บทที่ 763 นี่มันเกมมาริโอ้เวอร์ชั่นไหนกัน โดย Ink Stone_Fantasy
เหล่าสมาชิกต่างกำลังยุ่งอยู่กับการล่อซอมบี้เข้าไปในตัวอาคาร แต่พวกเขาก็ยังพอมีเวลาหันไปมองคนที่อยู่รอบตัว
ดูเหมือนบรรดาสมาชิกระดับสูงจะไม่ได้ต้องการแค่ลากตัวคนที่ลงมือออกมา แต่ยังต้องการอาศัยกลุ่มคนปิดกั้นหนทางหนีทุกทางด้วย
พอเห็นบอสใหญ่เริ่มมีท่าทีสงบนิ่ง หัวหน้าทีมวิจับก็รู้แล้วว่าแผนการของพวกเขาเริ่มแสดงผลแล้ว
เขาแนบตัวติดกับตัวรถบัสแล้วเดินไปทางประตูรถ ทอดสายตาเย็นชามองไปยังกลุ่มคนที่กำลังหดตัวทางนั้น พลางหัวเราะหึหึ “พวกหนูสกปรกคิดจะอาศัยกลุ่มคนซ่อนตัว แต่กลับไม่เคยคิดว่าอาจถูกกลุ่มคนเหยียบจนตายหรือ? โง่เง่า! แค่คนไม่กี่คน ยังกล้าคิดจะต่อกรกับพวกเรา ช่างไม่รู้จักกลัวความตายเอาเสียเลย”
พูดไป เขาก็หันไปมองในตัวรถบัส
ประโยคนี้เขาไม่ได้ระบายอารมณ์ของตัวเองแต่อย่างใด แต่เหมือนเป็นการด่าทอแทนบอสใหญ่มากกว่า
ตามคาด พอบอสใหญ่ที่กำลังถูกคนประคองให้ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาได้บินเข้า ก็ขมวดคิ้วบางๆ “ปล่อยให้พวกมันหนีไปไม่ได้เด็ดขาด…”
พอพูดจบ เขาก็จ้องประตูรถด้วยสีหน้าแปรปรวน พลางพูดกับตัวเองว่า “คนคนนี้มีปฏิกิริยาตอบโต้ไวมาก พอรู้ตัวว่าตัวเองงับเบ็ดเข้า ก็รีบปล่อยทันที ถ้าไม่อย่างนั้น…แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าควรต่อกรกับแกอย่างไร…”
เขาพูดได้ครึ่งเดียว แล้วจู่ๆ ก็เหมือนได้สติขึ้นมากะทันหัน จากนั้นก็รีบหยุดพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เหล่าสมาชิกระดับสูงต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
หลังจากถูกลอบโจมตี บอสใหญ่ของพวกเขาทำไมถึงได้ดูแปลกไป…
หรือเป็นเพราะจิตใจฟุ้งซ่าน?
พอคิดถึงตรงนี้ บางคนก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา
พวกเขาเข้าร่วมกับนิพพานมาก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ แล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่คนกลุ่มแรกสุดของบอสใหญ่ แต่ก็ถือเป็นคนเก่าแก่แล้ว
บอสใหญ่คนนี้มักจะอยู่ในห้องพักของตัวเองเสมอ เขาไม่เคยเผยโฉมหน้าต่อหน้าเหล่าสมาชิกธรรมดา แต่เรื่องที่เกิดในนิพพาน เขากลับรู้เป็นอย่างดีทุกเรื่อง ไม่เพียงเท่านี้ เขาไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเท่าไหร่ ในแววตาก็มีแต่ความนิ่งขรึมอยู่เสมอ สรุปคือ ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาเหล่าสมาชิกระดับสูง คือหัวหน้าผู้ที่ไม่ชอบพูดจาและยิ้มแย้ม ทำให้คนต่างพากันกริ่งเกรง
เขามีท่าทางและน้ำเสียงที่ชั่วร้ายอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หัวหน้าทีมวิจัยส่ายหน้า เป็นเชิงบอกให้พวกเขาไม่ต้องถามอะไรทั้งสิ้น
แต่เขากลับลอบคิดในใจว่า พวกนายอย่าคิดว่าบอสใหญ่ใส่สูทผูกเนกไทอย่างนี้ ก็คิดว่าเขาเป็นบอสใหญ่แล้วจริงๆ ก่อนที่จะขึ้นรับตำแหน่ง เขาคนนี้เคยเป็นพ่อค้าขายเนื้อหน้าเลือดมาก่อน…
“ดูเร็วๆ ใครที่ไม่รู้จักจับตัวออกมาได้เลย!” ชายแซ่หลียังคงตะโกนเสียงดังก้อง
ท่ามกลางกลุ่มคน เด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าเล็กๆ เหลือบมองเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่งแวบหนึ่ง เขาดีดนิ้วมือ แล้ววัตถุก้อนเล็กๆ สีแดงก็หล่นลงมาท่ามกลางกลุ่มคน
พอสิ่งนั้นหล่นกระทบพื้น ฝูงชนก็แตกฮือทันที
“อีกแล้ว!ทำไมเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ถึงได้ดุร้ายขึ้นกว่าเดิมล่ะเนี่ย!”
“รีบช่วยหน่อยเร็ว ฉันจะต้านไม่อยู่แล้ว!”
“ชิบ พวกเอ็งจะเบียดเข้าไปตรงกลางทำไมวะ คิดจะให้ข้าสู้คนเดียวหรอวะ!”
เสียงด่าทอและตะโกนเรียกดังโหวกเหวกขึ้นมาทันที แม้แต่ชายแซ่หลีที่เพิ่งจะเดินเขามาใกล้กลุ่มคนก็ซวยไปด้วย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างกายเขาคนหนึ่งถูกซอมบี้คลุ้มคลั่งตัวหนึ่งกระชากแขนล้มลงกับพื้นอย่างแรง และตัวเขาก็รีบยกมือกุมศีรษะแล้วถอยหลังไปทันที
พอเห็นกลุ่มคนเริ่มแตกตื่นและวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง หัวหน้าทีมวิจัยก็ขมวดคิ้วแน่น
เขากำลังจะหันหลังไปขอความเห็น แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้าไปใกล้กลุ่มคน
สองคนนั้นเป็นคนที่ลงมาจากรถยนต์นั่นเอง โดยหนึ่งในนั้นก็มีชายที่สวมแว่นกันแดดรวมอยู่ด้วย
คนพวกนั้นดูผิวเผินเหมือนสมาชิกธรรมดา แต่ก็ดูเหมือนแตกต่างเล็กน้อย…
ในขณะที่หัวหน้าทีมวิจัยยังคงครุ่นคิดอย่างสงสัย สองคนนั้นก็เดินไปอยู่ข้างหลังชายแซ่หลีแล้ว
ชายสวมแว่นดำหนึ่งในนั้นคว้าแขนชายแซ่หลีทันที ส่วนชายอีกคนก็พลิกมือหยิบท่อนเหล็กขึ้นมา แล้วเหวี่ยงออกไปฟาดซอมบี้ตัวหนึ่งล้มทันที
ซอมบี้ตัวนั้นกำลังโรมรันพันตีกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ ผลปรากฏว่าท่อนเหล็กที่ฟาดออกไปยกตัวมันขึ้นกลางอากาศเลยทีเดียว
ไม่รอให้มันทิ้งตัวลงพื้น ชายคนนั้นกระโดดตามขึ้นไป พร้อมง้างท่อนเหล็กขึ้นเหนือหัว และฟาดลงไปที่ท้องของมันอย่างสุดแรง
“โครม!”
ซอมบี้ตัวนั้นกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาดัง “อ๊อก”
ปากของมันเพิ่งจะอ้าออก ท่อนเหล็กท่อนนั้นก็พุ่งลงมา และเสียบทะลุคอหอยของมันดัง “ฉึก” ทันที
การโจมตีชุดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา ไม่มีการหยุดชะงักระหว่างนั้น ทำเอาเหล่าสมาชิกนิพพานที่มองดูอยู่พากันตะลึงตาค้าง
พวกเขาเองก็เป็นผู้มีความสามารถพิเศษเหมือนกัน แต่การต่อสู้ที่สามารถทำได้อย่างหมดจดงดงามท่ามกลางความโกลาหลอย่างนี้ มีไม่กี่คนที่สามารถทำได้
การโจมตีนี้ไม่เพียงต้องใช้ความเร็วและพละกำลัง แต่ยังต้องอาศัยการตัดสินใจอันแม่นยำรวมถึงประสบการณ์การต่อสู้อันช่ำชองด้วย
โดยเฉพาะตอนที่เขาทิ้งตัวลงพื้นแล้วใช้ท่อนเหล็กแทงเข้าไปในปากซอมบี้ตัวนั้นอย่างไม่ลังเล เป็นฉากที่ทำให้ทุกคนที่กำลังมองดูอยู่รู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง
ฆ่าคนไม่กระพริบตาเลย…และคนคนนี้ไม่เพียงไม่กระพริบตา แต่เขากำลังยิ้มอีกต่างหาก!
หลังจากเหยียบอกซอมบี้แล้วกระชากท่อนเหล็กออกมาจากปากมัน เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาซอมบี้ที่อยู่ด้านหน้าต่อทันที
ในขณะที่เขากำลังเปิดทางอยู่ ชายแซ่หลีก็ถูกพาตัวเข้าไปท่ามกลางฝูงชน!
เขามองเข้าไปในกลุ่มคนตามที่ชายแว่นดำชี้ จากนั้นก็หลับตาลงอย่างลังเลเล็กน้อย
พอเห็นพฤติกรรมของชายแซ่หลี แล้วหันไปมองสีหน้าเคร่งขรึมของชายแว่นดำ แล้วยังมีมือที่แอบวางไว้บนต้นคอชายแซ่หลีเงียบๆ นั่นอีก หลิงม่อที่อยู่ในกลุ่มคนพลันหรี่ตาเล็กลง
เขาเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต! นอกจากนี้ เขาก็ยังมีวิธีช่วยชายแซ่หลีตามหาคนได้อย่างรวดเร็วด้วย!
สายตาของหลิงม่อกวาดมองกลับไปกลับมาระหว่างคนคนนั้นกับชายแซ่หลี แล้วทันใดนั้นม่านตาเขาก็หดตัวทันที
หนวดสัมผัสสองเส้นแหวกผ่านกลุ่มคนไปอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเป้าไปยังดวงแสงแห่งจิตสองดวงนั้น
“อ๊ากก!”
ชายแซ่หลีกรีดร้องเสียงดัง พลันยกมือขึ้นกุมศีรษะแล้วส่ายไปมาอย่างแรง
ส่วนชายคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาสีหน้าซีดเผือด แต่ไม่นาน มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นทันที!
หลิงม่อใจกระตุกวูบ ลอบร้องว่าซวยแล้วในใจ
“เขาอยู่นั่น!” ชายแว่นดำอ้าปากตะโกน ขณะเดียวกันชายที่ถือท่อนเหล็กก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
เขากระโดดขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็เหยียบไหล่ของคนที่อยู่ตรงหน้า พุ่งตัวไปทางหลิงม่อด้วยความเร็วสูง
หลิงม่อถอยกรูดท่ามกลางกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว พลางเหลือบมองไปอีกด้านหนึ่งด้วยหางตา
ได้ยินเสียงตะโกนของชายแว่นดำ หลันหลันที่อยู่ใต้ท้องรถก็สะดุ้งไปทั้งตัว และรีบหดหัวกลับเข้าไปข้างใน
เธอหันหน้ากลับมา แล้วพูดกับมู่เฉินที่นั่งยองๆ อยู่ในช่องแคบระหว่างรถ “ทำยังไงดี ดูเหมือนเขาจะถูกจับได้แล้ว”
มู่เฉินสับสนไปครู่หนึ่ง แล้วไม่นานก็ยกมือกระชับด้ามมีดแน่น จากนั้นเขาก็แนบหลังชิดตัวรถแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางกระจกมองหลัง “อีกเดี๋ยวพวกเธออยู่นิ่งๆ นะ ถ้าเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อไหร่ก็วิ่งได้เลย พวกฉันจะวิ่งไปทางรูโหว่นั่น คนพวกนั้นก็ต้องวิ่งไปทางนั้นด้วย ถึงตอนนั้นพวกเธอก็ปิดหน้าปิดตาดีๆ แล้ววิ่งปะปนออกมากับกลุ่มคนซะ มืดขนาดนี้ คงไม่มีใครจับพวกเธอได้หรอก”
“นายจะไปช่วยเขา?” เหล่าหลันพยักหน้า แล้วถามอีก
“ใครจะไปช่วยหมอนั่นกัน! ฉันจะช่วยตัวเองต่างหาก ถ้าเขาตายฉันก็จบเห่เหมือนกัน เข้าใจไหม?” มู่เฉินอธิบายอย่างขุ่นเคือง
ทว่าพอหันหน้าไป มู่เฉินกลับเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรงออกมา “ฉันว่าแล้วเชียวว่าติดตามหมอนั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ!”
มู่เฉินสูดหายใจลึกด้วยความกังวล พลางจ้องหาจังหวะที่จะพุ่งตัวออกไป แต่กลับได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจดังมากจากลุ่มคน
หลิงม่อก้าวถอย ชายถือท่อนเหล็กทิ้งตัวลงบนพื้นที่ว่างตรงกลางวง
ไม่รู้ว่าชายแว่นดำชี้เป้าได้อย่างไร พอเขาตะโกน ชายถือท่อนเหล็กก็พุ่งตัวตามมาอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านี้ คนอื่นๆ ที่ลงมาจากรถต่างพากันพุ่งเข้ามาในกลุ่มคน
แล้วหลิงม่อก็เข้าใจ ชายแว่นดำคนนั้นใช้ตัวเองเป็นเหยื่อ เพื่อจะหลอกล่อเขาให้เผยตัวออกมา
ถ้าหากจู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามา หลิงม่อจะซ่อนตัวเงียบและไม่ลงมือ หรือไม่ก็อาจหาทางอื่นเพื่อผละตัวหนีไป
ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาสองคนก่อน แล้วยังจงใจแยกตัวกัน เพื่อเปิดโอกาสให้หลิงม่อฉวยโอกาสโจมตีอีกด้วย
แต่หลิงม่อไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ใช้พลังพิเศษอะไรเลย ตอนที่ชายแซ่หลีหลับตาลง คนคนนั้นก็กำลังแสร้งทำท่าทีเหมือนว่ากำลังใช้พลัง แต่ความจริง เขากำลังเตรียมตัวรับมือ และรอให้หลิงม่อลงมือต่างหาก
และพอหลิงม่อลงมือ อีกฝ่ายก็ถูกเล่นงานเข้าเต็มๆ หนึ่งครั้ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีการเตรียมรับมืออยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก
แต่เพราะการโจมตีครั้งนี้ ที่ทำให้เขาโรมรันพันตีเข้ามาอย่างไม่ยอมลดละ
หลังจากชี้ตัวหลิงม่อเสร็จ ชายแว่นดำก็ถอยออกจากลุ่มคนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยืนมองตำแหน่งที่หลิงม่ออยู่ด้วยรอยยิ้มเย็นชาอยู่ไม่ไกล
“ถูกหลอกซะแล้ว…”
หลิงม่อยังคงถอยหลังเข้าไปในกลุ่มคนไม่หยุด แต่คนเหล่านี้ถึงจะไม่รู้ว่าใครถูกหมายหัว แต่กลับพากันแหวกออกด้านข้างโดยสัญชาตญาณ และเปิดทางให้ชายถือท่อนเหล็ก
“เคร้ง”
หลิงม่อถอยหลังชนตาข่ายเหล็กอันแข็งแรง
และในตอนนั้นเองที่กลุ่มคนต่างพากันแยกตัวออก ทำให้หลิงม่อต้องเผยตัวตนอยู่ต่อหน้าชายแวนดำและชายถือท่อนเหล็กในที่สุด
“จับได้แล้ว!”
ชายถือท่อนเหล็กฉีกยิ้ม เขาควงท่อนเหล็กพร้อมกระโดดขึ้นกลางอากาศ และพุ่งตัวเข้าไปทางหลิงม่อราวกับราชสีห์ดุดัน
แต่ในเสี้ยววินาทีที่ถูกจับได้ หลิงม่อกลับหันหลังกลับไป แล้วจับตาข่ายเหล็กแน่น
“แกหนีไม่รอดรอก!”
ชายแว่นดำตะโกนเสียงแค้นมาแต่ไกล ขณะเดียวกันชายถือท่อนเหล็กก็เร่งความเร็วขึ้นทันที
พร้อมกันนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าได้ยกปากปืนขึ้น และเล็งมายังตาข่ายเหล็กฝั่งนี้
“กล้าก็ตามมาสิ”
หลิงม่อตะโกนท้า เขาเขย่งปลายเท้าทั้งสองข้างขึ้นจากพื้นดิน จากนั้นร่างกายเขาก็ลอยขึ้นไปทันที
ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร เหมือนเขาจับเชือกที่ยืดหยุ่นมาก แล้วถูกดึงขึ้นไปบนที่สูงในแนวดิ่ง
ถึงการเคลื่อนไหวของชายถือท่อนเหล็กจะเร็วอีกแค่ไหน แต่ก็เทียบกับแรงดีดนี้ไม่ได้ ท่อนเหล็กฟาดตาข่ายเหล็กดัง “เคร้ง”
ทว่าเขามีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เร็วมาก หลังจากโจมตีพลาดเป้าเขาก็ยกมือขึ้นจับตาข่ายเหล็ก แล้วไต่ขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง
ผู้คนที่อยู่ข้างล่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง พลางส่งเสียงตะลึงกันเกรียวกราว
คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ก็มีการต่อสู้ขึ้นล่ะ?
โดยเฉพาะฉากที่ชายคนนั้นถูกต้อนจนจนมุม จากนั้นเขาก็ลอยตัวขึ้นไป ทำให้ทุกคนตะลึงปากอ้าตาค้างไปตามๆ กัน
“ใครเห็นหน้าเขาบ้าง?”
“ไม่เห็นว่ะ โครตเร็วเลย”
“พลังพิเศษอะไรเนี่ย…”
เมื่อหลิงม่อลอยขึ้นไปบนที่สูง เขากลับไม่ตกลงมา และไม่ได้ฉวยโอกาสคว้าตาข่ายเหล็กไว้
ตรงกันข้าม เขากลับทำท่าเหมือนกำลังเหยียบอะไรบางอย่างกลางอากาศ แล้วกระโดดขึ้นไปสูงอีกขั้นอย่างง่ายดาย
“คิดว่าเล่นเกมมาริโอ้อยู่รึไงวะ!”
ชายถือท่อนเหล็กได้ยินเสียงคนคุยกันด้วยความตกตะลึงจากด้านล่าง ก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ตะโกนก้องอย่างเดือดดาล
—————————————————————————–