“น้ำ? ด้านนอกมีน้ำ ไปเถิด ขอเพียงเจ้ามีเรี่ยวแรงไปถึงที่นั่นก็พอ”
สายตาไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
หลินเมิ้งหยามองดูหมิงเยว่อย่างดูแคลน
“โอ๊ย คัน! คันจะตายอยู่แล้ว! ฆ่าข้า! ฆ่าข้าที!”
หมิงเยว่กรีดร้องพลางเกลือกกลิ้งไปมา
“นายหญิง ท่านมิกลัวจะมีคนมาช่วยนางหรือเจ้าคะ?”
เมื่อออกจากประตูสีของท้องฟ้ามืดสนิท
“ไม่มีใครมาช่วยนางหรอก เพราะพวกเขาอยากให้ข้าตายจึงกันทุกคนออกไปข้างนอก เจ้าลองดูสิ ด้านนอกอย่าว่าแต่องครักษ์เลย แม้แต่เงาคนสักคนยังไม่มี เจ้าคิดหรือว่าจะมีคนมาพบนาง”
จนกระทั่งตอนนี้ หลินเมิ้งหยาเพิ่งเห็นว่าเรือนเล็กของตำหนักฉุนเอินเงียบเหลือเกิน
หากมิใช่เพราะได้รับคำสั่งของไท่จื่อ องครักษ์จะยอมละทิ้งหน้าที่ตรงนี้อย่างนั้นหรือ?
คิดจะเอาชีวิตของนางยังเร็วเกินไป
“ถูกต้องเจ้าค่ะ นางสมควรตาย”
อยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน ป๋ายซูตัวติดกับหลินเมิ้งหยาเสมือนดั่งเงา ใครคิดจะแตะต้องคนของนางจะต้องไม่ตายดี
เบื้องหลังได้ยินเสียงหมิงเยว่กรีดร้องอย่างทรมาน
“ตาย? ความตายสำหรับนางเป็นสิ่งที่สวยงามเกินไป”
มุมปากของหลินเมิ้งหยายกขึ้น นางเอี้ยวมองไปเบื้องหลังด้วยสายตาโหดเหี้ยม
“ไปเถิด พวกเรากลับไปที่งานเลี้ยงกัน ดูว่าคนเหล่านั้นจะมีท่าทางเช่นไรเมื่อได้เห็นข้า”
หลินเมิ้งหยาจัดแจงชุดให้เรียบร้อยก่อนจะกลับไปยังห้องโถงของตำหนักฉุนเอิน
ภายในมีเสียงพูดคุยคึกครื้นราวกับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าชายาอวี้ได้หายไปจัดการกับหมิงเยว่มา
ทว่าสายตาของไท่จื่อกับชายารองตู๋กูกลับกังวล
หากคุณหนูหวังฆ่าไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ยังมีหมิงเยว่เข้าไปจัดการต่อ
หลินเมิ้งหยาต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแค่…เหตุใดจึงนานถึงเพียงนี้ ทำไมหมิงเยว่ยังไม่ส่งข่าวมา?
“ไท่จื่อ ควรส่งคนไปดูลาดเลาหรือไม่เพคะ?”
ชายารองตู๋กูกระซิบถามไท่จื่อ
เหตุที่ไท่จื่อไม่ไปดูด้วยตนเองก็เพราะกลัวจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
หากพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเกรงว่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้ว
“ไม่ต้อง พวกเราเตรียมการเอาไว้อย่างดี แม้วิทยายุทธ์ของสาวใช้นางจะไม่อ่อนด้อยแต่ก็ไร้อาวุธ พวกนางไม่มีทางสู้หมิงเยว่ได้หรอก”
แม้ไท่จื่อจะกังวลแต่ก็ไม่มาก
ฮองเฮาเองก็แอบเห็นด้วยกับเรื่องนี้
มิเช่นนั้นป่านนี้คงมีคนพบเห็นไปแล้ว
แม้เขาจะตัดสินใจเรื่องในวังได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด
ฮ่องเต้หมิงแห่งซีฟานและเหล่าข้าราชบริพารล้วนนั่งประจำที่
คิ้วขมวดเข้าหากัน ฮ่องเต้หมิงรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“อาเป่ย เจ้าเห็นเยว่เอ๋อร์หรือไม่?”
หูเทียนเป่ยมองไปรอบๆ อย่างประหลาดใจ เมื่อครู่หมิงเยว่เอ่ยว่าไม่สบายจึงขอตัวออกไปเดินเล่น
เหตุใดจึงหายไปนานขนาดนี้?
“กระหม่อมเองก็ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมออกไปตามหานางดีหรือไม่?”
ฮ่องเต้หมิงชำเลืองไปทางไท่จื่อ ดวงตาเผยให้เห็นความกังวล
ช่วงนี้หมิงเยว่ใกล้ชิดกับไท่จื่อมากขึ้น
แม้หมิงเยว่จะฉลาดอีกทั้งยังมีวิทยายุทธ์แต่เด็กคนนั้นหยิ่งผยองจนเกินไป
โดยเฉพาะความแค้นที่มีต่ออ๋องอวี้ เขาที่เป็นพ่อย่อมรู้ดีแก่ใจ
“ไม่ต้อง หากดูจากวิทยายุทธ์ของเยว่เอ๋อร์ คาดว่าคงไม่มีใครทำร้ายนางได้ บางทีข้าอาจจะกังวลเกินไป”
ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หมิงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง
อีกไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องกลับซีฟานแล้ว
แม้ว่าเมื่อหลายวันก่อนฮองเฮาจะส่งคนมาขอหมิงเยว่ให้แต่งงานกับไท่จื่อ
แต่เขากลับปฏิเสธ
ฮ่องเต้หมิงมีดวงตาแหลมคม เขามองออกว่าแผ่นดินของต้าจิ้นไม่มีทางตกเป็นของคนไร้น้ำยาเช่นนี้
แม้ฮองเฮาจะฉลาดเฉลียวแต่น่าเสียดายที่นางมิอาจควบคุมได้ทุกสิ่ง
หมิงเยว่เป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงมา เขาควรจะใช้ในกรณีสำคัญเท่านั้น
หากไท่จื่อสามารถครองบัลลังก์ได้ ถึงเวลานั้นจะแต่งงานกันก็ไม่สาย
เขาลอบถอนหายใจ หวังว่าเด็กคนนั้นจะไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้น
ร่างบางปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
สายตาของไท่จื่อและชายารองตู๋กูหันไปมอง
หากเป็นไปตามคาด คนที่กลับมาต้องเป็นหมิงเยว่
ทว่ายิ่งร่างนั้นเดินเข้ามา พวกเขายิ่งได้เห็นใบหน้านวลงดงามใสซื่อ
หลินเมิ้งหยาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคน
สีหน้าของไท่จื่อและชายารองตู๋กูเปลี่ยนไป
เป็นไปไม่ได้ เหตุใดนางจึงอยู่ที่นี่?
ไท่จื่อเบิกตากว้าง หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างไปยังตำแหน่งของตน
หลงเทียนอวี้ลุกขึ้นยืนเบื้องหน้านาง
แม้หลินเมิ้งหยาจะมีท่าทีสงบนิ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ว่านางเพิ่งผ่านเรื่องบางอย่างมา
“เจ้า…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า
“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ”
ลมหายใจของป๋ายซูยังไม่ปกติ ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้นางแอบดูว่ามีคนมาพบหมิงเยว่หรือไม่
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น หลงเทียนอวี้รู้สึกว่านางมีเรื่องปิดบังเขาอยู่
“ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวหากกลับจวนแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วยเพคะ”
แม้ดวงตาคมคู่นั้นจะจ้องมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับต้องเพิกเฉย
ไม่มีทางเลือก ดูเหมือนต้องกลับไปก่อนจึงจะคุยเรื่องนี้ได้
เขาพยักหนารับ กำชับนางอีกสองสามประโยคก่อนที่หลงเทียนอวี้จะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
บรรดาหญิงสาวล้วนอ้าปากค้างจ้องมองหลงเทียนอวี้
สวรรค์โปรด นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องอวี้เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับผู้หญิงก่อน
ดูเหมือนเรื่องที่อ๋องอวี้รักพระชายาหัวปักหัวปำจะเป็นเรื่องจริง!
หลินเมิ้งหยามิรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองด้วยความอิจฉา
ทว่านับตั้งแต่ที่นางกลับมา สายตาของหลงเทียนอวี้ก็จับจ้องมองมาไม่คลาดสายตา ดังนั้นนางจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่นานป๋ายซูก็เดินกลับเข้ามา
ทั้งสองสบตากัน หลินเมิ้งหยามั่นใจว่ามีคนพบหมิงเยว่แล้ว
“แย่แล้ว! มีคนตาย!”
ด้านนอกมีเสียงแผดร้องดังขึ้น
ไท่จื่อกับชายารองตู๋กูสบตากันก่อนจะเดินออกไป
“ไท่จื่อรีบร้อนขนาดนี้หรือจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
มีคนกล่าวขึ้นมาทันควัน
แต่เพราะคนส่วนใหญ่กำลังร่ำสุราดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องด้านนอก
“ใครบังอาจร้องโวยวาย!”
ฮองเฮาที่อยู่ทางฝั่งแขกฝ่ายหญิงปรากฏตัว
ด้านนอกมีขันทีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา
“มีเรื่องอันใด?”
ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นปกติ ขันทีส่งเสียงละล่ำละลัก
ผู้ดูแลงานฝ่ายหญิงส่งสัญญาณให้ขันทีพูด สุดท้ายหลังจากถูกตะคอกไปสองครั้ง ขันทีจึงส่งเสียงออกมา
“ที่สวน…ที่สระน้ำในสวนมีศพคนตายไร้ผิวหนังพ่ะย่ะค่ะ! น่ากลัว น่ากลัวมาก”
ไม่มีผิวหนัง? เสียงสูดลมหายใจเย็นยะเยือกดังขึ้น
ไม่มีทางที่ในวังจะไม่มีคนตาย
การตายในสระน้ำล้วนเห็นได้บ่อยครั้ง
แต่การตายที่ทำให้ขันทีหวาดกลัวได้จะต้องไม่ธรรมดา
“เจ้าออกไปดู คนอื่นให้รอที่นี่”
ฮองเฮาสั่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
นางกำนัลประจำตัวจึงรีบออกไป
สายตาของฮองเฮากวาดมาทางหลินเมิ้งหยาแต่กลับได้เห็นสีหน้าปกติของนาง
“เกิดอะไรขึ้น”
หลินเมิ้งหยาเมินสายตาของฮองเฮา ก่อนจะหันไปถามป๋ายซู
ทว่ากลับเห็นรอยยิ้มของเด็กสาว
“นางคันมากจนกัดร่างกายของตนเอง สุดท้ายทนไม่ไหวจึงใช้มีดตัดผิวหนังจนตายเจ้าค่ะ ก่อนตายยังร้องด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัส”
การตอบโต้ศัตรูของหลินเมิ้งหยาโหดร้ายและทารุณเป็นอย่างมาก
เพียงแค่หากนางตาย คนสนิทและเพื่อนของนางคงต้องตายตกกัน
“ดี ข้าเข้าใจแล้ว รอดูก่อนเถิด”
นางอยากให้ความตายของหมิงเยว่บอกทุกคนว่าอย่ามายุ่งกับนางและคนของนาง
หากเลือดมิอาจเตือนพวกเขาได้ เช่นนั้นทุกคนจะต้องเจอกับฝันร้าย
“ศพอยู่ที่ใด?”
ไท่จื่อกับชายารองรีบไปที่สระน้ำในสวน
องครักษ์นำศพขึ้นมาแล้ว
ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับขาวซีด
“ทูลไท่จื่อ ศพอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แต่…พระองค์อย่าดูเลยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์พยายามรักษาท่าทางสงบนิ่ง
ทว่าลูกน้องของเขาอ้วกไปแล้วหลายรอบ
“เพราะเหตุใด? หรือข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?”
หัวใจของไท่จื่อเต้นไม่เป็นระส่ำ
หลินเมิ้งหยากลับมาแต่หมิงเยว่หายไป
หรือศพนี้จะเป็นหมิงเยว่?
“ทูลไท่จื่อ ศพในสระน้ำ…น่ากลัวมากพ่ะย่ะค่ะ พวกเราเดินตามรอยเลือดไปทางเรือนเล็ก ด้านในยังมีอีกศพ แต่ยังดีกว่าศพนี้มากพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์ตัวสั่น
ศพในสระน้ำไร้ผิวหนัง
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าตะเกียกตะกายมาจากเรือนเล็ก
ระหว่างทางก้อนหินและผืนหญ้าถูกเลือดสีแดงสดอาบย้อมเป็นทาง
เมื่อลองนึกดูแล้ว ผู้ตายจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่ผู้ชายยังเหงื่อออกท่วมตัว
“ไป ไปดูศพที่เรือนเล็กก่อน”
มองดูท่าทางองครักษ์แล้วไท่จื่อจึงไม่กล้าดูศพนี้
เขาหมุนตัวเดินตามองครักษ์ไปทางเรือนเล็ก