างไร?

ชาร์ล็อตก็เป็นแค่เด็กหญิงที่มีเพียงแค่สัญญาหมั้น เป็นกำแพงป้องกันด่านสุดท้าย ทันทีที่สัญญาหมั้นถูกยกเลิก เธอก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อนอร่าอีก

เมื่อประเมินว่าทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุม นอร่าก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ เฝ้าดูรถม้าของตนแล่นเข้าไปในทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด

อาคารที่คุ้นเคยในสภาพแวดล้อมอันแสนคุ้นเคย เหล่าคนรับใช้ของตระกูลแอสคาร์ด ต่างขยันขันแข็งในหน้าที่เหมือนทุก ๆ ครั้ง พวกเขาเปิดประตูต้อนรับนอร่าล่วงหน้าเกือบ 100 เมตรก่อนที่รถม้าของเธอจะแล่นไปถึงประตูด้วยซ้ำ

นอร่านั้นมีแผนการของตนอยู่ในใจ นั่นก็คือทันทีที่เธอลงมาจากรถม้า นอร่าก็จะเข้าไปหาโรเอลอย่างใกล้ชิด

นี่คือแผนการโจมตีแรกของนอร่า เด็กสาวตั้งใจจะเอาชนะชาร์ล็อต โดยการต่อสู้กันตรง ๆ เนื่องจากเธออยู่ที่นี่ได้ไม่นาน นอร่าจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะรีบรุดกลับไปยังชายแดนตะวันออก นอร่าจะกลับสู่สมรภูมิได้อย่างสบายใจก็ต่อเมื่อเธอสามารถยืนยันได้แล้วว่าชาร์ล็อตไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป

นี่เป็นตัวอย่างของคำกล่าวที่ว่า ‘ครอบครัวต้องมาก่อนประเทศชาติ’

อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่นอร่าคิด ก็จริงอยู่ที่ว่าคนในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดได้ออกมาต้อนรับเธอตามที่วางแผนไว้ ทว่าบุคคลที่ออกมาต้อนรับกลับมีเพียงแค่แอนนา​ สาวใช้ส่วนตัวของโรเอล ปราศจากทั้งตัวของโรเอลและชาร์ล็อต

หืม? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

การที่ชาร์ล็อตผู้อยู่ในฐานะแขกของตระกูลแอสคาร์ด ไม่ได้ออกมาต้อนรับเธอนั้นปกติ แต่แล้วโรเอลล่ะ?

ตาสีไพลินของนอร่าเบิกกว้างด้วยความสับสน ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลงที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด

แอนนายืนอยู่กับที่​ รอคอยต้อนรับอีกฝ่ายอย่างมั่นคง สาวใช้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะรักษารอยยิ้มแบบมืออาชีพของตนเอาไว้ โดยที่ความกังวลที่กักเก็บมานานใกล้จะเผยออกมาทางสายตา

ไม่นานมานี้ ภายใต้คำสั่งของมาร์ควิสคาร์เตอร์ ผู้นำตระกูลแอสคาร์ด แอนนาต้องร่วมมือกับอลิเซียและนอร่าในแผนการขัดขวางการหมั้นของพวกเขา ทว่าท้ายที่สุดเมื่อแผนการจบลงที่ความล้มเหลว ในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของโรเอล แอนนาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดอย่างหนักเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป

จนกว่าโรเอลจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หรือวัย 14 ปีสำหรับโลกนี้ มาร์ควิสคาร์เตอร์ ผู้นำตระกูลแอสคาร์ด มีสิทธิ์ในการออกคำสั่งเหนือสาวใช้ส่วนตัวของโรเอล กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคาร์เตอร์นั้นเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของแอนนา​ ไม่ใช่โรเอล ดังนั้นเธอจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นก็อาจจะถูกลงโทษในภายหลัง ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เธออาจถูกปลดออกจากตำแหน่งนี้ และต้องแยกทางกับโรเอล

สิ่งนี้ทำให้แอนนาอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบาก แม้ว่าโรเอลจะไม่ได้พูดอะไรหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ความรู้สึกผิดก็ยังคงกัดกินจิตใจของสาวใช้ ทำให้เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้นายน้อยเกลียดเราแล้วรึเปล่า?

เมื่อใดก็ตามที่แอนนาคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็จะรู้สึกแย่ราวกับพี่สาวที่กำลังถูกน้องชายเกลียด ส่งผลให้ หลายวันมานี้เธอนอนหลับได้ไม่เต็มตื่น แอนนาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วโรเอลไม่ได้โกรธเธอ เพียงแค่ว่าเขานั้นยุ่งกับชาร์ล็อตมากเกินไปจนไม่มีเวลาให้เธอก็เท่านั้น

ความรู้สึกผิดนี้ทำให้แอนนาไม่ทันได้สงสัย เกี่ยวกับการที่โรเอลไปโดยสารขบวนรถสายธารแห่งอัญมณีของตระกูลโซโรฟยาเพื่อไปเที่ยวชมวิวกับชาร์ล็อตเมื่อสามวันก่อน ทว่าเมื่อพวกเขาไม่กลับมาเป็นเวลานาน ในไม่ช้าสาวใช้ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แม้ว่าตระกูลโซโรฟยาจะส่งคนรับใช้มาที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดทุก ๆ วัน เพื่อแจ้งกำหนดการของโรเอลและชาร์ล็อต ทว่าตารางงานของพวกเขากลับล่าช้าลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งสองมุ่งหน้าออกไปไกลจากส่วนกลางของเขตการปกครองแอสคาร์ดเรื่อย ๆ จนในไม่ช้าก็ไปถึงเทือกเขาโวรุน ซึ่งเป็นแนวพรมแดนระหว่าง เขตการปกครองแอสคาร์ดและอาณาเขตของสมาคมพ่อค้าโรซ่า

มันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากโรเอลนั้นตกหลุมรักชาร์ล็อตจนตามืดบอด และตัดสินใจละทิ้งหน้าที่ทั้งหมดเพื่อเติมเต็มความรัก แต่แอนนารู้อยู่แก่ใจดีว่านายน้อยของเธอไม่ใช่คนแบบนั้น จากการสังเกตของสาวใช้ แม้ว่าโรเอลจะสนใจชาร์ล็อตอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งในแง่ของความรักกับชาร์ล็อต มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่นายน้อยผู้ระมัดระวังของเธอ จะออกไปจากคฤหาสน์เป็นเวลานานโดยไม่นำองครักษ์ติดตามไปด้วย หรือส่งข้อความใด ๆ กลับมา

แอนนาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะเคลื่อนไหวรึเปล่า ประการแรก สาวใช้นั้นไม่มีวิธีที่จะหาทางติดต่อกับตระกูลโซโรฟยาโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นชาร์ล็อตเองก็มีฐานะเป็นคู่หมั้นของโรเอล ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะหาเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับติดตามสถานการณ์

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แอนนา โรเอลอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?”

นอร่าถามสาวใช้ทันทีที่ลงมาจากรถม้า ทำให้รอยยิ้มของแอนนาหยุดลงและเริ่มตื่นตระหนกเล็กน้อย

เราควรจะปิดเรื่องของนายน้อยเอาไว้ หรือควรรายงานไปตามความจริงดีล่ะ?

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แอนนาก็รู้สึกว่าเธอควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของโรเอลเป็นอย่างแรก สาวใช้จึงรายงานไปตามความจริง และอธิบายความรู้สึกไม่สบายใจของตนให้นอร่าฟัง

ส่วนปฏิกิริยาของนอร่านั้น…

องค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิทยืนอึ้งไปในทันที! ทั้ง ๆ ที่เธอวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบแล้วแท้ ๆ แต่โรเอลกับชาร์ล็อตนั้นกลับหายตัวไปจากคฤหาสน์ อีกทั้งยังหายไปด้วยกันถึงสามวันแล้วด้วย!

สามวันเต็ม ๆ! พวกเขาไปรับประทานอาหารเย็นที่ไหนกัน ถึงต้องใช้เวลาสามวันเต็ม ๆ?

นอร่ากำหมัดแน่น พร้อมกับความโกรธอันเดือดพล่านในอก อย่างไรก็ตามหลังจากที่สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยและได้ฉุกคิดทบทวนอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ บางอย่างที่ไม่สอดคล้องกันเกี่ยวกับสถานการณ์นี้

“เดี๋ยวก่อนนะ เขาพกเอสเซนด์วิงติดตัวไปด้วยรึเปล่า?”

“ไม่ค่ะ ทั้งคู่วางแผนที่จะไปรับทานอาหารเย็นด้วยกัน ดังนั้นนายน้อยจึงไม่ได้นำอะไรติดตัวไปด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์อีก”

“!”

เมื่อได้ยินว่าโรเอลไม่ได้นำเอสเซนด์วิงติดตัวไปด้วย ตาของนอร่าก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ความไม่ลงรอยกันในข้อมูลยิ่งชวนให้เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

แอสเซนด์วิงเป็นอาวุธคู่กายของโรเอลที่เขามักจะพกติดตัวไปเสมอ ความสามารถแรกของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ผู้ต่อต้าน เป็นคาถาเวท ในการเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียวของเขา และโรเอลก็ให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาเดินทางออกจากคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด ไม่ว่าจุดหมายจะเป็นเมืองอันปลอดภัย หรือป่าที่อันตราย เขาก็จะนำมันติดตัวไปด้วยเสมอ

“นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ มีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีทางที่โรเอลจะออกไปแบบนั้น…”

นอร่าพึมพำอย่างเคร่งเครียด

ข้อสันนิษฐานอีกอย่างผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในใจของนอร่า ถ้าหากว่าโรเอลไม่ได้ออกไปข้างนอกโดยสมัครใจขึ้นมาล่ะ? ตระกูลโซโรฟยากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่? พวกเขาต้องการอะไรจากโรเอลกัน?

ในมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักร เมืองโรซ่าและจักรวรรดิเซนต์เมซิทมีความสัมพันธ์ฉันมิตรต่อกัน ดังนั้นนี่จึงไม่น่าจะเป็นการพยายามทำให้จักรวรรดิเซนต์เมซิทขาดเสถียรภาพ

จากมุมมองความสัมพันธ์ระดับตระกูล ตระกูลโซโรฟยาและตระกูลแอสคาร์ดเองก็เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาช้านาน พวกเขาวางแผนที่จะทำงานร่วมกันในโครงการพัฒนาเขตการปกครอง จากมุมมองทั้งสองนี้ มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ตระกูลโซโรฟยาลงมืออะไรกับโรเอล

มีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือนี่เป็นเหตุผลส่วนตัว

“เธอกำลังวางแผนที่จะลักพาตัวโรเอลไปที่เมืองโรซ่างั้นเหรอ?”

นอร่าตกตะลึงกับความเป็นไปได้นี้ชั่วครู่ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

เป็นไปไม่ได้หรอกน่า นี่เรากำลังพูดถึงชาร์ล็อต โซโรฟยาเลยนะ? ผู้หญิงที่เอาใจยาก​ รักนวลสงวนตัวที่สุดในตระกูลโซโรฟยา และโรเอลเองก็แทบจะไม่มี ‘พลังโจมตี’ เลย เขาจะไปเปิดเปลือกหนา ๆ ในหัวใจเธอได้อย่างไร?

นอกจากนี้ ชาร์ล็อตก็ยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความเฉียบแหลม เธอชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในทุก ๆ การลงทุน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการลักพาตัวโรเอลนั้นมีความเสี่ยงสูงแค่ไหน หากเธอไม่ได้รักเขาอย่างสุดซึ้ง ก็คงจะไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสองคนจะไปสร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้ได้อย่างไรกัน?

นอร่าหัวเราะเยาะความคิดอันตลกขบขันในใจ แต่แล้วความเป็นไปได้ใหม่อันน่าสยดสยองก็ผุดขึ้นในใจเธอ ทำให้รอยยิ้มขององค์หญิงเริ่มจางลงทีละน้อย

เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิด คำข้อตกลงที่ชาร์ล็อตทำกับโรเอลคือการสอบสวนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับบรรพบุรุษของเธอ นี่มัน… หรือว่า… แย่แล้วสิ!

นอร่านั้นรู้ถึงความสามารถพลังทางสายเลือดของโรเอลดี ด้วยความรู้นี้ในที่สุดเธอจึงตระหนักได้ว่ามีจุดบอดในความคิดของตน เด็กสาวได้ละเลยเรื่องนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของนอร่าเคร่งเครียดขึ้นมา ทันใดนั้นเธอก็ออกคำสั่ง

“เนื่องจากการกระทำอันน่าสงสัยของตระกูลโซโรฟยาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ข้า นอร่า เซไซต์ สงสัยว่าพวกเขากำลังพยายามลักพาตัวและกักขัง โรเอล แอสคาร์ด ผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ดอย่างผิดกฎหมาย ในฐานะผู้พิทักษ์ของโรเอล แอสคาร์ด ข้าขอสั่งปิดพรมแดนของเขตการปกครองแอสคาร์ดโดยสมบูรณ์!”

การที่สิ่งล้ำค่าที่สุดของตนโดยฉกฉวยไป ทำให้นอร่ารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เด็กสาวจึงเลือกใช้มาตรการอันสุดโต่งโดยไม่ลังเล แม้แต่แอนนาก็ยังตกใจกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่เพื่อความปลอดภัยของโรเอล สาวใช้ก็ตัดสินใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งของนอร่า และถ่ายทอดคำสั่งนั้นออกไป

และนอร่าก็ได้ออกคำสั่งเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการขนส่งอย่างรวดเร็ว หากมีการปิดแนวชายแดน ก่อนที่จะสั่งให้ตรวจสอบเส้นทางของโรเอลอีกครั้ง แล้วจึงกระโดดขึ้นไปบนรถม้าฟรอสต์วิงเดินทางออกไปพร้อมกับกลุ่มราชองครักษ์ ไล่ตามเบาะแสการเดินทางของโรเอลด้วยความเร่งรีบ

ขณะที่เจ้าหญิงขี่ม้าขาวกำลังรีบไปช่วยเจ้าชายของเธอ บทละครของเจ้าหญิงนิทราก็ได้เกิดขึ้นภายใน สายธารแห่งอัญมณี

ชาร์ล็อตจ้องไปยังเด็กชายผมดำที่กำลังหลับใหล รอยยิ้มอันสดใสของเด็กสาวค่อย ๆ จางลง เธอจับมือเขาแน่นขณะด้วยการแสดงออกที่ค่อย ๆ จริงจังขึ้น

นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเขากลับมาจากสถานะผู้เฝ้ามอง ทว่าอาการของโรเอลก็ยังไม่ดีขึ้นเลย เขาตื่นขึ้นมาเพียงแค่หกชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และมักจะมีอาการหนาวสั่นในตอนกลางคืน

ทางด้านชาร์ล็อตเองก็แทบไม่ได้นอนเลยตลอดสามวันที่ผ่านมา เธอคอยอยู่เคียงข้างโรเอล แม้ในช่วงเวลาที่เขาหลับใหล ซึ่งทำให้เด็กสาวมักจะตื่นขึ้นมาเพราะไอเย็นยะเยือก จากพลังเวทอันเย็นยะเยือกของโรเอล นี่เป็นวิธีที่ทำให้เธอสามารถช่วยรักษาโรเอลได้ทันทีที่เขารู้สึกหนาวสั่น

แม้ว่าจะชาร์ล็อตจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแม้แต่คืนเดียวตลอดสามวันที่ผ่านมาจนหมดแรง แต่ เด็กสาวกลับรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ตราบใดที่เธอสามารถอยู่เคียงข้างคนรักของตัวเองได้ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เธอก็พร้อมที่จะอดทน อันที่จริงแค่ได้ดูแลโรเอลก็ทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม เวลาแห่งความสุขมักจะสั้น ระหว่างที่ชาร์ล็อตจ้องมองไปที่โรเอลผู้กำลังหลับใหล เกรซก็เดินเข้ามาจากด้านหลังอย่างช้า ๆ

“นายหญิง พวกเราเพิ่งได้รับรายงานมาจากแนวชายแดน ดูเหมือนว่าแผนของพวกเราจะถูกจับได้แล้วค่ะ ”

“อย่างนั้นเหรอ? ก็คิดไว้แล้วล่ะ ว่ามันจะต้องไม่สำเร็จง่าย ๆ แน่”

ชาร์ล็อตถอนหายใจยาวพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ข้าไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ไม่มีทาง”