เล่มที่ 6 บทที่ 178 ตัวสั่นงันงก

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“น้ำ? ด้านนอกมีน้ำ ไปเถิด ขอเพียงเจ้ามีเรี่ยวแรงไปถึงที่นั่นก็พอ”

  สายตาไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์

  หลินเมิ้งหยามองดูหมิงเยว่อย่างดูแคลน

  “โอ๊ย คัน! คันจะตายอยู่แล้ว! ฆ่าข้า! ฆ่าข้าที!”

  หมิงเยว่กรีดร้องพลางเกลือกกลิ้งไปมา

  “นายหญิง ท่านมิกลัวจะมีคนมาช่วยนางหรือเจ้าคะ?”

  เมื่อออกจากประตูสีของท้องฟ้ามืดสนิท

  “ไม่มีใครมาช่วยนางหรอก เพราะพวกเขาอยากให้ข้าตายจึงกันทุกคนออกไปข้างนอก เจ้าลองดูสิ ด้านนอกอย่าว่าแต่องครักษ์เลย แม้แต่เงาคนสักคนยังไม่มี เจ้าคิดหรือว่าจะมีคนมาพบนาง”

  จนกระทั่งตอนนี้ หลินเมิ้งหยาเพิ่งเห็นว่าเรือนเล็กของตำหนักฉุนเอินเงียบเหลือเกิน

  หากมิใช่เพราะได้รับคำสั่งของไท่จื่อ องครักษ์จะยอมละทิ้งหน้าที่ตรงนี้อย่างนั้นหรือ?

  คิดจะเอาชีวิตของนางยังเร็วเกินไป

  “ถูกต้องเจ้าค่ะ นางสมควรตาย”

  อยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน ป๋ายซูตัวติดกับหลินเมิ้งหยาเสมือนดั่งเงา ใครคิดจะแตะต้องคนของนางจะต้องไม่ตายดี

  เบื้องหลังได้ยินเสียงหมิงเยว่กรีดร้องอย่างทรมาน

  “ตาย? ความตายสำหรับนางเป็นสิ่งที่สวยงามเกินไป”

  มุมปากของหลินเมิ้งหยายกขึ้น นางเอี้ยวมองไปเบื้องหลังด้วยสายตาโหดเหี้ยม

  “ไปเถิด พวกเรากลับไปที่งานเลี้ยงกัน ดูว่าคนเหล่านั้นจะมีท่าทางเช่นไรเมื่อได้เห็นข้า”

  หลินเมิ้งหยาจัดแจงชุดให้เรียบร้อยก่อนจะกลับไปยังห้องโถงของตำหนักฉุนเอิน

  ภายในมีเสียงพูดคุยคึกครื้นราวกับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าชายาอวี้ได้หายไปจัดการกับหมิงเยว่มา

  ทว่าสายตาของไท่จื่อกับชายารองตู๋กูกลับกังวล

  หากคุณหนูหวังฆ่าไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ยังมีหมิงเยว่เข้าไปจัดการต่อ

  หลินเมิ้งหยาต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแค่…เหตุใดจึงนานถึงเพียงนี้ ทำไมหมิงเยว่ยังไม่ส่งข่าวมา?

  “ไท่จื่อ ควรส่งคนไปดูลาดเลาหรือไม่เพคะ?”

  ชายารองตู๋กูกระซิบถามไท่จื่อ

  เหตุที่ไท่จื่อไม่ไปดูด้วยตนเองก็เพราะกลัวจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น

  หากพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเกรงว่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้ว

  “ไม่ต้อง พวกเราเตรียมการเอาไว้อย่างดี แม้วิทยายุทธ์ของสาวใช้นางจะไม่อ่อนด้อยแต่ก็ไร้อาวุธ พวกนางไม่มีทางสู้หมิงเยว่ได้หรอก”

  แม้ไท่จื่อจะกังวลแต่ก็ไม่มาก

  ฮองเฮาเองก็แอบเห็นด้วยกับเรื่องนี้

  มิเช่นนั้นป่านนี้คงมีคนพบเห็นไปแล้ว

  แม้เขาจะตัดสินใจเรื่องในวังได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด

  ฮ่องเต้หมิงแห่งซีฟานและเหล่าข้าราชบริพารล้วนนั่งประจำที่

  คิ้วขมวดเข้าหากัน ฮ่องเต้หมิงรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก

  “อาเป่ย เจ้าเห็นเยว่เอ๋อร์หรือไม่?”

  หูเทียนเป่ยมองไปรอบๆ อย่างประหลาดใจ เมื่อครู่หมิงเยว่เอ่ยว่าไม่สบายจึงขอตัวออกไปเดินเล่น

  เหตุใดจึงหายไปนานขนาดนี้?

  “กระหม่อมเองก็ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมออกไปตามหานางดีหรือไม่?”

  ฮ่องเต้หมิงชำเลืองไปทางไท่จื่อ ดวงตาเผยให้เห็นความกังวล

  ช่วงนี้หมิงเยว่ใกล้ชิดกับไท่จื่อมากขึ้น

  แม้หมิงเยว่จะฉลาดอีกทั้งยังมีวิทยายุทธ์แต่เด็กคนนั้นหยิ่งผยองจนเกินไป

  โดยเฉพาะความแค้นที่มีต่ออ๋องอวี้ เขาที่เป็นพ่อย่อมรู้ดีแก่ใจ

  “ไม่ต้อง หากดูจากวิทยายุทธ์ของเยว่เอ๋อร์ คาดว่าคงไม่มีใครทำร้ายนางได้ บางทีข้าอาจจะกังวลเกินไป”

  ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หมิงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง

  อีกไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องกลับซีฟานแล้ว

  แม้ว่าเมื่อหลายวันก่อนฮองเฮาจะส่งคนมาขอหมิงเยว่ให้แต่งงานกับไท่จื่อ

  แต่เขากลับปฏิเสธ

  ฮ่องเต้หมิงมีดวงตาแหลมคม เขามองออกว่าแผ่นดินของต้าจิ้นไม่มีทางตกเป็นของคนไร้น้ำยาเช่นนี้

  แม้ฮองเฮาจะฉลาดเฉลียวแต่น่าเสียดายที่นางมิอาจควบคุมได้ทุกสิ่ง

  หมิงเยว่เป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงมา เขาควรจะใช้ในกรณีสำคัญเท่านั้น

  หากไท่จื่อสามารถครองบัลลังก์ได้ ถึงเวลานั้นจะแต่งงานกันก็ไม่สาย

  เขาลอบถอนหายใจ หวังว่าเด็กคนนั้นจะไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้น

  ร่างบางปรากฏขึ้นที่หน้าประตู

  สายตาของไท่จื่อและชายารองตู๋กูหันไปมอง

  หากเป็นไปตามคาด คนที่กลับมาต้องเป็นหมิงเยว่

  ทว่ายิ่งร่างนั้นเดินเข้ามา พวกเขายิ่งได้เห็นใบหน้านวลงดงามใสซื่อ

  หลินเมิ้งหยาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคน

  สีหน้าของไท่จื่อและชายารองตู๋กูเปลี่ยนไป

  เป็นไปไม่ได้ เหตุใดนางจึงอยู่ที่นี่?

  ไท่จื่อเบิกตากว้าง หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างไปยังตำแหน่งของตน

  หลงเทียนอวี้ลุกขึ้นยืนเบื้องหน้านาง

  แม้หลินเมิ้งหยาจะมีท่าทีสงบนิ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ว่านางเพิ่งผ่านเรื่องบางอย่างมา

  “เจ้า…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

  หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า

  “หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ”

  ลมหายใจของป๋ายซูยังไม่ปกติ ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้นางแอบดูว่ามีคนมาพบหมิงเยว่หรือไม่

  คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น หลงเทียนอวี้รู้สึกว่านางมีเรื่องปิดบังเขาอยู่

  “ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวหากกลับจวนแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วยเพคะ”

  แม้ดวงตาคมคู่นั้นจะจ้องมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน

  ทว่าหลินเมิ้งหยากลับต้องเพิกเฉย

  ไม่มีทางเลือก ดูเหมือนต้องกลับไปก่อนจึงจะคุยเรื่องนี้ได้

  เขาพยักหนารับ กำชับนางอีกสองสามประโยคก่อนที่หลงเทียนอวี้จะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง

  บรรดาหญิงสาวล้วนอ้าปากค้างจ้องมองหลงเทียนอวี้

  สวรรค์โปรด นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องอวี้เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับผู้หญิงก่อน

  ดูเหมือนเรื่องที่อ๋องอวี้รักพระชายาหัวปักหัวปำจะเป็นเรื่องจริง!

  หลินเมิ้งหยามิรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองด้วยความอิจฉา

  ทว่านับตั้งแต่ที่นางกลับมา สายตาของหลงเทียนอวี้ก็จับจ้องมองมาไม่คลาดสายตา ดังนั้นนางจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

  ไม่นานป๋ายซูก็เดินกลับเข้ามา

  ทั้งสองสบตากัน หลินเมิ้งหยามั่นใจว่ามีคนพบหมิงเยว่แล้ว

  “แย่แล้ว! มีคนตาย!”

  ด้านนอกมีเสียงแผดร้องดังขึ้น

  ไท่จื่อกับชายารองตู๋กูสบตากันก่อนจะเดินออกไป

  “ไท่จื่อรีบร้อนขนาดนี้หรือจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”

  มีคนกล่าวขึ้นมาทันควัน

  แต่เพราะคนส่วนใหญ่กำลังร่ำสุราดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องด้านนอก

  “ใครบังอาจร้องโวยวาย!”

  ฮองเฮาที่อยู่ทางฝั่งแขกฝ่ายหญิงปรากฏตัว

  ด้านนอกมีขันทีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา

  “มีเรื่องอันใด?”

  ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นปกติ ขันทีส่งเสียงละล่ำละลัก

  ผู้ดูแลงานฝ่ายหญิงส่งสัญญาณให้ขันทีพูด สุดท้ายหลังจากถูกตะคอกไปสองครั้ง ขันทีจึงส่งเสียงออกมา

  “ที่สวน…ที่สระน้ำในสวนมีศพคนตายไร้ผิวหนังพ่ะย่ะค่ะ! น่ากลัว น่ากลัวมาก”

  ไม่มีผิวหนัง? เสียงสูดลมหายใจเย็นยะเยือกดังขึ้น

  ไม่มีทางที่ในวังจะไม่มีคนตาย

  การตายในสระน้ำล้วนเห็นได้บ่อยครั้ง

  แต่การตายที่ทำให้ขันทีหวาดกลัวได้จะต้องไม่ธรรมดา

  “เจ้าออกไปดู คนอื่นให้รอที่นี่”

  ฮองเฮาสั่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

  นางกำนัลประจำตัวจึงรีบออกไป

  สายตาของฮองเฮากวาดมาทางหลินเมิ้งหยาแต่กลับได้เห็นสีหน้าปกติของนาง

  “เกิดอะไรขึ้น”

  หลินเมิ้งหยาเมินสายตาของฮองเฮา ก่อนจะหันไปถามป๋ายซู

  ทว่ากลับเห็นรอยยิ้มของเด็กสาว

  “นางคันมากจนกัดร่างกายของตนเอง สุดท้ายทนไม่ไหวจึงใช้มีดตัดผิวหนังจนตายเจ้าค่ะ ก่อนตายยังร้องด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัส”

  การตอบโต้ศัตรูของหลินเมิ้งหยาโหดร้ายและทารุณเป็นอย่างมาก

  เพียงแค่หากนางตาย คนสนิทและเพื่อนของนางคงต้องตายตกกัน

  “ดี ข้าเข้าใจแล้ว รอดูก่อนเถิด”

  นางอยากให้ความตายของหมิงเยว่บอกทุกคนว่าอย่ามายุ่งกับนางและคนของนาง

  หากเลือดมิอาจเตือนพวกเขาได้ เช่นนั้นทุกคนจะต้องเจอกับฝันร้าย

  “ศพอยู่ที่ใด?”

  ไท่จื่อกับชายารองรีบไปที่สระน้ำในสวน

  องครักษ์นำศพขึ้นมาแล้ว

  ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับขาวซีด

  “ทูลไท่จื่อ ศพอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แต่…พระองค์อย่าดูเลยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

  หัวหน้าองครักษ์พยายามรักษาท่าทางสงบนิ่ง

  ทว่าลูกน้องของเขาอ้วกไปแล้วหลายรอบ

  “เพราะเหตุใด? หรือข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?”

  หัวใจของไท่จื่อเต้นไม่เป็นระส่ำ

  หลินเมิ้งหยากลับมาแต่หมิงเยว่หายไป

  หรือศพนี้จะเป็นหมิงเยว่?

  “ทูลไท่จื่อ ศพในสระน้ำ…น่ากลัวมากพ่ะย่ะค่ะ พวกเราเดินตามรอยเลือดไปทางเรือนเล็ก ด้านในยังมีอีกศพ แต่ยังดีกว่าศพนี้มากพ่ะย่ะค่ะ”

  หัวหน้าองครักษ์ตัวสั่น

  ศพในสระน้ำไร้ผิวหนัง

  อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าตะเกียกตะกายมาจากเรือนเล็ก

  ระหว่างทางก้อนหินและผืนหญ้าถูกเลือดสีแดงสดอาบย้อมเป็นทาง

  เมื่อลองนึกดูแล้ว ผู้ตายจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง

  แม้แต่ผู้ชายยังเหงื่อออกท่วมตัว

  “ไป ไปดูศพที่เรือนเล็กก่อน”

  มองดูท่าทางองครักษ์แล้วไท่จื่อจึงไม่กล้าดูศพนี้

  เขาหมุนตัวเดินตามองครักษ์ไปทางเรือนเล็ก