“ปากดี! ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ!”
มนุษย์หินคำรามลั่น พุ่งไปหาอันหลินพร้อมกับพลังมหาศาล
มันเป็นคนโมโหร้ายจนลือเลื่องไปทั่วหอสร้างโลก ตอนนี้มีคนอาจหาญยั่วโมโหมันแบบนี้ มันจะให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าความทรมานคืออะไรให้จงได้
หลิวเชียนฮ่วนลอยอยู่บนเวหาแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นมนุษย์หินแล้วนัยน์ตาก็ลุกวาว “โอ้โฮ! เทพคอสเพลย์คืนร่างเหรอ! มัลไฟต์ นั่นเจ้าหรือ!”
นางควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว อยากโจมตีมนุษย์หินแบบคอมโบสักชุด แต่ก็เกรงว่าจะรบกวนการโชว์ความเท่ของอันหลิน จึงสะกดกลั้นความหุนหันพลันแล่นไว้
แม้มนุษย์หินตนนี้จะมุทะลุโมโหง่าย ทำการใดไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่กลับมีระดับพลังยุทธ์หล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายอย่างแท้จริง ยามนี้เมื่อกระโจนเข้ามา ก็สร้างแรงกดดันให้อันหลินอย่างใหญ่หลวงเหมือนกัน
อันหลินไม่กล้าประมาท จึงใช้วิชาญาณทิพย์กับจิตวิญญาณแห่งสายลมตั้งแต่เริ่มต้นทันที
หมัดศิลาของมนุษย์หินพุ่งทะลุอากาศมาพร้อมกับอานุภาพอันแข็งกร้าว
สองเท้าของอันหลินถูกสายลมห้อมล้อม เมื่อย่ำผิวดินเบาๆ ร่างก็เคลื่อนย้ายอย่างฉับไว ทำให้หมัดศิลาเฉียดผ่านไหล่ไป
และในชั่ววินาทีนั้นเอง กระแสลมสีขาวก็ห่อหุ้มกระบี่พิชิตมาร ฟันกระบี่ว่องไวดุจสายฟ้าฟาด ประหนึ่งจันทร์เสี้ยวสีขาว เฉือนแขนของมนุษย์หินกะทันหัน
*ครืน!*แขนศิลาที่แลดูทนทานยากจะทำลายกับกระบี่พิชิตมารชนกัน พลังงานกลายเป็นริ้วคลื่นแผ่กระจายไปทั่ว ทำให้นักเรียนที่ล้อมมุงดูรอบๆ พลอยโดนลูกหลงไปด้วย ถอยหลังกันระนาว
จากนั้นแขนศิลาก็เริ่มปริแตก แหลกสลาย!
ลาวาสีแดงร้อนระอุทะลักออกจากรอยแตกของแขน
มนุษย์หินร้องลั่น ถอยหลังกรูด ใบหน้าประหวั่นพรั่นพรึง “เจ้า…เจ้าทำร้ายข้าได้!”
มันไม่อยากเชื่อเลยว่า นักเรียนระดับหล่อเลี้ยงจิตขั้นต้นคนหนึ่ง จะใช้เพลงกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนี้ได้
อันหลินสะบัดกระบี่อย่างผิดหวังเล็กน้อย มนุษย์หินผิวด้านและหนาเกินความคาดหมายของเขา แต่ก็กระทบไม่มาก อย่างน้อยก็ทำอันตรายมันได้
เหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วนัยน์ตาวาวโรจน์เมื่อเห็นอันหลินทำให้มนุษย์หินบาดเจ็บ รู้สึกเหมือนได้ระบายอารมณ์ ในใจลุ้นระทึกยิ่งนัก
นักเรียนที่รุมล้อมเองก็พากันโห่ร้องดีใจเช่นกัน
“ตัวแทนแห่งหอสร้างโลกอะไรกัน ก็เป็นเรื่องที่จัดการได้ในกระบี่เดียวสำหรับเทพอันอยู่ดี”
“นี่เทพอันกักเก็บความสามารถอยู่นะ มิเช่นนั้นแค่นิ้วเดียวก็คลี่คลายแล้ว!”
“สำคัญที่การแลกเปลี่ยน หากใช้พลังทั้งหมดตั้งแต่แรก เทพอันก็หมดสนุกน่ะสิ…”
…
อันหลินฟังเสียงวิจารณ์รอบทิศทางด้วยใบหน้าผ่อนคลาย แต่มนุษย์หินทั้งตะลึงและโมโห
“เอาอีก!” มนุษย์หินตะโกนลั่น พุ่งไปหาอันหลินอีกครั้ง
ครั้งนี้มันระเบิดเปลวไฟสีชาดแผ่คลุมไปทั่ว ความเร็วในการเคลื่อนไหวพุ่งทะยาน แม้แต่พลังก็แปรเปลี่ยนเป็นมหาศาลยิ่งกว่าเดิม
อันหลินย่นคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าหลังมนุษย์หินเพลี่ยงพล้ำแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“หยุดนะ!” เสียงตวาดแว่วมาจากบนฟ้าอีกครา
เห็นกระบี่บินสีขาวเล่มหนึ่งร่อนลงมาจากท้องนภา ปักลงบนพื้น กระแสลมอันยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากกระบี่ ทำให้มนุษย์หินที่กระโจนเข้ามาหยุดชะงัก
เมื่อเห็นฉากที่เคยพบพาน หนังตาอันหลินกระตุก
เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ต่อสู้กับหลิวต้าเป่าเมื่อครั้งที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน
เป็นดังที่คาดไว้ ชายชุดน้ำเงินคนหนึ่งเหาะลงมา จากนั้นก็เผยป้ายอาญาสิทธิ์ต่อหน้าธารกำนัล พูดเสียงเข้มว่า “ข้าเป็นสมาชิกของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในรั้วสำนักเป็นความผิดอันร้ายแรง พวกเจ้าสองคนใช่ไหมที่ตีกัน”
ขณะที่พูด ชายชุดน้ำเงินก็ผินสายตามองอันหลินกับมนุษย์หิน
ใบหน้าของเขาชะงักเมื่อเห็นมนุษย์หิน แต่มุมปากกระตุกยามเห็นอันหลิน
ให้ตายสิ ทำไมต้องเป็นเขาด้วย!
“ไม่เกี่ยวกับศิษย์พี่อันหลิน การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ศิษย์พี่อันหลินออกโรงต่อสู้เพื่อปกป้องข้าเท่านั้น!” เหยาหมิงซีตะโกนอย่างร้อนใจเมื่อเห็นดังนั้น
เขาจะปล่อยให้ไอดอลพลอยติดร่างแหไปด้วยเพราะเรื่องของตัวเองไม่ได้
“คุมตัวเทพอันไปไม่ได้! ทั้งๆ ที่มนุษย์หินตนนี้หยามเกียรติก่อนแท้ๆ!”
“ใช่ สิ่งมีชีวิตอย่างมัน ควรจะสั่งสอนให้เข็ด!”
“หยางซินปีสี่ห้องหนึ่ง ข้ารู้จักเจ้า หากเจ้ากล้าจับเทพอัน เจ้าก็อย่าคิดว่าจะจีบศิษย์พี่ฉินเหวินติดเลย!” หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง
…
ชายชุดน้ำเงินที่มีนามว่าหยางซินเห็นบรรยากาศที่ฝูงชนโกรธแค้น รู้สึกปวดหัวขึ้นมาชั่วขณะ รู้สึกว่าแรงกดดันยิ่งใหญ่ประหนึ่งขุนเขา
ตอนที่เขาเห็นอันหลิน ก็รู้แล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
เฮ้อ…หากอันหลินยังเป็นแค่เด็กเส้นที่เส้นใหญ่ที่สุดคนนั้นคงจะดีไม่น้อย…
หยางซินคร่ำครวญในใจ ฝั่งหนึ่งเป็นความรู้สึก อีกฝั่งเป็นหน้าที่ เขาเป็นสมาชิกของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย รู้ว่าควรจะยึดมั่นในหน้าที่ของตน
เพราะการทะเลาะวิวาทของทั้งสองคนเป็นความจริง ส่วนสาเหตุ ค่อยไต่สวนเมื่อจับกุมตัวไปแล้ว
หยางซินหันมองอันหลิน ราวกับมองว่าเขามีอะไรอยากพูดอีกไหม
อันหลินยิ้มบางๆ บอกกับหยางซินว่า “เหตุทะเลาะวิวาทครั้งนี้เพราะมนุษย์หินพูดจาเหยียดหยามข้าก่อน จากนั้นข้าก็ไม่พอใจ ถึงได้ทะเลาะกัน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”
หยางซินฟังแล้วพยักหน้า พูดเสียงนุ่มว่า “ตามกฎที่สำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนกำหนด ต้องคุมตัวพวกเจ้าทั้งสองไปที่ห้องกักบริเวณของสำนัก คุมขังเป็นเวลาสามวัน!”
“ไยต้องจับศิษย์พี่อันหลินด้วย หากจะจับก็มาจับข้า ข้าต่างหากที่เป็นคนก่อเรื่องคนแรก!” เหยาหมิงซีนัยน์ตาแดงก่ำ ตะโกนใส่หยางซินปาวๆ
หยางซินทำหูทวนลม ใส่กุญแจมือให้อันหลินเงียบๆ
เขารู้ว่าแม้จับเหยาหมิงซี อันหลินก็ไม่ได้รับอิสระ สู้ทำเป็นหูหนวกตาบอด จับไปแค่คนเดียวก็พอ
อันหลินเองก็รู้เหตุผลนี้ดี หากจับตัวเขากับเหยาหมิงซีพร้อมกัน สู้ให้เขาเป็นคนรับผิดแต่ฝ่ายเดียวเสียยังดีกว่า อย่างไรเสียก็แค่กักบริเวณสามวัน
“ฮือ…ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่อันหลินจะทำเพื่อท่านถึงขั้นนี้” เหยาซิ่วซาบซึ้งใจจนน้ำตาหลั่งริน นางสะเทือนอารมณ์กับการเสียสละของไอดอลเช่นนี้เหลือเกิน
เหยาหมิงซีตัวสั่นงันงก เหม่อมองร่างที่จากไปของอันหลิน
ไยเขาจะไม่รู้เหตุผลที่อันหลินกระทำการเช่นนี้
ตอนนี้เขาทำได้เพียงกำมือแน่น เก็บซ่อนความเคียดแค้นและความซาบซึ้งไว้ในใจ
นักเรียนที่มุงดูเห็นภาพที่อันหลินถูกนำตัวไป แม้จะโกรธแค้น แต่เข้าใจการตัดสินใจของเขา
“หยางซิน เจ้าคอยดูเถอะ ข้าจะไปฟ้องศิษย์พี่ฉินเหวินตอนนี้เลย เจ้าจบเห่แน่!”
หยางซินที่คุมตัวมนุษย์หินกับอันหลินไปตัวเซ แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยิน
ไม่นานก็ถูกเสียงสนับสนุนอื่นๆ กลบจนมิด
“อันหลินสมกับที่เป็นไอดอลของข้า เชื่อถือได้ยิ่งนัก”
“เทพอัน พวกเราสนับสนุนเจ้า!”
“สู้ๆ เมื่อออกมาก็เป็นชายชาตรี…”
…
ทันใดนั้น เหล่านักเรียนต่างก็ปรบมือกันเกรียวกราว
เสียงปรบมือดังสนั่น กระทบโสตประสาทของอันหลินที่จากไปแล้ว
อันหลินหันมองมนุษย์หินแล้วยิ้มเยาะ “เห็นหรือยัง อะไรคือแพ้ทั้งการประลองยุทธ์แพ้ทั้งคน”
“โฮก!” มนุษย์หินได้ฟังก็คำรามลั่น จ้องอันหลินอย่างแข็งกร้าว เปลวไฟกลางอกลุกโชนขึ้นหลายเท่า
อันหลินกลับยักไหล่อย่างทะนงตน เขารู้สึกเบิกบานใจมาก ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเหนือกว่ามนุษย์หินในทุกๆ ด้าน แต่เป็นเพราะการกักบริเวณสามวัน
งานชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า แต่ต้องกักบริเวณสามวัน หมายความว่า…
เขามีโอกาสไม่ต้องเข้าร่วมงานชุมนุมแลกเปลี่ยนบ้าบออะไรนั่นแล้ว!
สวบ!
ขณะเดียวกัน บนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา นกฮูกเนตรทองตัวหนึ่งกำลังถ่มน้ำลาย
“ถุย! เจ้างั่งหงโต้ว ไปถึงไหนสร้างเรื่องถึงนั่นจริงๆ!”
“อย่าให้เรื่องนี้บานปลาย…ต้องรีบไปรายงานใต้เท้าราชสีห์”
นกฮูกมองมนุษย์หินที่ออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งระอาใจและโมโห ตอนนั้นไม่น่าปล่อยมันออกมาเดินเพ่นพ่านคนเดียวเลย เดินอยู่ดีๆ ต้องไปนั่งในคุกเสียแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ขณะที่คิด นกฮูกก็ทอดถอนใจอีกครั้ง กางปีกบินร่อนท้องนภา