ตอนที่ 183 พิทักษ์เกียรติของท่าน

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ตอนที่เหยาซิ่วมาหาอันหลิน จูเก๋อเลี่ยงของอันหลินโดนระเบิดของลูแบนหมายเลขเจ็ดตายพอดี คลื่นกระแทกของพลังงานสะเทือนคริสตัลของฐานให้พังทลายไปพร้อมกัน

อันหลินเล่นเกมแพ้อีกตาแล้ว

ขณะที่ทั้งคู่กำลังว่างเว้น เหยาซิ่วก็บอกเล่าข้อมูลความสามารถของตัวแทนทั้งสามแห่งเมืองพุทธที่นางทราบ

“ยังดีที่ฝั่งของเมืองพุทธไม่มีคนวิปริตระดับแปลงจิต รู้สึกแรงกดดันลดลงนิดหน่อย” อันหลินโล่งใจ มองเหยาซิ่วด้วยสายตาซาบซึ้ง “ศิษย์น้องเหยาซิ่ง ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีจริงๆ!”

ได้รับคำชมจากอันหลินสมดังใจหวัง เหยาซิ่วหน้าแดงก่ำขึ้นมาโดยพลัน ลิงโลดจนแทบจะหยุดหายใจ

คุณพระ! เทพอันชมเราแล้ว ชมเราแล้ว!

เหยาซิ่วเคลิบเคลิ้มอยู่ในความสุข แต่หลิวเชียนฮ่วนกลับเบะปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ว่าศัตรูจะเป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณหรือแปลงจิต ขอเพียงเขาแข่งลีคออฟคิงกับข้า ข้าต้องชนะแน่นอน!”

อันหลินได้ยินมุมปากก็กระตุก รำพันในใจว่า ‘ศิษย์พี่เพ้อฝันอยู่สินะ’

ดัดแปลงตัวละครของตัวเองให้เป็นบัคมังกรผงาดฟ้าทุกครั้งอย่างนาง หากหาตัวแทนจากกลุ่มอิทธิพลอื่นมาแข่งเล่นเกมกับนางได้จริง อันหลินจะแพร่ภาพสดกินอุนจิเลย

เมื่ออันหลินรำพึงรำพันเสร็จแล้ว ก็เริ่มเล่นเกมลีคออฟคิงในเวอร์ชั่นที่ผสมผสานกันระหว่างลีกออฟเลเจ็นดส์กับลีคออฟคิงอีกครั้ง

ทำไมเขาถึงต้องเล่นเกมกับศิษย์พี่หลิวน่ะเหรอ

เรื่องมันยาว

เขาไม่ใช่มาโซคิสม์ แต่เขาพบว่าการเล่นเกมช่วยฝึกปรือสมองได้จริงๆ!

คุณลองคิดดูสิ อีกฝ่ายเป็นศัตรูที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำเป็นพิเศษ คุณควรจะปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในยามที่ขาดแคลนกระบวนท่าอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่พลิกผัน นี่แหละการฝึกปรือสมองจากการต่อสู้ข้ามขั้น

การต่อสู้ภายในเกม คุณต้องใช้การวิเคราะห์ของสมองและความคล่องแคล่วของสองมือ สั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ และฝึกปรือความคิดของการต่อสู้ข้ามขั้นอย่างต่อเนื่อง

ประสบการณ์และแนวคิดอันเลอค่าที่ได้จากการเล่นเกมเหล่านี้ สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตจริง ให้ตัวเองต่อสู้ข้ามขั้นกับศัตรูในวงการบำเพ็ญเซียนได้เช่นกัน!

ยิ่งไปกว่านั้นยังเล่นเกมไปพร้อมกับการบำเพ็ญเพียรได้อีกด้วย ฝึกความสามารถใช้สมาธิกับสองสิ่ง นี่ก็เป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงเช่นกัน!

“อา หนึ่งชั่วยามแล้ว นี่หินวิญญาณของเจ้า!”

หลิวเชียนฮ่วนพบว่าเลยเวลาแล้ว จึงหยิบหนึ่งพันหินวิญญาณออกจากแหวนมิติยื่นให้อันหลิน

อันหลินรับหินวิญญาณมาด้วยความแช่มชื่น

อืม…หินวิญญาณก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลเช่นกัน เป็นเพื่อนเล่นต้องเก็บค่าตอบแทนสิ…

เศรษฐีอันหลินคิดว่าการใช้หินวิญญาณสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ สักวันหินวิญญาณต้องถูกเขาใช้จนเกลี้ยงแน่ เขาจึงพยายามหาช่องทางสร้างรายได้

อีกสองวันการชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศก็จะเริ่มขึ้นแล้ว

สำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนในฐานะของเจ้าภาพจึงเริ่มประกาศหยุดเรียนทั้งสำนัก

อันหลินคำนวณดูแล้ว หากเล่นเกมกับศิษย์พี่หลิวตลอดทั้งสองวันนี้ พักผ่อนน้อยๆ หน่อย จะมีรายได้ราวๆ สองหมื่นหินวิญญาณ

แม้ค่าตอบแทนจะถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับนักพรตบำเพ็ญเซียนบางส่วน แต่ศิษย์พี่หลิวกลับล้วงออกมาโดยไม่ทันได้กะพริบตาด้วยซ้ำ

อันหลินเริ่มสงสัยแล้วว่าครอบครัวนางถลุงแร่ มิเช่นนั้นจะเอาเงินมากมายก่ายกองมาให้นางถลุงได้อย่างไร

ด้วยเรื่องนี้เอง อันหลินเคยเจาะจงถามศิษย์พี่แล้ว

แต่ศิษย์พี่กลับไม่ได้ตอบโดยตรง เพียงแค่พูดว่าเพราะสาเหตุบางประการ ความสัมพันธ์ของนางกับครอบครัวไม่ได้ดีมากนัก ‘นอกจากมีเงินมากแล้ว มันว่างเปล่ามากจริงๆ ฉะนั้นศิษย์น้องอันหลินจำต้องเล่นเกมกับข้าบ่อยๆ นะ’

แน่นอนว่าอันหลินไม่มีทางเชื่อคำพูดเหลวไหลพวกนี้ แต่เขาก็ขี้เกียจจะซักไซ้ให้มากความ ถูกอุปการะอย่างดีก็พอแล้ว

ขณะที่กำลังเล่นเกมอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นแว่วมาไกลๆ

“เอ๊ะ มีคนกำลังสู้กันอยู่หรือ ห้ามก่อเหตุทะเลาะวิวาทในรั้วสำนักไม่ใช่หรือ” อันหลินมองไปทางต้นเสียงอย่างฉงนสนเท่ห์ จากนั้นก็เห็นแสงกระบี่สีดำเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นสูง

“โอ๊ย มีอะไรน่าดูกัน เรื่องทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เรามาเล่นเกมต่อเถอะ!” ดวงตาคู่งามของหลิวเชียนฮ่วนเป็นประกาย ฉวยโอกาสตอนที่อันหลินวอกแวก ฆ่าตัวละคนของเขาอีกครั้ง

อันหลินยังคงจดจ้องทิศทางที่ต่อสู้ไม่วางตา ในใจเกิดความรู้สึกคุ้นเคย “ศิษย์พี่หลิว ข้าขอเสียมารยาทสักเดี๋ยว เหมือนว่าจะมีคนรู้จักอยู่ทางนั้น!”

พูดจบเขาก็ขี่ก้อนอิฐขึ้นแล้วพุ่งไปทางที่ต่อสู้กันทันที

“นี่ๆ! ตานี้ยังไม่จบเลยนะ!”

หลิวเชียนฮ่วนกระทืบเท้าด้วยความโมโห ขี่คทาขนนกตามหลังอันหลินพร้อมกันตะโกนเรียกเสียงดัง

ตูม!

แสงกระบี่สีดำทะมึนฟาดลงมา กลับถูกมนุษย์หินที่มีเปลวไฟลุกโชนตรงหน้าอก เนื้อตัวห่อหุ้มด้วยหินแกร่งสะเทือนจนสลายในหมัดเดียว พลังหมัดทะลวงแสงกระบี่ กลายเป็นพายุหมัดกระแทกร่างของชายชุดดำ ทำให้เขากระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือด

“หึ! มีปัญญาแค่นี้ยังกล้าท้าทายข้า พลังยุทธ์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณก็อ่อนแอเช่นนี้แหละ อันหลินที่เจ้าว่าก็คงไม่ต่างกับเจ้าหรอก” มนุษย์หินมองชายชุดดำที่ล้มบนพื้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ท่านพี่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” หญิงชุดเขียวที่มีรูปงามวิ่งเข้าไปพยุงชายชุดดำขึ้น

ทั้งสองคนคือสองพี่น้องเหยาหมิงซีกับเหยาซิ่ว

เหยาหมิงซีกุมหน้าอก จ้องสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์ที่มีหินแกร่งห่อหุ้มเบื้องหน้าเขม็ง “หึๆ อันหลินไม่ต่างกับข้างั้นหรือ คนอย่างเจ้า เขาทำให้กลายเป็นเศษซากได้โดยที่ไม่ต้องใช้แม้แต่ปลายนิ้วด้วยซ้ำ!”

“หึ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะปากแข็งได้อีกสักกี่น้ำ!” มนุษย์หินแผดร้องพลางพุ่งไปหาเหยาหมิงซีอีกครั้ง

เหยาหมิงซีผลักเหยาซิ่วออก ถึงต้องประจันหน้ากับพลังอันยิ่งใหญ่มหาศาล แต่เขายังคงไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ถือกระบี่กระโจนใส่มนุษย์หิน

“ท่านพี่!” เหยาซิ่วตาแดงก่ำ ร้องตะโกนเสียงดัง

นางรู้ว่าตอนนี้เหยาหมิงซีกำลังฝืนตัวเองอยู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เหยาหมิงซีต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่แท้

แต่ทว่า เหยาหมิงซียังคงถือกระบี่ประจันหน้าอย่างไม่รักตัวกลัวตาย

หากไม่ใช่เพราะมนุษย์หินตนนี้รู้ว่าอันหลินเป็นหนึ่งในตัวแทนของสรวงสวรรค์ ลั่นวาจาดูหมิ่นอันหลิน เหยาหมิงซีก็คงไม่ทุ่มเทสุดชีวิตเช่นนี้…

นักเรียนที่ล้อมมุงดูก็กัดฟันกรอดจ้องมนุษย์หินเขม็งเช่นเดียวกัน

พลังยุทธ์ของพวกเขาแตกต่างกับมนุษย์หินมากเหลือเกิน มิเช่นนั้นคงลงมือรุมสกรัมมันไปแล้ว

“หยุด!”

อันหลินขี่ก้อนอิฐเหาะมา เมื่อเห็นภาพเบื้องล่างก็ตะโกนลั่นทันที

เขาพบว่าสภาพของเหยาหมิงซีย่ำแย่เหลือทน หากทั้งคู่ประมือกันต่อไปละก็ เหยาหมิงซีต้องบาดเจ็บสาหัสแน่!

“ใหญ่ขึ้น ๆ ๆ!”

ก้อนอิฐสีนิลขยายใหญ่ไม่หยุด สุดท้ายก็ลอยลงมาเหนือศีรษะของมนุษย์หินประหนึ่งเป็นภูเขาไท่ซาน!

เมื่อมนุษย์หินเห็นก้อนอิฐสีดำที่หล่นลงมายังมัน ก็ชูหมัดขึ้นโจมตีอิฐทมิฬ

*ครืน!*มวลพลังงานมหาศาลแผ่ขยายไปไกลสิบกว่าจั้งพร้อมกับคลื่นพลังอันน่ากลัว ราวกับผืนธรณีเองก็ต้านทานพลังลูกนี้ไม่ไหว เริ่มทรุดตัวและแตกระแหง

“อ๊าก!” อิฐทมิฬนิ่งไม่ไหวติง แต่มนุษย์หินกลับร้องโหยหวนขึ้นมา

ราวกับกำปั้นของมันชนกับวัตถุที่แข็งและทนทานอย่างยิ่ง มันปริแตกแล้ว

“ศิษย์พี่อันหลิน!” เหยาหมิงซีเห็นอันหลินที่ร่อนลงมาจากฟ้า มองร่างนั้นอึ้งๆ เนื้อตัวสั่นเทา

เหยาซิ่วปิดปาก ทั้งตกใจและดีใจ

นักเรียนโดยรอบเห็นอันหลินโผล่มากะทันหันก็พากันตะโกนว่าดี จดจ้องเขาด้วยแววตาเป็นประกาย

“เหยาหมิงซี เกิดอะไรขึ้น” อันหลินหันไปมองชายหนุ่มที่อ่อนระโหยโรยแรง เอ่ยถามอย่างฉงนใจ

การก่อเหตุทะเลาะวิวาทในรั้วสำนักเป็นการทำผิดกฎของสำนัก เรื่องนี้เหยาหมิงซีน่าจะรู้

เหยาหมิงซีได้ฟังก็มองมนุษย์หินอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วพูดว่า “เจ้านี่รู้ว่าท่านเป็นตัวแทนของสรวงสวรรค์ เข้าร่วมการชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศ และรู้ว่าท่านเป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้น บอกว่าสรวงสวรรค์ไร้คนมีฝีมือ ถึงได้เลือกสวะคนนี้ ข้าได้ยินเข้าพอดี จะพูดอะไรให้มากความเล่า ข้าเลยอัดมันน่ะสิ!”

อันหลินได้ฟังมุมปากก็กระตุก ดี เขาเข้าใจแล้ว สิ่งมีชีวิตต่างแดนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับแฟนคลับตัวยงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตได้จริงๆ

เรื่องนี้เกิดเพราะเขาเป็นต้นเหตุ แต่หากต้องการแก้ไข มันก็ค่อนข้างลำบาก

มนุษย์หินผลักก้อนอิฐสีดำออกแล้วจ้องอันหลิน ไฟสงครามลุกโชน “เจ้าน่ะหรือสวะอันหลินคนนั้น”

อันหลิน “…”

เยี่ยม…ด่าถึงขั้นนี้แล้ว

อันหลินไม่ใช่รูปปั้นโพธิสัตว์เสียหน่อย ความผิดในครั้งนี้เขาตัดสินใจจะรับไว้เอง

“เหอะๆ ข้านี่แหละอันหลิน พ่อเจ้าไง!”

อันหลินแสยะยิ้ม จากนั้นก็ชักกระบี่พิชิตมารออกมา