ตอนที่ 175 คุณหนูฉิน ภาพกล้องวงจรปิดที่คุณขอ!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้จะบานปลายถึงขั้นนี้

 

 

หนิงฉิงอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองฉินอวี่ ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไร สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร

 

 

หลินฉีนิ่งไป

 

 

เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมือนสไตล์ของฉินหร่าน นิสัยอย่างเธอ ต่อให้ต้องการเอาคืนก็ไม่มีทางใช้วิธีต่ำทรามแบบนี้ แต่เป็นเหมือนเรื่องของสวี่เซิ่น ที่เล่นงานซึ่งหน้า

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ผู้เฒ่าหลินอยู่กับนักเรียนสองคนที่กลับมาพร้อมฉินอวี่ตรงใต้ตึก

 

 

รออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยังไม่มา กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เลยตามขึ้นมา

 

 

หลินฉีเล่าเรื่องเพชรที่อยู่ในมือฉินหลิงให้ผู้เฒ่าหลินฟังคร่าวๆ

 

 

ผู้เฒ่าหลินขมวดคิ้ว

 

 

“อวี่เอ๋อร์…” หลินฉีไม่สนใจความคิดของผู้เฒ่าหลิน เอ่ยปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

 

 

กลับถูกผู้เฒ่าหลินขัดคอทันที

 

 

“เรื่องนี้แกไม่ต้องเข้าไปยุ่ง” ผู้เฒ่าหลินอ่านเกมสงครามของสองพี่น้องสกุลฉินออกนานแล้ว ฉินหร่านเป็นคนทำหรือไม่ไม่สำคัญ “น่าจะไม่เกี่ยวกับฉินหร่าน แต่คนรอบข้างพวกนี้หนีไม่พ้นแน่ รอตำรวจยังคืนความบริสุทธิ์ให้เธอได้ แต่แกห้ามออกหน้าเด็ดขาด ถ้าแกยืนข้างฉินหร่าน อวี่เอ๋อร์จะรู้สึกยังไง”

 

 

“ฉะนั้นก็คือ พ่อก็คิดว่าไม่ใช่เธอเหมือนกันใช่ไหม” หลินฉีเม้มปาก

 

 

ผู้เฒ่าหลินพูดเสียงเรียบว่า “ใช่หรือไม่ไม่สำคัญ”

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ผู้เฒ่าหลินไม่ยอมให้หลินฉีพูดเลยสักคำ

 

 

ผู้เฒ่าหลินพูดสั้นๆ ว่า “ฉันจะไปหาคุณหลี่คนนั้น”

 

 

ที่นี่มีแต่ญาติๆ ฝั่งสกุลหนิง

 

 

ผู้เฒ่าหลินจึงอยู่ไม่นานนัก

 

 

“ป้าจาง ป้ากับคุณปู่ไปเชิญคุณหลี่ซวงหนิงมา” ฉินอวี่พยักหน้า เอี้ยวตัวมองป้าจาง

 

 

จากนั้นก็มองฉินฮั่นชิว หลินฉีอยู่ เธอจึงไม่เรียกฉินฮั่นชิวว่าพ่อ พูดด้วยใบหน้าเฉยชาว่า “คุณเรียกเธอลงมาเถอะ”

 

 

แน่นอนว่าเธอในที่นี้หมายถึงฉินหร่าน

 

 

ฉินฮั่นชิวขมวดคิ้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “หรานหร่านมาหลังจากที่เพชรของคุณหนูท่านนั้นหาย เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเธอได้ยังไง”

 

 

“คุณถามเธอเอาเอง ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้สั่งฉินหลิงล่วงหน้า” ฉินอวี่หลับตาครู่หนึ่ง พูดจาเหน็บแนม ไม่สนใจพวกฉินฮั่นชิวอีก

 

 

เธอไม่รู้ว่า ฉินฮั่นชิวปกป้องฉินหร่านขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

 

 

หนิงฉิงมองมือถือ คิดๆ แล้วก็เดินเข้าไปใกล้ฉินฮั่นชิว “คุณเรียกเธอลงมาก่อนเถอะ ฉันโทรไปเธอก็ไม่รับ”

 

 

ไม่ใช่แค่ไม่รับ ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน ไม่รู้เพราะอะไร ทุกครั้งที่ต่อสายหาฉินหร่านจะสายไม่ว่างตลอด

 

 

ไม่เหมือนว่าถูกบล็อก แต่โทรอย่างไรก็โทรไม่ติด

 

 

“ไม่งั้นตำรวจมาเธอก็ต้องลงมาอยู่ดี” หนิงฉิงพูดเสียงเบา

 

 

 

 

ในขณะเดียวกัน กู้ซีฉือก็เพิ่งจัดสัมภาระเสร็จ

 

 

“มีรถทะเบียน 1111 มันเป็นรถส่วนตัวของผู้บัญชาการเฉียน อยู่ประตูหลัง” ฉินหร่านปิดประตู เดินไปทางประตูเฉพาะของพนักงานพร้อมกู้ซีฉือ

 

 

กู้ซีฉือสวมผ้าพันคอสีดำ เสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ “ประตูพนักงานไม่เปิดหรอกมั้ง”

 

 

ครั้งก่อนที่รูปของเขาถูกเจียงตงเย่เผยแพร่ เขาเคยคิดจะใช้ประตูพนักงาน แต่ประตูล็อก

 

 

ใช่ว่ากู้ซีฉือจะไม่มีวิธีปลดล็อก

 

 

เพียงแต่ว่าโถงทางเดินมีกล้องวงจรปิดเยอะแบบนี้ ถึงเวลาเขายังไม่ทันปลดล็อก ยามของโรงแรมอวิ๋นติ่งคงมาถึงก่อน

 

 

เขาเพิ่งพูดจบ ฉินหร่านก็ผลักออกเบาๆ ประตูเฉพาะพนักงานก็เปิดออกแล้ว

 

 

“วันนี้เปิดอยู่งั้นเหรอ” กู้ซีฉือดึงผ้าพันคอ เชยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ

 

 

ประตูเฉพาะพนักงานของโรงแรมอวิ๋นติ่งไม่เหมือนทางเดินสาธารณะ ประตูหลังเล็กมาก เมื่อลงจากลิฟต์ก็แทบจะไม่มีผู้คนเลย

 

 

ฉินหร่านมองดูเขาขึ้นลิฟต์ ไม่ได้ตามเข้าไป

 

 

แต่ปิดประตูเฉพาะพนักงาน ถือคีย์การ์ดของกู้ซีฉือกลับเข้าโรงแรม

 

 

ไม่คิดเลยว่าตอนที่ขึ้นลิฟต์ ก็เห็นอาไห่บนลิฟต์พอดี

 

 

“อาไห่ คุณจะไปไหน” ฉินหร่านชะงักเล็กน้อย

 

 

ตอนนี้อาไห่ไม่รู้ว่าควรมองฉินหร่านด้วยสีหน้าแบบไหน เพียงก็กดเสียงให้เบาลง พูดอย่างนอบน้อมว่า “ผมจะลงไปขับรถ นายท่านมีนัดทานข้าว”

 

 

ด้วยฐานะของอาจารย์เว่ย คนที่สามารถเชื้อเชิญเขาไปทานข้าวได้ในตอนนี้มีไม่มาก

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า ไม่ซักถาม

 

 

ลงลิฟต์ไปจากชั้นที่กู้ซีฉือพักอยู่

 

 

เมื่อลงลิฟต์ก็มีเบอร์แปลกที่ไม่รู้จักของเมืองอวิ๋นเฉิงโทรเข้ามา

 

 

อ่อ สายจากป้าสะใภ้ของเธอ

 

 

 

 

ภายนอกของโรงแรมอวิ๋นติ่งมีรถตำรวจมาจอดแล้ว

 

 

สามนาทีต่อมา ฉินหร่านก็ปรากฏตัวในล็อบบี้ชั้นหนึ่ง

 

 

ตอนแรกป้าสะใภ้ยังเหน็บแนมฉินหลิงอยู่ เมื่อเห็นฉินหร่านเข้ามา ก็เงียบสงัดโดยพลัน

 

 

ฉินฮั่นชิวไม่โทร เขาไม่คิดว่าฉินหร่านจะมาจริงๆ “หรานหร่าน ทำไมถึงลงมาแล้วล่ะ…”

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ฉินหร่านพยักหน้า เมื่อเห็นหนิงฉิงกำของในถุงแน่น ก้มหน้าก้มตา ดวงตาแดงก่ำ

 

 

มีสองคนข้างๆ กำลังจดบันทึก

 

 

ฉินหร่านหลุบตาลงมองฉินหลิง

 

 

“ก็น้องชายแกขโมยเพชรของคนอื่นเขาไงล่ะ…” ป้าสะใภ้พูดเสียงเบา

 

 

ญาติคนอื่นๆ ก็กระซิบกระซาบกันว่า “ทำสกุลหนิงเสื่อมเสียชื่อเสียงหมด…”

 

 

ฉินหร่านยื่นมือออกไป

 

 

ประตูของห้องรับรองถูกปิดอย่างแรงจนดังปัง

 

 

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

 

 

เธอเอียงหัวเล็กน้อย มองไปทางพวกป้าสะใภ้ เลียริมฝีปาก “พวกคุณเป็นฉินหลิงหรือไง”

 

 

ญาติพวกนี้ไม่คิดว่าในโรงแรมระดับนี้ ในสถานการณ์ที่มีตำรวจอยู่ ฉินหร่านยังกล้าทำแบบนี้ พลันก็ตกใจ ปิดปากเงียบทันที

 

 

ฉินหร่านถึงได้มองไปทางฉินหลิง “นายว่ามา”

 

 

ฉินหลิงเงยหน้า เสียงราบเรียบทีเดียว “พวกเขาบอกว่าของที่พี่ชายให้ผมเป็นของที่ขโมยมา”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินอวี่ก็ทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว “ฉินหร่าน ของในมือฉินหลิงเกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า”

 

 

“ของเพื่อนฉัน เธอคิดว่าฉันเป็นคนให้เขาก็ได้” ฉินหร่านยิ้ม

 

 

ฉินอวี่พยักหน้า ไม่มองฉินหร่านอีก หันมองหลินฉี พูดจาถากถางว่า “พ่อ ได้ยินแล้วใช่ไหม”

 

 

เพชรก้อนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉินหร่านหรือเพื่อนของเธอจะมีแน่นอน

 

 

พวกป้าสะใภ้กับคุณย่าเมื่อได้ยินคำพูดของฉินหร่านก็พูดขึ้นมาทันทีว่า

 

 

“ไม่เกี่ยวกับพวกเรา…”

 

 

คนพวกนี้อยากจะอยู่ห่างจากสามคนนี้ให้ไกลหนึ่งร้อยเมตรให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

สิ่งที่ฉินอวี่พูดเมื่อครู่นี้พวกเขาได้ยินเต็มสองหู สร้อยเส้นนี้มีมูลค่าเกือบสิบล้าน

 

 

จะถูกจำคุกสามปี

 

 

 

 

ผู้เฒ่าหลินกับป้าจางไปเชิญหลี่ชิวผู้จัดการของหลี่ซวงหนิงมาแล้ว

 

 

“พวกคุณเอาเพชรคืนมาก็พอ” หลี่ชิวรู้จักสกุลหลิน จึงสุภาพกับผู้เฒ่าหลินขึ้นมาเล็กน้อย เธอผลักประตูห้องรับรองเข้ามา “ซวงหนิงไม่ขอออกหน้า เธอเป็นบุคคลสาธารณะออกหน้าคงไม่ค่อยดี ถ้าสปอนเซอร์รู้เรื่องนี้ก็จะไม่พอใจเช่นกัน”

 

 

นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปทางผู้เฒ่าหลิน เอ่ยเสียงเรียบว่า “ฉันแค่คิดไม่ถึงว่า สกุลหลินจะมีญาติแบบนี้ด้วย”

 

 

ผู้เฒ่าหลินทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

 

ขณะที่กำลังคุยกัน ก็มาถึงห้องรับรองแล้ว

 

 

หลี่ชิวมองข้ามฉินหร่านกับฉินฮั่นชิว มองไปทางฉินอวี่กับหลินฉี “สร้อยของซวงหนิงล่ะ”

 

 

“ยังไม่เอาออกมาอีก” ฉินอวี่มองฉินหลิงอย่างเหยียดหยาม “ไม่อายหรือไง”

 

 

ฉินฮั่นชิวอ้าปากค้าง

 

 

ฉินหร่านมือกอดอก เธอมองหลินฉี พูดอย่างนิ่งสงบว่า “นี่เป็นท่าทีของพวกคุณเหรอ”

 

 

ผู้เฒ่าหลินกลัวหลินฉีจะพูดอะไร จึงชิงพูดตัดหน้าว่า “หรานหร่าน เรื่องนี้เราจะว่ากันตามจริง”

 

 

ความจริงที่ว่าในสายตาพวกเขาก็คือฉินหลิงเป็นคนขโมย

 

 

ผู้เฒ่าหลินไม่มีทางเลือก ในเวลาแบบนี้ หากเขาลังเลจะทำให้ฉินอวี่เกิดความบาดหมางกับสกุลหลินได้ ระหว่างฉินหร่านกับฉินอวี่ในตอนนี้ ให้เขาเลือกนั้นง่ายมาก

 

 

หลินฉีเม้มปาก ในใจหนักอึ้ง ครั้งก่อนเขาแอบตัดสัมพันธ์กับฉินหร่านแต่ฝ่ายเดียว ยังไม่ถึงขั้นดุเดือดเช่นนี้

 

 

บัดนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ใช่แค่ปัญหาของฉินหร่านแล้ว หากทั้งสองตระกูลไม่ทะเลาะให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ท่าทางจะไม่ยอมเลิกรา

 

 

ฉินหร่านกลับหัวเราะ เธอพยักพเยิดใส่ฉินหลิง พูดอย่างสบายๆ ว่า “ส่งให้เธอไป”

 

 

ฉินหลิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบก้อนหินออกมาอย่างเชื่องช้า

 

 

ป้าสะใภ้เข้ามาฉวยแล้วยิ้มให้หลี่ชิว “คุณดูสิ”

 

 

ฉินอวี่ไม่อยากดูแล้ว เธอหันไปมองตำรวจที่อยู่ข้างๆ “จะจัดการยังไง พวกคุณก็จัดการเถอะ”

 

 

แต่เมื่อหลี่ชิวรับมาก็ชะงัก “ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่สร้อยคอของซวงหนิง!”

 

 

หัวใจแห่งความฝันของหลี่ซวงหนิงเป็นสินค้าใหม่ของบริษัท I ผ่านการเจียระไนอย่างพิถีพิถันแล้ว เพชรแขวนประดับอยู่บนนสร้อยคอแพลทินัม เห็นได้ชัดว่านี่เป็นก้อนหินที่ไม่ได้ผ่านการเจียระไน

 

 

สีหน้าที่เจือความเย้ยหยันของฉินอวี่หยุดค้าง “…แล้วสร้อยของหลี่ซวงหนิงล่ะ”

 

 

ส่วนฉินหร่านกลับไม่แปลกใจเลยสักนิด

 

 

ขณะนั้นเอง ผู้จัดการก็เดินเหงื่อแตกเข้ามาจากล็อบบี้

 

 

“ผู้จัดการหวัง” หลี่ชิวกับผู้เฒ่าหลินต่างก็รู้จักผู้จัดการของโรงแรมอวิ๋นติ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็เอ่ยปากอย่างสุภาพทันที

 

 

โรงแรมอวิ๋นติ่งอยู่ในเครืออวิ๋นกวงกรุ๊ป ไม่มีใครรู้ว่าผู้จัดการคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับเบื้องบนคนไหนหรือไม่

 

 

ต่อให้ไม่เกี่ยวข้อง สองคนนี้ก็ไม่กล้าปฏิบัติตัวตามสบายอยู่ดี

 

 

ผู้จัดการหวังพยักหน้าอย่างขอไปที ไม่พูดอะไร

 

 

เพียงแค่รีบจ้ำอ้าวเข้ามา เพราะรูปร่างอ้วนนิดหน่อย เขาจึงหายใจหอบ บ่นเสียงเบาว่า “คุณหนูฉิน ทำไมลงมาอีกแล้วล่ะ ถึงว่าผมขึ้นไปหาคุณที่ห้องชั้นบนอยู่นานแต่ก็หาไม่เจอ” นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “นี่เป็นภาพกล้องวงจรปิดที่คุณขอครับ”

 

 

เขายื่นแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งให้