ตอนที่3 ฉันจ่ายเอง กินตามสบายเลย

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่3 ฉันจ่ายเอง กินตามสบายเลย NovelHall

ตอนที่3 ฉันจ่ายเอง กินตามสบายเลย

ณ เวลาหนึ่งทุ่มตรง ทุกคนกำลังรอจ้าวเฉียนที่หน้าประตูของโรงแรมตงไห่

“นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วนะ ทำไมจ้าวเฉียนยังไม่มาอีก? หรือมันจะแกล้งพวกเรา?”

“ฉันว่าไม่ ถ้ามันกล้าหลอกพวกเราทั้งหมดที่เป็นพนักงานในบริษัททั้งหมดจริงๆ มันทนทำงานอยู่ในบริษัทนี้ต่อไปไม่ได้แน่ๆ”

“แล้วที่มันบอกให้พวกเรารออยู่แบบนี้มันหมายความว่าไง? มันหายหัวไปไหน?”

ขณะที่เพื่อนร่วมงานกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นก็มีรถสปอร์ตสีเงินขับเข้ามาพร้อมเสียงเครื่องยนต์แรง ก่อนที่จะจอดอยู่ตรงหน้าทุกคน

พวกเขาต่างหันควับจับจ้องรถหรูคันนี้ที่โฉบเฉี่ยวเข้ามาราวกับสายลม แต่ไม่รู้เลยว่ามันเป็นรถยี่ห้ออะไร เพราะทั้งชีวิตของแต่ละคนไม่เคยเห็นโลโก้รถแบบนี้มาก่อน

เพื่อแสร้งแสดงความอวดรู้ของตนต่อหน้าทุกคน หวังเฉียงจึงรีบหยิบมือถือขึ้นมาค้นหา อันดับรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลกทันที และเขาก็ได้พบกับรถสปอร์ตคันนี้ที่จอดอยู่ต่อหน้าจริงๆ

“พวกนายรู้หรือไม่ว่า รถสปอร์ตคนนี้ยี่ห้ออะไร?”

หวังเฉียงรีบอ่านข้อมูลรถสปอร์ตคนนี้ในมือถืถือโดยไว ก่อนจะแสร้งทำเป็นอวดรู้ต่อหน้าทุกคนโดยคำถามเปิดประเด็นขึ้นมา และแต่ละต่างส่ายหัวอย่างว่างเปล่า

“นี่คือ… Koenigsegg One: 1 หนึ่งในรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลก มีมูลค่าสูงถึง100ล้านหยวน! ทีแค่6คันในโลกเท่านั้น และ5คันแรกถูกขายให้กับประเทศของเรา ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ในเมืองแห่งนี้จะมีเจ้าของรถสปอร์ตที่ว่าเหมือนกัน อยากจะรู้จริงๆ เลยว่าเจ้าของเจ้าคันนี้เป็นใครกัน?”

ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ และด้วยความรอบรู้ของหวังเฉียง ก็สมแล้วที่เขาเป็นผู้จัดการ

หวังเฉียงใบหน้าเงียบนิ่งดูสงบเสงียม แต่ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างมาก

เจียงเสี่ยวปิงจับจ้องเขาอย่างชอบอกชอบใจ แววตาสวยของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความชื่นชมชายคนนี้อยู่ ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ และยังมีความรอบรู้ก้าวไกล จ้าวเฉียนไอ้ยากจนนั้นเทียบชั้นเขาไม่ติดเลยจริงๆ

รถสปอร์ตแล่นเข้ามาเทียบข้างอย่างช้า ๆ ทุกคนที่เห็นแบบนั้นอดใจเอ่ยปากอุทานชื่นชมไม่ได้

“ว้าว! สุดยอดไปเลย! รถสปอร์ตคันนี้โคตรสวย! ไม่รู้เลยว่าเจ้าของรถคนนี้จะเป็นคุณชายหรือคุณหนูจากที่ไหน!”

“อยู่ห่างๆ เขาไว้เถอะ ระวังพวกแกทำเสื้อผ้าของเขาต้องเปรอะเปื้อน หากเป็นอะไรขึ้นจริง พวกเราไม่มีปัญญาชดใช้แน่นอน!”

“ไม่ว่าใครที่สามารถขับรถสปอร์ตแบบนี้ จะต้องเป็นคุณชายหรือทายาทมหาเศรษฐีแน่นอน เฮ้ออ…พอเทียบกับคุณชายจ้าวของเราแล้ว กลับกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ …”

ขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะนินทาจ้าวเฉียนอยู่นั่นเอง ประตูรถสปอร์ตคันนั้นก็เปิดออก ยามนี้สายตาของทุกคนจ้องเขม็งไปที่ทิศทางประตูรถจนเป็นตาเดียว พวกเขาอยากจะรู้จริงๆ ว่า ใครกันที่เป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูนี่

ทว่าทันทีที่คนๆ นั้นก้าวลงมาจากรถ ทุกคนในบริษัทเกมฟางนี่ต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาแทบถล่นหลุดออกมา

“จ้าวเฉียน?”

“จ้าวเฉียน!”

บางคนถึงกับหน้าถอดสี และบางคนเผยสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าเห็นผี เจ้าของรถสปอร์ตคันนั้นคือจ้าวเฉียน? รถสปอร์ตมูลค่า100ล้านจะไปเป็นของจ้าวเฉียนได้ยังไง! เจียงเสี่ยวปิงหัวเราะเสียงแห้ง ภายในใจพลางสงสัยว่า เธอตาฟาดไปหรือไม่? จ้าวเฉียนเหรอคือทายาทเศรษฐี? ทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อน?

ในไม่ช้า เธอก็รับปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันที ถ้าเป็นทายาทเศรษฐีจริงจะตกระกำลำบากได้ยังไง? นี่ต้องเป็นรถเช่าแน่นอนและน่าจะเช่าด้วยเงินกู้ด้วยซ้ำ ช่างเป็นคนไร้เดียงสาอะไรขนาดนี้ ทำเรื่องโง่ๆ และน่าเบื่อจริงๆ หลังจากที่จ้าวเฉียนเดินลงมาจากรถสปอร์ต ก็เดินไปคุยกับพยักงานรับรถเล็กน้อย จากนั้นก็ให้พนักงานขับรถไปจอดในทันที รถสปอร์ตคันนั้นถูกขับออกไปลับสายตาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ทุกคนต่างไม่มีใครเชื่อว่ารถคนนี้เป็นของจ้าวเฉียน และคิดกันไปว่าเจ้านี่ต้องเช่ามาแน่นอน

เจวียงหยวนหัวเราะยกใหญ่และพูดว่า

“จ้าวเฉียน แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แค่ต้องการจะเอาคืนพวกฉัน ถึงกับต้องกู้เงินมาเช่ารถสปอร์ตหรูมาเลยเหรอ! หน้าอย่างแกจะไปมีปัญญากู้เงินที่ไหนได้? หรือกู้เงินนอกระบบมา?”

ทุกคนต่างหัวเราะเยาะกันยกใหญ่เมื่อได้ฟังคำอธิบาย ก่อนจะพบว่านี่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

ในฐานะผู้นำกลุ่ม หวังเฉียงกล่าวขึ้นพร้อมน้ำเสียงจริงจังว่า

“จ้าวเฉียน ฉันว่านายกำลังคิดผิดนะ คงไม่มีใครคิดว่าจู่ๆ นายจะได้รับสืบทอดมรดกแล้วจะรวยขึ้นในข้ามคืน แค่เช่ารถมาอวดกันแค่นี้ ใครจะเชื่อง่ายๆ? ไร้เดียงสาเกินไปหรือเปล่า ถึงขนาดไปกู้เงินมาเพื่อเช่ารถสปอร์ต?”

แน่นอน จ้าวเฉียนคนนี้เป็นทายาทตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศตัวจริงเสียงจริง แม้ก่อนหน้าเขาจะปิดบังตัวตนและแสร้งใช้ชีวิตอย่างคนยากจนมาก่อน แต่จนถึงตอนนี้ที่เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาหมดแล้ว ทว่าเขายังไม่คิดที่จะอธิบายเรื่องราวใดๆ ให้ทุกคนฟังอยู่ดี

“เอาล่ะๆ ฉันหิวแล้ว เข้าไปกินกันเถอะ”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็เดินตรงเข้าสู่โรงแรมไห่ตงทันทีที่พูดจบ และเอ่ยปากถามพนักงานเสิร์ฟหน้าฟอนต์ถึงอาหารจานหรูที่แพงที่สุด

ในฐานะร้านอาหารโรงแรมที่หรูหราและแพงที่สุดของเมือง แม้จะสั่งแค่ข้าวไม่กี่จานในชั้นล็อบบี้ แต่ราคาขั้นต่ำก็สูงกว่าหลายหมื่นหยวน ส่วนเซทอาหารที่หรูหราที่สุดของที่นี่มีราคาสูงถึง200,000หยวน พนักงานเสิร์ฟมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อได้ยิน แต่เมื่อเธอคนนั้นเห็นเสื้อผ้าการแต่งกายของจ้าวเฉียน เธอก็ถึงกับกลั้นยิ้มแทบไม่ทัน

‘ก็แค่พวกยากจนแสร้งทำเป็นรวย เงินในการเป๋าของนายมันไม่มีเพียงพอแม้แต่จะซื้อข้าวจานหนึ่งของที่นี่ด้วยซ้ำ! นับประสาอะไรกับเซทอาหารหรู?’ พนักงานเสิร์ฟคิดในใจ

“ต้องประทานโทษค่ะ จำนวนเงินขั้นต่ำในการรับประทานอาหารที่นี่คือ10,000หยวน ส่วนเซทอาหารใหญ่จะอยู่ที่200,000หยวน ซึ่งนี่อาจจะไม่เหมาะสมกับคุณลูกค้า…”

“หมายความว่าไง? กลัวผมจ่ายไม่ไหวงั้นเหรอ?”

“ฮิฮิ…คุณลูกค้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ดิฉันแค่ไม่อยากให้คุณลูกค้าเสียหน้าต่อเพื่อนๆ ในโรงแรมตงไห่แห่งนี้รับเฉพาะแขกระดับสูงเท่านั้น ต้องขอประทานอภัยด้วยค่ะ”

สีหน้าของจ้าวเฉียนมืดลงเล็กน้อย ก่อนกรนเสียงต่ำกล่าวขึ้นว่า

“ไปเรียกไอ้เจ้าหวังอี้มา!”

พนักงานเสิร์ฟคนนั้นตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน หวังอี้เป็นผู้จัดการล็อบบี้แห่งนี้และไม่เคยมีใครเรียกชื่อของเขาห้วนแบบนี้มาก่อน แต่…ชายคนนี้กลับสั่งให้ไปเรียกหวังอี้มา หาเรื่องตายรึไงกัน?

แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเดือดร้อน พนักงานเสิร์ฟคนนั้นจึงรับโทรหาผู้จัดการโดยทันที

หวังอี้รีบวิ่งหน้าตั้งมาทันทีที่เห็นจ้าวเฉียน

“คุณชายจ้าว ทำไมจะมาที่นี่ถึงไม่โทรมาบอกล่วงหน้าก่อน? ผมจะได้จัดเตรียมเซทอาหารไว้รอ!”

“ฮิฮิ…หยุดพูดเรื่องนั้นไปเลย ก็พนักงานคนนี้เพิ่งบอกว่า ที่นี่ต้อนรับเฉพาะแขกระดับสูง คนชั้นต่ำอย่างผมจะกล้าโทรหาได้ยังไง?”

หวังอี้ได้ยินอีกฝ่ายประชดประชันแบบนั้นก็สะดุ้งเฮือกขึ้นทันที เขาเหลือบมองไปที่พนักงานเสิร์ฟคนนั้นด้วยความโกรธ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นว่า

“แกถูกไล่ออกแล้ว! รับเงินเดือนงวดนี้แล้วไสหัวไปซะ!”

เหล่าพนักงานทุกคนในบริษัทเกมฟางนี่ ต่างสับสนงุนงงอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ตรงหน้า จ้าวเฉียนต้องแอบยัดเงินให้ผู้จัดการคนนี้ใช่ไหม? ถึงแสดงได้เนียนแบบนี้?

เจวียงหยวนและหวังเฉียง ทั้งคู่แอบหัวเราะกันอย่างลับๆ ขณะนี้กำลังรอสั่งอาหาร อยากจะรู้จริงๆ ว่าจ้าวเฉียนยังจะแสดงตบตาไปได้อีกซักกี่น้ำ

พวกเขาทั้งหมดตรงเข้ามาในห้องรับประทานอาหการส่วนตัวที่ผู้จัดการหวังอี้จัดแจงไว้ให้ ทุกคนรับจับจองที่นั่งจากนั้นก็ลุกไปล้างมือในอ่างทองแดงลวดลายวิจิตสวย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าโรงแรมแห่งนี้หรูหราแค่ไหน

จ้าวเฉียนหยิบเมนูขึ้นมาดูและสั่งอาหารแต่ละรายการที่เหล่าเพื่อนร่วมงานของเขาทั้งรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง

ยกตัวอย่างเช่น ซอสคาเวียร์ที่มีส่วนผสมของไข่ปลาสเตอร์เจียนสีขาวและสีทอง ปลาชนิดนี้จะใช้เวลาวางไข่ประมาณยี่สิบปีโดยประมาณ ดังนั้นมูลค่าไข่พวกนี้แพงแค่ไหนก็พอจะเดาได้

นอกจากนี้ยังมี หูฉลาม รังนกที่เป็นอาหารทานเล่น เพื่อร่วมงานของเขากวาดสายตามองไปที่โต๊ะอาหารอันแสนล้ำค่าจัดแจงเอาไว้ตรงหน้า พวกเขาไม่กล้าแม้แต่ใช้ตะเกียบคืบกินด้วยซ้ำ

เจวียงหยวนกลืนน้ำลายอึดใหญ่และพูดว่า

“จ้าวเฉียน ฉันขอถามแกก่อน แกไม่คิดที่จะชักดาบให้พวกเราจ่ายเองทีหลังใช่ไหม?”

“ถูกต้องแล้ว! ฉันลืมเอากระเป๋าตัวมาด้วย ถ้าเป็นเรื่องหารจ่ายคงไม่ได้!”

“ใช่ๆ! ฉันเองก็ลืมกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มา ดังนั้นเรื่องหารจ่ายนายลืมไปได้เลย”

เพื่อนร่วมงานเหล่านี้กลัวว่า จ้าวเฉียนจะไม่มีเงินจ่าย หากกินของพวกนี้เข้าไปแล้ว พวกเขาคงเป็นหนี้อาหารมื้อนี้ไปตลอดชีวิต

จ้าวเฉียนรวนหัวเราะเล็กน้อยและตอบไปว่า

“อย่ากังวลไป กินอาหารพวกนี้ให้หมดก็พอ คุณชายคนนี้เลี้ยงเอง!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังออกมา ทุกคนก็แอบเก็บมือถือลงใต้โต๊ะทันที พวกเขาได้บันทึกเสียงและวีดีโอที่จ้าวเฉียนพูดไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงหมดกังวลไปเลยถึงเรื่องที่จ้าวเฉียนจะแอบชักดาบ

โดยไม่รอช้า ทุกคนรีบหยิบช้อนส้อมบนโต๊ะอาหารขึ้นมา และตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับหิวโหยอดอาหารมาจากไหนก็ไม่ทราบ ทั้งเจวียงหยวนและหวังอี้ยังอาหารเข้าไปไม่ยั้งปากจนแทบหายใจไม่ทัน

ชายสองคนนี้มักจะชอบทำให้จ้าวเฉียนต้องอับอายอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับกินของที่อีกฝ่ายเลี้ยง นี่มันช่างไร้ยางอายเกินไปจริงๆ

ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข ทว่าเจียงเสี่ยวปิงกลับตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอรู้สึกว่า จ้าวเฉียนแค่พยายามเสแสร้งเท่านั้น ดังนั้นนางจึงยอมตามน้ำมาจนถึงที่นี่ แม้ตัวเธอเองจะมีหนี้ก้อนโตที่ต้องจัดการ แต่อย่างน้อยสภาพทางการเงินของเธอก็ยังดูดีกว่าเขา เหอะ ใช้วิธีนี้เพื่อซื้อความเชื่อใจคืนมาจากเธอรึเปล่า?

เธอรู้สึกเบื่อหน่ายจ้าวเฉียนตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ช่างเป็นผู้ชายที่โง่เขลาจริงๆ ไม่นานนักเธอก็ไม่มีอารมณ์กินอาหารอีกต่อไป ลัวางช้อนส้อมทันทีลงบนโต๊ะ

เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวปิงนิ่งเฉยไม่กินอะไรเลย เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นว่า

“เจียงเสี่ยวปิง บนโต๊ะมีแต่อาหารดีๆ คงไม่มีใครไม่อยากกิน? หรือกินไม่เป็น? จะให้ผมสั่งอย่างอื่นมาให้ไหม?”

เขาแค่ต้องการให้เจียงเสี่ยวปิงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอเคยตัดสินใจลงไป และกลับมาขอร้องอ้อนวอนเขาชนิดที่ว่าต้องมากราบต่อแทบเท้าเขา และเตะเธอออกไปอย่างไม่ใยดี ทั้งหมดก็เพื่อแก้แค้นที่เจียงเสี่ยวปิงเคยนอกใจ

แต่เจียงเสี่ยวปิงตะคอกขึ้นและทุบโต๊ะเสียงดังลั่นทันที พร้อมสีหน้าสุดเหยียดหยามว่า

“จ้าวเฉียน นายก็อายุยี่สิบสี่แล้ว ทำไมยังทำตัวไร้เดียงสาแบบนี้อยู่อีก? แค่สร้างหน้าตาให้ตัวเองแค่นี้ถึงกับยอมเป็นหนี้เลยรึไง? คิดเหรอว่าการทำแบบนี้แล้วจะช่วยให้ฉันกลับไปสนใจ? เหอะ เหอะ คนอย่างฉันไม่มีวันกลับไปหาไอ้งั่งแบบนายแน่นอน! ไร้สาระ!”

เจวียงหยวนและคนอื่นๆ ต่างกินไปดื่มไปอย่างมีความสุข พลางรับชมการแสดงตรงหน้าไปในตัว

จ้าวเฉียนยังคงไม่ได้ปริปากอธิบายอะไร เอาแต่ยิ้มระเรื่อน

เจียงเสี่ยวปิงที่เห็นแบบนั้นยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ และนั่งนิ่งไม่กินอาหารใดๆ อีกเลย

ส่วนหวังเฉียงยิ่งไม่ได้สนใจนางเข้าไปใหญ่ ในเวลานี้อาหารสุดหรูบนโต๊ะคือเป้าหมายสำคัญของเขา

ไม่นานทุกคนก็รับประทานอาหารกันเสร็จสิ้น สายตาเหล่านั้นจับจ้องไปที่จานเปล่าบนโต๊ะพลางเลียริมฝีปาก ลิ้มรสรสชาติที่ยังค้างอยู่ในลำคอไม่รู้จบ

จนถึงตอนนี้ช่วงเวลาสำคัญที่สุดก็กำลังจะมาถึงแล้ว เวลาจ่ายเงิน! จ้าวเฉียนจะมีปัญญาจ่ายค่าอาหารสุดหรูพวกนี้หรือไม่?

เพราะต่อให้พวกเขารวมเงินกันจ่ายก็มีไม่พอเช่นกัน ราคาค่าอาหารไม่ต่างอะไรกับพวกเขากินBMWไปคันหนึ่ง