ตอนที่ 184 การพัฒนาตนของไอดอลคนหนึ่ง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

“ปากดี! ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ!”

มนุษย์หินคำรามลั่น พุ่งไปหาอันหลินพร้อมกับพลังมหาศาล

มันเป็นคนโมโหร้ายจนลือเลื่องไปทั่วหอสร้างโลก ตอนนี้มีคนอาจหาญยั่วโมโหมันแบบนี้ มันจะให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าความทรมานคืออะไรให้จงได้

หลิวเชียนฮ่วนลอยอยู่บนเวหาแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นมนุษย์หินแล้วนัยน์ตาก็ลุกวาว “โอ้โฮ! เทพคอสเพลย์คืนร่างเหรอ! มัลไฟต์ นั่นเจ้าหรือ!”

นางควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว อยากโจมตีมนุษย์หินแบบคอมโบสักชุด แต่ก็เกรงว่าจะรบกวนการโชว์ความเท่ของอันหลิน จึงสะกดกลั้นความหุนหันพลันแล่นไว้

แม้มนุษย์หินตนนี้จะมุทะลุโมโหง่าย ทำการใดไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่กลับมีระดับพลังยุทธ์หล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายอย่างแท้จริง ยามนี้เมื่อกระโจนเข้ามา ก็สร้างแรงกดดันให้อันหลินอย่างใหญ่หลวงเหมือนกัน

อันหลินไม่กล้าประมาท จึงใช้วิชาญาณทิพย์กับจิตวิญญาณแห่งสายลมตั้งแต่เริ่มต้นทันที

หมัดศิลาของมนุษย์หินพุ่งทะลุอากาศมาพร้อมกับอานุภาพอันแข็งกร้าว

สองเท้าของอันหลินถูกสายลมห้อมล้อม เมื่อย่ำผิวดินเบาๆ ร่างก็เคลื่อนย้ายอย่างฉับไว ทำให้หมัดศิลาเฉียดผ่านไหล่ไป

และในชั่ววินาทีนั้นเอง กระแสลมสีขาวก็ห่อหุ้มกระบี่พิชิตมาร ฟันกระบี่ว่องไวดุจสายฟ้าฟาด ประหนึ่งจันทร์เสี้ยวสีขาว เฉือนแขนของมนุษย์หินกะทันหัน

*ครืน!*แขนศิลาที่แลดูทนทานยากจะทำลายกับกระบี่พิชิตมารชนกัน พลังงานกลายเป็นริ้วคลื่นแผ่กระจายไปทั่ว ทำให้นักเรียนที่ล้อมมุงดูรอบๆ พลอยโดนลูกหลงไปด้วย ถอยหลังกันระนาว

จากนั้นแขนศิลาก็เริ่มปริแตก แหลกสลาย!

ลาวาสีแดงร้อนระอุทะลักออกจากรอยแตกของแขน

มนุษย์หินร้องลั่น ถอยหลังกรูด ใบหน้าประหวั่นพรั่นพรึง “เจ้า…เจ้าทำร้ายข้าได้!”

มันไม่อยากเชื่อเลยว่า นักเรียนระดับหล่อเลี้ยงจิตขั้นต้นคนหนึ่ง จะใช้เพลงกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนี้ได้

อันหลินสะบัดกระบี่อย่างผิดหวังเล็กน้อย มนุษย์หินผิวด้านและหนาเกินความคาดหมายของเขา แต่ก็กระทบไม่มาก อย่างน้อยก็ทำอันตรายมันได้

เหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วนัยน์ตาวาวโรจน์เมื่อเห็นอันหลินทำให้มนุษย์หินบาดเจ็บ รู้สึกเหมือนได้ระบายอารมณ์ ในใจลุ้นระทึกยิ่งนัก

นักเรียนที่รุมล้อมเองก็พากันโห่ร้องดีใจเช่นกัน

“ตัวแทนแห่งหอสร้างโลกอะไรกัน ก็เป็นเรื่องที่จัดการได้ในกระบี่เดียวสำหรับเทพอันอยู่ดี”

“นี่เทพอันกักเก็บความสามารถอยู่นะ มิเช่นนั้นแค่นิ้วเดียวก็คลี่คลายแล้ว!”

“สำคัญที่การแลกเปลี่ยน หากใช้พลังทั้งหมดตั้งแต่แรก เทพอันก็หมดสนุกน่ะสิ…”

อันหลินฟังเสียงวิจารณ์รอบทิศทางด้วยใบหน้าผ่อนคลาย แต่มนุษย์หินทั้งตะลึงและโมโห

“เอาอีก!” มนุษย์หินตะโกนลั่น พุ่งไปหาอันหลินอีกครั้ง

ครั้งนี้มันระเบิดเปลวไฟสีชาดแผ่คลุมไปทั่ว ความเร็วในการเคลื่อนไหวพุ่งทะยาน แม้แต่พลังก็แปรเปลี่ยนเป็นมหาศาลยิ่งกว่าเดิม

อันหลินย่นคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าหลังมนุษย์หินเพลี่ยงพล้ำแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“หยุดนะ!” เสียงตวาดแว่วมาจากบนฟ้าอีกครา

เห็นกระบี่บินสีขาวเล่มหนึ่งร่อนลงมาจากท้องนภา ปักลงบนพื้น กระแสลมอันยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากกระบี่ ทำให้มนุษย์หินที่กระโจนเข้ามาหยุดชะงัก

เมื่อเห็นฉากที่เคยพบพาน หนังตาอันหลินกระตุก

เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ต่อสู้กับหลิวต้าเป่าเมื่อครั้งที่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน

เป็นดังที่คาดไว้ ชายชุดน้ำเงินคนหนึ่งเหาะลงมา จากนั้นก็เผยป้ายอาญาสิทธิ์ต่อหน้าธารกำนัล พูดเสียงเข้มว่า “ข้าเป็นสมาชิกของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในรั้วสำนักเป็นความผิดอันร้ายแรง พวกเจ้าสองคนใช่ไหมที่ตีกัน”

ขณะที่พูด ชายชุดน้ำเงินก็ผินสายตามองอันหลินกับมนุษย์หิน

ใบหน้าของเขาชะงักเมื่อเห็นมนุษย์หิน แต่มุมปากกระตุกยามเห็นอันหลิน

ให้ตายสิ ทำไมต้องเป็นเขาด้วย!

“ไม่เกี่ยวกับศิษย์พี่อันหลิน การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ศิษย์พี่อันหลินออกโรงต่อสู้เพื่อปกป้องข้าเท่านั้น!” เหยาหมิงซีตะโกนอย่างร้อนใจเมื่อเห็นดังนั้น

เขาจะปล่อยให้ไอดอลพลอยติดร่างแหไปด้วยเพราะเรื่องของตัวเองไม่ได้

“คุมตัวเทพอันไปไม่ได้! ทั้งๆ ที่มนุษย์หินตนนี้หยามเกียรติก่อนแท้ๆ!”

“ใช่ สิ่งมีชีวิตอย่างมัน ควรจะสั่งสอนให้เข็ด!”

“หยางซินปีสี่ห้องหนึ่ง ข้ารู้จักเจ้า หากเจ้ากล้าจับเทพอัน เจ้าก็อย่าคิดว่าจะจีบศิษย์พี่ฉินเหวินติดเลย!” หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง

ชายชุดน้ำเงินที่มีนามว่าหยางซินเห็นบรรยากาศที่ฝูงชนโกรธแค้น รู้สึกปวดหัวขึ้นมาชั่วขณะ รู้สึกว่าแรงกดดันยิ่งใหญ่ประหนึ่งขุนเขา

ตอนที่เขาเห็นอันหลิน ก็รู้แล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

เฮ้อ…หากอันหลินยังเป็นแค่เด็กเส้นที่เส้นใหญ่ที่สุดคนนั้นคงจะดีไม่น้อย…

หยางซินคร่ำครวญในใจ ฝั่งหนึ่งเป็นความรู้สึก อีกฝั่งเป็นหน้าที่ เขาเป็นสมาชิกของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย รู้ว่าควรจะยึดมั่นในหน้าที่ของตน

เพราะการทะเลาะวิวาทของทั้งสองคนเป็นความจริง ส่วนสาเหตุ ค่อยไต่สวนเมื่อจับกุมตัวไปแล้ว

หยางซินหันมองอันหลิน ราวกับมองว่าเขามีอะไรอยากพูดอีกไหม

อันหลินยิ้มบางๆ บอกกับหยางซินว่า “เหตุทะเลาะวิวาทครั้งนี้เพราะมนุษย์หินพูดจาเหยียดหยามข้าก่อน จากนั้นข้าก็ไม่พอใจ ถึงได้ทะเลาะกัน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”

หยางซินฟังแล้วพยักหน้า พูดเสียงนุ่มว่า “ตามกฎที่สำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนกำหนด ต้องคุมตัวพวกเจ้าทั้งสองไปที่ห้องกักบริเวณของสำนัก คุมขังเป็นเวลาสามวัน!”

“ไยต้องจับศิษย์พี่อันหลินด้วย หากจะจับก็มาจับข้า ข้าต่างหากที่เป็นคนก่อเรื่องคนแรก!” เหยาหมิงซีนัยน์ตาแดงก่ำ ตะโกนใส่หยางซินปาวๆ

หยางซินทำหูทวนลม ใส่กุญแจมือให้อันหลินเงียบๆ

เขารู้ว่าแม้จับเหยาหมิงซี อันหลินก็ไม่ได้รับอิสระ สู้ทำเป็นหูหนวกตาบอด จับไปแค่คนเดียวก็พอ

อันหลินเองก็รู้เหตุผลนี้ดี หากจับตัวเขากับเหยาหมิงซีพร้อมกัน สู้ให้เขาเป็นคนรับผิดแต่ฝ่ายเดียวเสียยังดีกว่า อย่างไรเสียก็แค่กักบริเวณสามวัน

“ฮือ…ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่อันหลินจะทำเพื่อท่านถึงขั้นนี้” เหยาซิ่วซาบซึ้งใจจนน้ำตาหลั่งริน นางสะเทือนอารมณ์กับการเสียสละของไอดอลเช่นนี้เหลือเกิน

เหยาหมิงซีตัวสั่นงันงก เหม่อมองร่างที่จากไปของอันหลิน

ไยเขาจะไม่รู้เหตุผลที่อันหลินกระทำการเช่นนี้

ตอนนี้เขาทำได้เพียงกำมือแน่น เก็บซ่อนความเคียดแค้นและความซาบซึ้งไว้ในใจ

นักเรียนที่มุงดูเห็นภาพที่อันหลินถูกนำตัวไป แม้จะโกรธแค้น แต่เข้าใจการตัดสินใจของเขา

“หยางซิน เจ้าคอยดูเถอะ ข้าจะไปฟ้องศิษย์พี่ฉินเหวินตอนนี้เลย เจ้าจบเห่แน่!”

หยางซินที่คุมตัวมนุษย์หินกับอันหลินไปตัวเซ แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยิน

ไม่นานก็ถูกเสียงสนับสนุนอื่นๆ กลบจนมิด

“อันหลินสมกับที่เป็นไอดอลของข้า เชื่อถือได้ยิ่งนัก”

“เทพอัน พวกเราสนับสนุนเจ้า!”

“สู้ๆ เมื่อออกมาก็เป็นชายชาตรี…”

ทันใดนั้น เหล่านักเรียนต่างก็ปรบมือกันเกรียวกราว

เสียงปรบมือดังสนั่น กระทบโสตประสาทของอันหลินที่จากไปแล้ว

อันหลินหันมองมนุษย์หินแล้วยิ้มเยาะ “เห็นหรือยัง อะไรคือแพ้ทั้งการประลองยุทธ์แพ้ทั้งคน”

“โฮก!” มนุษย์หินได้ฟังก็คำรามลั่น จ้องอันหลินอย่างแข็งกร้าว เปลวไฟกลางอกลุกโชนขึ้นหลายเท่า

อันหลินกลับยักไหล่อย่างทะนงตน เขารู้สึกเบิกบานใจมาก ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเหนือกว่ามนุษย์หินในทุกๆ ด้าน แต่เป็นเพราะการกักบริเวณสามวัน

งานชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า แต่ต้องกักบริเวณสามวัน หมายความว่า…

เขามีโอกาสไม่ต้องเข้าร่วมงานชุมนุมแลกเปลี่ยนบ้าบออะไรนั่นแล้ว!

สวบ!

ขณะเดียวกัน บนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา นกฮูกเนตรทองตัวหนึ่งกำลังถ่มน้ำลาย

“ถุย! เจ้างั่งหงโต้ว ไปถึงไหนสร้างเรื่องถึงนั่นจริงๆ!”

“อย่าให้เรื่องนี้บานปลาย…ต้องรีบไปรายงานใต้เท้าราชสีห์”

นกฮูกมองมนุษย์หินที่ออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งระอาใจและโมโห ตอนนั้นไม่น่าปล่อยมันออกมาเดินเพ่นพ่านคนเดียวเลย เดินอยู่ดีๆ ต้องไปนั่งในคุกเสียแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

ขณะที่คิด นกฮูกก็ทอดถอนใจอีกครั้ง กางปีกบินร่อนท้องนภา