ตอนที่ 197 เยี่ยนอวี่เกลี้ยกล่อมท่านแม่ทัพหวั่นไหว (4)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 197 เยี่ยนอวี่เกลี้ยกล่อมท่านแม่ทัพหวั่นไหว (4)

ตอนถึงตอนเที่ยง เหยาเหยียนอี้ยังคงไม่เห็นเหยาเยี่ยนอวี่ลงมา ด้วยเหตุนี้จึงสั่งเสวียเหลียน “เจ้าไปดูว่าคุณหนูรองเป็นอะไรไป เมื่อเช้าไม่ลงมาทานอาหารก็ไม่เป็นไร เหตุใดตอนเที่ยงยังไม่ลงมาอีก เดิมทีบนเรือก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว อย่าทำให้นางรู้สึกอุดอู้จนป่วยขึ้นมา”

เสวียเหลียนเป็นหนึ่งในสาวใช้สองคนที่เหยาเยี่ยนอวี่ซื้อมาปรนนิบัติเหยาเหยียนอี้โดยเฉพาะอีกคนที่เรียกว่าเซียงเหลียนอยู่เฝ้าจวนที่เมืองหลวงอวิ๋น เสวียเหลียนติดตามมารับใช้เหยาเหยียนอี้เดินทางลงใต้เวลานี้ได้ยินคำสั่งก็ขานรับแล้วไปดูเหยาเยี่ยนอวี่

ชุ่ยเวยเห็นนางก็รีบยกมือวางไว้บนริมฝีปาก แสดงท่าทางที่ทำให้เงียบ

เสวียเหลียนเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ที่นอนอยู่บนตั่งไม้แล้วดึงชุ่ยเวยเดินไปคุยตรงมุมด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณชายรองให้ข้ามาดูว่าเหตุใดคุณหนูถึงยังไม่ลงไปรับอาหาร”

ชุ่ยเวยจึงกระซิบข้างหูเสวียเหลียน เสวียเหลียนถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ลงไป

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้โผล่หน้าให้เห็นสองวัน ถึงแม้หลังๆ มาจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแล้ว ทว่ายังคงคร้านจะขยับ

เฝิงหมัวมัวก็บอกเหยาเหยียนอี้ถึงเรื่องนี้ รอให้ถึงท่าเรือแล้วต้องเทียบท่า นางจะต้องไปซื้อยาบางส่วนให้คุณหนู อีกทั้งยังเอ่ยว่า “หากคนอื่นป่วย คุณหนูต้องมีวิธีแน่นอน ทว่าครั้งนี้คุณหนูป่วยเอง พวกบ่าวทำได้เพียงกระวนกระวายอย่างเดียวเท่านั้น”

เรื่องเช่นนี้เหยาเหยียนอี้ก็ไม่มีวิธีดีๆ อะไร แค่พยักหน้าตอบรับ “ท่าเรือข้างหน้ายังมี อีกหลายลี้ประเดี๋ยวให้พวกเขาเทียบท่า เจ้าก็รีบไปซื้อ”

ทางด้านเว่ยจางที่ไม่เห็นเหยาเยี่ยนอวี่เดินเล่นอยู่ตรงหัวเรือ ภายในใจจึงอัดอั้นยิ่งนัก

กำลังจะสั่งให้ถังเซียวอี้ไปสืบเรื่องมาจากสาวใช้บนเรือลำใหญ่สักหน่อย ทว่าก็เห็นเรือลำใหญ่เปลี่ยนทิศทางตรงไปยังท่าเรือ ด้วยเหตุนี้จึงถามถังเซียวอี้ที่อยู่ข้างๆ “พวกเขาอยากจะเทียบท่าหรือ ข้างหน้าเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ เท่านั้น เหตุใดถึงเลือกจอดที่นี่”

ถังเซียวอี้คลี่ยิ้ม “อาจจะเป็นเพราะต้องการซื้อของอะไรเพิ่มหรือเปล่า มากสุดพวกเราก็แค่เทียบท่าตามไปสักพัก หลายวันมานี้อุดอู้อยู่แต่บนเรือ หนังบนตัวของเหล่าสหายคงใกล้จะเปื่อยแล้ว ก็ควรออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

เว่ยจางพยักหน้า “อืม บอกพวกเขาให้เทียบท่าตามเรือใหญ่”

ไม่นาน เรือของเหยาเหยียนอี้ก็จอดเทียบท่าของหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีนามว่าเถาฮวาป้า ท่าเรือนี้เล็กนัก ตรงท่าเรือมีเรือประมงไม่ใหม่ไม่เก่าเทียบอยู่ไม่กี่ลำ นี่เป็นช่วงเวลาทำเกษตร คงไม่มีใครไปจับปลา ต้นหลิ่วเขียวขจีข้างแม่น้ำกลับมีเหล่าสตรีไม่กี่คนกำลังซักผ้าอยู่ใต้ต้นไม้

เว่ยจางกับถังเซียวอี้ลงเรือก่อน พอหันหลังไปก็เห็นเหยาเหยียนอี้และเซียวหลิน ทว่ากลับไม่เจอแม้แต่เงาของเหยาเยี่ยนอวี่

ถังเซียวอี้รู้ดีในความคิดของท่านแม่ทัพเว่ย ด้วยเหตุนี้จึงประสานมือคารวะแล้วเอ่ยถามเหยาเหยียนอี้ “ใต้เท้าเหยา เหตุใดถึงไม่เห็นคุณหนูเหยาลงมาเดินเล่นขอรับ”

เหยาเหยียนอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ช่วงนี้นางไม่สบาย ไม่อยากเดินไปไหนมาไหน”

“ป่วยหรือ” ถังเซียวอี้คาดคิดไม่ถึงจริงๆ หมอเซียนไร้เทียมทานท่านหนึ่งก็เจ็บไข้ได้ป่วยเป็น?

เหยาเหยียนอี้ไม่อยากจะมากความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงพูดเรื่องอื่น “พวกเราไปดูว่าทางโน้นมีของอะไรจากที่นี่มาขายบ้าง”

เซียวหลินพักอาศัยอยู่บนเรือของตระกูลเหยามาโดยตลอด ทำให้เรือของตนเองกลายเป็นเรือขนสินค้าไปตั้งนานแล้ว สำหรับเรื่องของเหยาเยี่ยนอวี่ก็ได้ยินมาบ้าง เขาก็ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าไม่มีมากความอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคลี่ยิ้ม “ได้ ไปกันเถอะ”

พอเห็นทั้งสองคนนี้เดินเคียงไหล่กันไป ถังเซียวอี้ก็อ้าปากพลางสูดลมหายใจเข้าปากหนึ่งครั้ง “ฟู่…ท่านแม่ทัพ ท่านว่าสองคนนี้หมายความว่าอะไร”

เว่ยจางหรี่ตามองด้วยแววตาลุ่มลึก “เจ้าติดตามพวกเขาสองคนไป ข้าจะไปดูทางฝั่งโน้นเสียหน่อย” กล่าวจบท่านแม่ทัพก็หายตัวไปติดตามเฝิงหมัวมัวที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบทันที

เฝิงหมัวมัวขึ้นชายฝั่งแล้วก็ถามหาร้านยาในเถาฮวาป้าจากเหล่าสตรีที่ซักผ้า จากนั้นก็รีบไปซื้อยาอย่างกระวนกระวาย แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าข้างหลังมีคนติดตามมา

หมู่บ้านเถาฮวาเป้ามีร้านยาเล็กๆ เพียงร้านเดียว ยาสมุนไพรที่ขายจึงน้อยและขาดแคลน ยังดีที่ยาตำรับยาชื่ออู้ทังเป็นยาสมุนไพรสามัญ เฝิงหมัวมัวจ่ายเงินแล้วก็ซื้อได้ในปริมาณที่เพียงพอ แล้วนางยังซื้อน้ำตาลทรายแดงห่อใหญ่มาหนึ่งห่อ

เฝิงหมัวมัวจากไป เว่ยจางจึงรีบเข้าไปในร้านยา ข้างในมีผู้เฒ่าคนหนึ่งที่กำลังนับเงินอยู่ตรงโต๊ะชำระเงิน อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัว ทำเอาเขาสะดุ้งตกใจและนึกว่าเป็นโจรปล้นจึงรีบเก็บเงินเข้าไปถุงแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวังตัว “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”

เว่ยจางคร้านจะมากความกับคนๆ นี้ แค่เอ่ยถาม “เมื่อครู่หญิงวัยกลางคนนั้นซื้อยาอะไรไป”

ผู้เฒ่าถลึงตาทั้งสองข้างแล้วเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นบุรุษผู้หนึ่ง มาถามเช่นนี้ไปทำไมกัน”

“จะพูดไม่หรือพูด!” เว่ยจางมองด้วยสายาเย็นเยียบ

“พูด… ข้าพูด…” ผู้เฒ่าตกใจจนสั่นไปทั้งตัว “เมื่อครู่หญิงคนนั้นซื้อสมุนไพรที่ใช้ตุ๋นตำรับชื่ออู้ทัง…มีสูตี้หวงตาง…กุยยังมีชวน…ชวนซยงและ…เซ่าเหย้า”

เว่ยจางเครียดจนกัดฟันกรอด “ใครถามเจ้าอันนี้! ข้าถามเจ้าว่านางซื้อยาพวกนี้ไปรักษาอะไร!”

“ไป…ไปรักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติและอาการปวด…ปวด”

“…” เว่ยจางตะลึงงันไปทันที แม่นางผู้ใดกันที่ประจำเดือนมาไม่ปกติและอาการปวด? เหยาเยี่ยนอวี่?

ตอนที่ออกจากร้านยา เว่ยจางก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ถังเซียวอี้มองเขาแค่ครู่เดียวก็ยังรู้สึกเย็นสันหลังวาบ

สีหน้าแม่ทัพของเขาที่ไม่ได้โกรธเคืองและไม่ได้กระวนกระวาย ยิ่งไม่ใช่อาการกังวลใจ

ทว่ากลับเป็นความประหม่า! ต่อให้เป็นผู้ที่มีความสามารถไร้เทียมทานก็ยังมีความประหม่า

“ท่านแม่ทัพ?” ถังเซียวอี้ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นไร” เว่ยจางปรับอารมณ์ความรู้สึกของตนเองให้กลับเป็นปกติทันที

“ไม่เป็นไรจริงหรือ” ถังเซียวอี้รู้สึกไม่ไว้วางใจ

“อืม ข้ากลับก่อนแล้ว เจ้ารักษาควมปลอดภัยของใต้เท้าเหยาและท่านเซียวโหวก่อน”

“ขอรับ” ถังเซียวอี้ยืนอยู่ตรงปากทางเข้าถนน มองเรือนร่างสูงใหญ่ของท่านแม่ทัพของเขาพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

ผู้ที่ทำให้ท่านแม่ทัพเป็นคนที่มีอารมณ์ความรู้สึก นอกจากเหยาเยี่ยนอวี่แล้วก็คงหาคนที่สองมิได้ ถังเซียวอี้ครุ่นคิด พอดีเห็นหมัวมัวคนสนิทของเหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังหิ้วของพะรุงพะรังจึงติดตามไป เห็นห่อกระดาษก็คิดว่าต้องเป็นยาสมุนไพรแน่นอน ดังนั้นจึงคาดการณ์อย่างลับๆ หรือว่าคุณหนูเหยาป่วย?

ทว่าคุณหนูเหยาคือใครไ ม่ว่าเรื่องอะไรใต้หล้านี้ล้วนทำให้นางลำบากได้ยกเว้นเรื่องเจ็บป่วยที่ไม่มีทางเป็นไปได้!

เฮ้อ! ไม่คิดแล้ว คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ซับซ้อนจริงๆ ท่านรองแม่ทัพถังถอนหายใจพลางหันหลังไปตามหาเซียวหลินและเหยาเหยียนอี้

เว่ยจางกลับท่าเรือก็ขึ้นเรือทันที ทว่ากลับไม่ได้รีบเข้าไปในห้องโดยสารเรือ เขานั่งพิงอยู่ตรงหัวเรือแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม

ช่วงวัยเด็กเขาสูญเสียบิดามารดา ถูกท่านปู่เลี้ยงดูมาจนโต ในสายตาของเขาแบ่งคนเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือคนดี อีกประเภทคือคนเลว

ตอนอายุสิบสี่ปีหลังจากที่เข้าไปในกองกำลังทหาร เขายังคงมองประเภทของคนเป็นสองประเภทเช่นเดิม ประเภทแรกคือมิตร ประเภทที่สองคือศัตรู

สำหรับบุรุษกับสตรี ต้องขอโทษด้วย เขารู้ทว่ากลับไม่เคยสนใจ

คนเลวไม่เพียงแต่มีบุรุษแล้วยังมีสตรี ศัตรูก็ไม่เพียงแต่เป็นบุรุษก็ยังเป็นสตรี ดังนั้นชายหญิงในสายตาของเว่ยจางไม่ได้มีความหมายอะไรเลย

จนเขารู้จักเหยาเยี่ยนอวี่ถึงรู้ว่าจะมีสักคนที่แตกต่างจากผู้อื่น ความแตกต่างของนางไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับดีหรือเลว เป็นศัตรูหรือมิตร หรือแม้แต่การแบ่งแยกชายหญิง ความแตกต่างของนางแตกต่างจากใครอื่นใด เป็นความแตกต่างที่มีในตัวของนางโดยเฉพาะเท่านั้น