บทที่ 181 เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรปัญจธาตุ

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 181 เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรปัญจธาตุ

ชั่วขณะที่ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเกิดความวุ่นวายขึ้นเพราะคำพูดนั้นของเจ้าพุทธะเทียนซิ่ว ตัวเสิ่นเทียนกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่าจะหาเหตุผลอะไรในการบอกปัดผ่านการฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ดี ถึงอย่างไรก็รู้ดีว่าตอนนี้ดวงชะตาของตนยังไม่ได้ อีกทั้งการฝึกฝนยังอันตรายมากด้วย

หากบุ่มบ่ามโอ้อวดในสถานการณ์เช่นนี้ก็คงจะต้องผิดหวังเอาได้ง่ายๆ

แต่ตนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะปฏิเสธไม่นำศิษย์ในฝ่ายตนไปฝึกฝนก็ไม่เหมาะสมอีก

ถึงอย่างไรก็เป็นงานในหน้าที่ที่ผู้นำสั่งมา ถ้าเขาปฏิเสธตรงๆ จากนี้เกรงว่าคงโดนกลั่นแกล้งแน่ๆ!

ถ้าหาข้ออ้างไม่ได้ก็บอกว่าได้รับบาดเจ็บภายในจากที่ราบหมอกลับแล ตอนนี้อยู่ในช่วงพิเศษกำลังรักษาไม่ค่อยสะดวกล่ะ

ปัญหาคือเหตุผลนี้ไร้สาระเลยเกินไป เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเจ้าเพิ่งเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งออกมาเอง มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์เยอะขนาดนั้น ขนาดโดนฟันเป็นท่อนไม้มนุษย์ยังฟื้นฟูได้สบายๆ!

บางที ต่อไปในสิบวันนี้อาจจะทะลวงไปแก่นพลังทองก่อนล่ะ

ก็ไม่เหมาะสมอีก นี่เหมือนกับจู่ๆ ฝืนบอกเลิกรากันในวันที่สิบเก้าเดือนห้า มิหนำซ้ำสนามรบบรรพกาลยังจำกัดพลังไว้ต่ำกว่าแก่นพลังทอง มีเพียงระดับสร้างฐานที่เข้าไปได้

การเอาฐานรากมรรคของตนมาล้อเล่นเพื่อหาข้ออ้างที่ไม่แน่ว่าจะสำเร็จนี่ เสิ่นเทียนรู้สึกว่าเช่นนี้ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “อาจารย์ ศิษย์เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าชื่อเสียงบารมียังไม่พอ ให้ศิษย์นำสหายทุกคนไปฝึกฝน คงยากจะทำให้ใครเชื่อถือได้!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “เจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ใครจะกล้าไม่เชื่อฟัง หลายวันมานี้ศิษย์น้องหญิงบัวทองคำรับหน้าที่สร้างยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางสุดกำลัง พรุ่งนี้ข้าจะประกาศลดราคายันต์อัสนีสามส่วน ทั้งยังบอกพวกเขาด้วยว่าเจ้าเป็นคนช่วยให้สำเร็จ

ถึงตอนนั้นศิษย์ระดับสร้างฐานพวกนั้นจะมียันต์ระเบิดอัสนีไว้ปกป้องตัวเอง ตอนฝึกฝนจะปลอดภัยขึ้นมาก จะต้องซาบซึ้งใจในตัวเจ้าเอง”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “เทียนเอ๋อร์ อาจารย์สนับสนุนเจ้าเต็มที่นะ การฝึกครั้งนี้ก็เป็นโอกาสเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะสร้างอำนาจบารมีขึ้นได้อย่างแท้จริง แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ภายภาคหน้ายังต้องให้เจ้านำพาให้ยิ่งใหญ่อยู่!”

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงแบบผู้อาวุโสในหน่วยงานองค์กรอันเข้มข้นจากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว เสิ่นเทียนก็จนปัญญา

แดนศักดิ์สิทธิ์จะพัฒนา ดังนั้นจึงต้องเพิ่มภาระให้หรือ ความรู้สึกเดจาวูอันเด่นชัดนี้นี่มันอะไรกัน

อาจารย์ คนเราเป็นโฮคาเงะ[1]…อ้อไม่ใช่ เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรจะดูที่ศักยภาพ ดูบารมี หรือดูที่ความเป็นผู้นำหรอกหรือ

ศิษย์เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาไม่กี่วันเอง! เหตุใดท่านถึงจะมอบภาระหน้าที่ให้ศิษย์กัน

ท่านลำเอียงเช่นนี้ ไม่คิดถึงความรู้สึกของบุตรชายท่านเลยหรือ

ศิษย์พี่จางอวิ๋นถิงต่างหากคือบุตรชายแท้ๆ ของท่าน เลือดข้นกว่าน้ำนะ!

เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยความจนปัญญา “แต่สนามรบบรรพกาลอันตรายมาก ศิษย์ตระหนก ศิษย์ไม่มีประสบการณ์ เกิดเจออันตรายขึ้นมา ศิษย์ตายตกไม่เป็นไร ก็แค่ตายคนเดียว แต่กลัวว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ จะเข้าใจผิดและเจอหายนะเพราะศิษย์ได้ เช่นนั้นศิษย์ตายไปก็ไม่มีหน้าไปเจอพวกเขาแล้ว!”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ ไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะมีความรู้สึกเป็นครอบครัวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงขนาดนี้

ฝ่ายเราได้บุตรแห่งกิเลนตนนี้มาแล้ว เท่ากับมีควันดำลอยโชยขึ้นมาเหนือหลุมศพบรรพบุรุษเทพสวรรค์แล้ว!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “ตรงนี้เจ้าไม่ต้องกังวลเลย ข้าเคยคาดการณ์ไว้ว่าเจ้ามีรูปแบบชะตามังกรซ่อนทะยานฟ้า กายมีมหาดวงชะตา ตอนนี้มังกรเหินเก้านภาแบกรับดวงชะตาแห่งสวรรค์ ไม่ว่าไปที่ใดจะมีสวรรค์ปกป้องเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้

ดังนั้นการฝึกครั้งนี้ ทุกคนตามเจ้าจะปลอดภัยที่สุด หากเจออันตราย อาจารย์อยากให้เจ้าปกป้องตัวเองก่อน ถึงอย่างไรเป็นตายก็มีดวงชะตาฝึกฝนอยู่บนฟ้า ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้วตั้งแต่ก้าวบนเส้นทางเซียน

อาจารย์รู้ว่าเจ้ามีเมตตา แต่ทุกคนมีดวงชะตา ผู้อยู่เบื้องบนก็มีใจของเบื้องบน การสงสารให้บุญก็อาจจะไม่เป็นผลดีกับการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์นัก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สอนวิชาผู้อยู่เบื้องบนให้ครู่หนึ่ง เสิ่นเทียนฟังแล้วงงจนอยากจะหลับ

เขาแค่อยากเป็นปลาเค็มที่เกาะโชคลิขิตของผู้มีมหาดวงชะตา กอดต้นขาตีเนียนเป็นเซียนอายุยืนยาวเท่านั้น อะไรคือให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นำพาให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้น สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนไม่สนใจจริงๆ เซลล์สมองจะแตกตาย!

และที่สำคัญกว่านั้นคือ ข้าแบกรับรูปแบบชะตา ‘มังกรซ่อนทะยานฟ้า’ หรือ มังกรเหินเก้านภาแบกรับดวงชะตาแห่งสวรรค์หรือ

ท่านมั่นใจนะว่าหมายถึงศิษย์ ไม่ใช่จ้าวเฮ่าที่เพิ่งเซ่นไหว้อาจารย์ไปกับสวรรค์น่ะ

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมีคุณสมบัติไม่สูง ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จึงสั่นไหว ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพหนึ่งในความคิด เป็นเกราะนักรบสีฟ้าอ่อน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ฉุกคิดขึ้นมาได้ “เทียนเอ๋อร์ ตอนนี้กำลังรบเจ้าเพิ่มขึ้นมากแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนเกราะนักรบแล้ว เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าเจ้าตอบตกลงจะพาลูกศิษย์ไปฝึกฝนครั้งนี้ อาจารย์จะมอบเกราะนักรบชุดใหม่ทั้งชุดให้เจ้าเลย ว่าอย่างไร”

เสิ่นเทียนไม่เกิดคลื่นใดๆ ในใจเลย กระทั่งยังอยากหัวเราะนิดๆ ทำไม เมื่อก่อนอาจารย์เป็นคนเลี้ยงเต่ารึ ตอนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาก็ให้โล่เต่าดำ ตอนค้นพบสายฟ้าแยกน้ำก็ให้หมวกเกราะเต่าดำ

ตอนนี้จะให้ศิษย์ขายแรงงาน ก็เลยจะให้เกราะเต่าดำข้าอีกชุดหรือ

แน่นอน เสิ่นเทียนแค่บ่นในใจ ภายนอกก็ยังคงบอกปัด

“อาจารย์ ศิษย์ไม่ได้ความแบบนั้น การสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ศิษย์ควรทำอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนยังพูดไม่จบ ก็เห็นเกราะนักรบสีทองชุดหนึ่งลอยออกมาจากสายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ส่องแสงสว่างจ้า

เกราะนักรบชุดนี้ดูค่อนข้างบ้าอำนาจเลย มีสายฟ้าสีขาว เขียว ดำ แดงและเหลืองห้าสีวนเวียนอยู่รอบๆ ออกเป็นสายฟ้าสีทอง

บนเกราะนักรบชุดนี้ จะเห็นปรากฏการณ์ห้าสัตว์เทพอย่างมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำและกิเลนก่อรูปขึ้นอย่างชัดเจน

สัญลักษณ์ตรงหมวกเกราะนักรบยังเหมือนกิเลนสีทอง คล้ายๆ กับปรากฏการณ์กิเลนผนึกแดนกลางมาก ทั้งแขนซ้ายคล้ายกับสันหลังมังกร เกล็ดมังกรสีทองปกคลุมทั้งแขนซ้าย

แขนขวาเหมือนลายพยัคฆ์ ตรงถุงมือฝังกรงเล็บพยัคฆ์ไว้ เหมือนกับเขี้ยวของพยัคฆ์

ส่วนรองเท้าตรงส่วนขาหลอมขึ้นจากทองคำศักดิ์สิทธิ์สีแดงอมทอง ร่างเป็นภาพวิหคชาดแผดเผาหล้าตัวหนึ่ง ดูสวยงามเป็นพิเศษ

ส่วนเกราะหน้าอกตรงกลางก็ไม่ใช่แบบกระดองเต่าอีก แต่เป็นสัญลักษณ์ยันต์แปดทิศหยินหยางสีทอง ดูลี้ลับยากจะคาดเดา

หากนำเกราะเต่าดำ หมวกเกราะเต่าดำก่อนหน้ากับเกราะนักรบใหม่ชุดนี้ไปเป็นสกินในเกมแล้ว เช่นนั้นสกินของเกราะเต่าดำกับหมวกเกราะเต่าดำจะเป็นจะแพ็กของเริ่มต้นราคาหกหยวน ทำอะไรไม่ได้มากจริงๆ

แต่เกราะนักรบใหม่ชุดนี้ ขนาดผู้เล่นต้องกินมาม่าทั้งเดือนยังทำใจเติมเงินซื้อไม่ได้

ไม่ผิด เสิ่นเทียนที่ถูกรูปทรงอุปกรณ์ทรมานมานานใจสั่นไหวแล้ว

เขาถูสองมือไปมา “อาจารย์ พลังป้องกันของเกราะนักรบชุดนี้แกร่งเพียงใดรึ ศิษย์ยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอีกไม่น้อย เอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาแลกเกราะนี้ได้หรือไม่”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “เกราะนักรบชุดนี้มีชื่อว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร เหมาะกับกายเทพอัสนีหยางที่สุด

หากเทียนเอ๋อร์สวมเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้แล้วเร่งรัดพลังป้องกันของมันเต็มที่ ต่ำกว่าระดับหลอมรวมเทพยังทำร้ายเจ้าได้ยากอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเพิ่มกำลังรบได้เป็นเท่าตัวอีก”

ยังมีอีกอย่างที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้บอก นั่นคือเกราะนักรบชุดนี้คือชุดที่มีรูปทรงโอ้อวดที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เขารู้ว่าสุดท้ายจุดนี้จะมีแรงดึงดูดต่อเสิ่นเทียนที่สุด จึงไม่ต้องให้เขาเตือน

ถึงอย่างไรโอรสสวรรค์รุ่นเยาว์อย่างเสิ่นเทียน หากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นใครบ้างไม่อยากสวมเกราะที่หล่อที่สุดให้คนอื่นดูได้แบบยั่วยวนที่สุดล่ะ

เขาจางหลงหยวนตอนยังหนุ่มก็เคยเป็นบุรุษที่หล่อที่สุดในดินแดนบูรพามาก่อนเชียว!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เชื่อมั่นว่าตอนนี้เสิ่นเทียนยังหนุ่มมาก จะต้องปฏิเสธความยั่วยวนเช่นนี้ไม่ได้แน่นอน

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เมื่อรู้ว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานแลกเกราะชุดนี้ไม่ได้ เสิ่นเทียนพลันมีสีหน้าแน่วแน่ขึ้นมา

เขาพูดอย่างถูกต้องชอบธรรมว่า “อาจารย์ ศิษย์เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็ควรจะแบกรับหน้าที่ผู้นำไว้ การฝึกฝนในสิบวันหลังจากนี้ ศิษย์ยินดีเป็นแบบอย่างนำพาลูกศิษย์ทุกคนไปสร้างอำนาจบารมีของเทพสวรรค์เรา จะไม่ทำให้อาจารย์ที่ดูอยู่ผิดหวังอย่างเด็ดขาด!

แน่นอน นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเกราะนักรบเลย!”

……

ช่างเถอะ ฝึกก็ฝึก

อย่างมากถึงตอนนั้นข้าก็คอยอยู่ข้างนอก สั่งการทุกคนอยู่ไกลๆ

ไม่เชื่อหรอกว่าแบบนั้นจะเกิดเรื่องได้!

อ้อ จะว่าไปก่อนหน้านี้เหนือศีรษะเจ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือนั่นมีภาพโชคลิขิตที่ไม่เลวด้วย ค่อนข้างมีประโยชน์เลย

อาศัยตอนที่การฝึกยังไม่เริ่ม ไปเก็บเกี่ยวเจ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือนั่นก่อนดีกว่า!

และจะได้พิสูจน์เรื่องการแย่งชิงดวงชะตาว่าจะสร้างหายนะได้จริงหรือไม่ด้วย!

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนของตัวเอง ไม่เสียใจหรอก!

………………………….………

[1] โฮคาเงะ หมายถึงผู้นำหมู่บ้านในการ์ตูนเรื่องนารูโตะ