ตอนที่ 195 พ่อผู้ไร้ยางอายของขึ้น

ปฏิญญาค่าแค้น

อวี๋เหลียนเอ่ยพลางสังเกตสีหน้าของนายท่าน เห็นเพียงนายท่านหน้าเขียวปั๊ด ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ แสดงถึงอารมณ์โกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน อวี๋เหลียนจึงลดเสียงอ่อนลง “ต่อมาก็ได้ยินนายซุนเอ่ยว่า ‘ข้าน้อยก็พูดกับเขาเช่นนี้แล้ว เพียงแต่ฮูหยินยังขาดเงินอีกห้าแสนตำลึงเงิน แล้วพวกเราจะไปหาที่ไหนมาชำระได้หรือ’ ฮูหยินจึงเอ่ยไปว่า ‘หากจนปัญญาจริงๆ ก็คิดหาวิธีนำที่ดินชานเมืองและห้องแถวขายไปเสีย…’ ”

หลี่จิ้งเสียนเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ทันใดนั้นเขาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง คว้าคอเสื้อของอวี๋เหลียนฉุดนางขึ้นมาจากพื้นและจ้องมองไม่วางตา คำพูดนั่นราวกับเค้นออกมาระหว่างไรฟัน แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่แทบเผาไหม้คนทั้งคนให้วายวอด “ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือ”

อวี๋เหลียนตื่นตกใจจนดวงหน้าน้อยๆ ซีดเผือด มองนายท่านด้วยความหวาดกลัวและเอ่ยด้วยเสียงสั่นคลอน “น้องมิกล้าโกหกเจ้าค่ะ เรื่องนี้น้องเก็บไว้ในใจมาโดยตลอด มิเคยเอ่ยกับผู้ใดทั้งสิ้น จนกระทั่งเมื่อวานตระกูลเยี่ยก่อปัญหาขึ้นมา อีกทั้งเห็นเหล่าเหยียกลัดกลุ้มเช่นนี้ น้องจึงกลั้นใจบอกเล่าให้เหล่าเหยียฟังเจ้าค่ะ”

หลี่จิ้งเสียนจ้องนางอยู่เนิ่นนานพอตัว อวี๋เหลียนขลาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งพูดจายังไม่กล้าเสียงดัง เรื่องประเภทนี้ต่อให้นางเรียบเรียงก็คงเรียบเรียงออกมาไม่ได้ หลี่จิ้งเสียนผลักอวี๋เหลียน อวี๋เหลียนไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปกองกับพื้น หลี่จิ้งเสียนลงจากเตียงแล้วเดินมือไพล่หลังวกไปวนมาอยู่กลางห้อง

นางฮานสมควรตาย กล้าปิดบังเขาว่าไปกู้ยืมเงินมา ทั้งยังเป็นจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้ สรุปแล้วนังสารเลวผู้นี้แอบทำเรื่องอันใดไว้กันแน่ มิน่าล่ะ นังสารเวลานี่ถึงได้เกลี้ยกล่อมเขาว่าต้องขายทรัพย์สินของนางเยี่ยทิ้งเสีย ที่แท้เพราะคิดจะนำเงินที่ขายทรัพย์สินมาได้ไปชำระเงินกู้นี่เอง ที่แท้หายนะที่เกิดขึ้นทั้งหมดตอนนี้ต้นตอมาจากนางฮานทั้งสิ้น นางทำลายชื่อเสียงอันดีงามของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เพียงความประมาทเลินเล่อเดียวทำให้ทุกสิ่งเขาที่ตรากตรำมาหลายปีพังทลายไปชั่วพริบตา

“นังสารเลวผู้นี้ นังสารเลว…” หลี่จิ้งเสียนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายความโกรธเกรี้ยวในใจ เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วเดินมุ่งหน้าออกจากห้องไป

อวี๋เหลียนกล่าวตะโกนออกไปด้วยความร้อนใจ “เหล่าเหยีย ท่านยังมิได้สวมรองเท้าเลยนะเจ้าคะ…”

หลี่จิ้งเสียนเดินบุ่มบ่ามเข้าไปในโถงหนิงเฮ๋อประหนึ่งพายุกำลังแรงสูง เท้าข้างเดียวถีบบานประตูโถงหนิงเฮ๋อจนเปิดออก ส่งผลให้บรรดาข้ารับใช้ตระหนกตกใจและงงเป็นไก่ตาแตกแทบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ

นางฮานอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งเตรียมหวีผม นางมองแม่เจียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยินเสียงดังสนั่น “เกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วหรือ”

แม่เจียงตื่นตระหนกไม่แพ้กัน ขณะเตรียมออกไปสอดส่องดูก็เห็นผู้เป็นนายหน้าบึ้งตึง เดินสาวเท้าก้าวยาวเข้ามาพร้อมดวงตาเดือดดาลประหนึ่งดาวเคราะห์ร่วงหล่นนำพาปีศาจร้ายมาจุติบนโลกมนุษย์

ทั้งสองใจหายวูบ ตามด้วยความรู้สึกหวาดกลัวที่ปะทุขึ้นมา

“คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ไสหัวออกไปให้หมด” ดวงตาหลี่จิ้งเสียนแดงก่ำ จ้องมองนางฮานด้วยความเกลียดชังขณะตวาดเสียงดังลั่น

เสียงตวาดเดียวที่ระเบิดออกมา สั่นสะเทือนไปถึงแก้วหูของทุกคน บรรดาสาวใช้จึงรีบหลบหลีกออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นนายซึ่งเสมือนต้องการปลิดชีพใครสักคน แม่เจียงจึงตัดสินใจถอยออกไปเช่นกัน อย่างน้อยๆ จะได้ไปยกพลมาช่วยเหลือ

นางฮานไม่เคยเห็นสีหน้าของสามีชวนให้หวาดกลัวได้เช่นนี้มาก่อน ตอนที่นางปล่อยงูพิษ ผู้เป็นสามีก็หาได้โกรธเกรี้ยวปานนี้ไม่ ผนวกกับนางหวาดระแวงใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทันทีที่ตื่นตระหนกจึงพูดจาติดๆ ขัดๆ “ทะ…ท่านพี่ กะ…เกิดเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”

หลี่จิ้งเสียนชี้นิ้วไปที่นางฮาน “เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”

นางฮานถึงกับขาสั่นระริกเข่าอ่อนไปหมด นางคุกเข่าลงเสียงดังปึงโดยไม่กล้าปริปากเอ่ยถามใดๆ ตอนนี้สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดก็คือเรื่องกู้เงินถูกเปิดเผยออกมาเสียแล้ว

หลี่จิ้งเสียนหันไปเปิดกล่องที่วางอยู่บนหัวเตียงนอนแล้วคว่ำเทสิ่งของด้านในลงมา แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า จึงไปเปิดตู้เสื้อผ้า นำเสื้อผ้าของนางฮานโยนออกมาทีละชิ้นจนหมด ในท้ายที่สุดเขาก็พบกล่องไม้จันทร์เคลือบสีแดงสลักลวดลายดอกไห่ถาง

“เปิดมันเสีย” หลี่จิ้งเสียนนำกล่องขนาดย่อมโยนลงไปเบื้องหน้านางฮาน

ในที่สุดนางฮานก็ไม่อาจฝืนต่อไปได้ นางล้มพับลงบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือดเพราะความหวาดกลัว สัญญาที่นางกู้ยืมเงินอยู่ในกล่องนี้ทั้งหมด ผู้เป็นสามีคงต้องรู้อะไรบางอย่างมาแล้วอย่างแน่นอน ทว่า เป็นผู้ใดกันที่พูดออกไป เรื่องนี้นางเก็บเป็นความลับอย่างระมัดระวังยิ่ง ภายในจวนก็มีแค่แม่เจียงและนายซุนที่รู้เรื่องราว นายซุนลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว แม่เจียงก็ไม่มีทางพูดออกไปอย่างแน่นอน ใครกัน? เป็นใครกันแน่

“ข้าบอกให้เจ้าเปิดมันออก ได้ยินหรือไม่” หลี่จิ้งเสียนตะคอกเสียงดังลั่น

นางฮานสะดุ้งเฮือก เงยหน้ามองไปยังสามีอย่างอ้อนวอน “ท่านพี่ ท่านต้องการทำอันใดหรือเจ้าคะ”

หลี่จิ้งเสียนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความคับแค้น “เจ้าต้องการให้ข้าไปหยิบขวานมา หรือเจ้าจะเปิดมันออกด้วยตนเองอย่างว่าง่าย”

นางฮานรู้ดีแก่ใจแล้วว่าวันนี้คงไม่อาจหลุดพ้นไปได้ นางสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยอยากทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ให้มั่นคง ทว่าร่างกายกลับสั่นระริกอย่างไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย สั่นระริกจนไม่อาจควบคุมได้ นางคลำหาดอกกุญแจออกมาทั้งๆ ที่ยังสั่นระริกอยู่ตลอดเวลา พยายามเสียบมันเข้ารูแม่กุญแจอยู่พักใหญ่แต่กลับเสียบลูกกุญแจเข้าไปไม่ได้

หลี่จิ้งเสียนมองดูนางจากมุมด้านบนเช่นนี้ เขารู้ทันทีว่านางฮานนำของสำคัญทั้งหมดซ่อนไว้ในกล่องขนาดย่อมนี้ หากอีกประเดี๋ยวเปิดมันออกแล้ว ปรากฏว่ามีสิ่งของเหล่านั้นอยู่จริง เขาจะลงมือด้วยตนเองบีบคอนางให้ตายไปเสีย

เสียงดัง ‘กริ๊ก’ แม่กุญแจถูกปลดออก

หลี่จิ้งเสียนเตะกล่องขนาดย่อมนั่นด้วยเท้าเดียว ทองคำแท่งจำนวนหนึ่งแล้วยังมีหนังสือสำคัญและม้วนกระดาษแผ่นบางๆ หลายฉบับกลิ้งออกมา หลี่จิ้งเสียนชำเลืองตามอง ก้มลงเก็บกระดาษเหล่านั้นขึ้นมา บนหน้ากระดาษปรากฏรายละเอียดเงินกู้จำนวนมากถึงสองแสนตำลึงเงิน หลี่จิ้งเสียนกวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว เงินต้นสองแสนตำลึงเงิน ดอกเบี้ยหกพันตำลึงเงิน กำหนดชำระภายในครึ่งปี ลงนามนางฮานชิวเยว่ และมีตราประทับนิ้วมือสีแดงสด เมื่อมองไปยังกระดาษใบที่สอง เงินต้นห้าแสนตำลึงเงิน ดอกเบี้ยสามหมื่นตำลึงเงิน กำหนดชำระภายในครึ่งปี มีนางฮานชิวเยว่เป็นผู้ลงนามและประทับตรานิ้วมือเช่นเดียวกัน…หลี่จิ้งเสียนเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาเช่นกัน เขาคว้าหนังสือสำคัญบนพื้นขึ้นมาอีกแล้วพลิกหาไปเรื่อย ปรากฏว่าโฉนดจวนหลังใหญ่นี้หายไป

“โฉนดจวนล่ะ รวมถึงสิ่งเหล่านี้อีก เจ้าจะอธิบายเช่นไร” ริมฝีปากล่างของหลี่จิ้งเสียนสั่นระริก และด้วยสูญเสียการควบคุม น้ำเสียงจึงฟังดูสั่นเครือเล็กน้อย

นางฮานขยับริมฝีปากขณะกำลังครุ่นคิดว่าต้องอธิบายอย่างไรถึงทำให้ผู้เป็นสามีไม่โกรธเกรี้ยวมากนักได้ ไม่ทันให้นางได้ครุ่นคิดก็รู้สึกถึงความอึดอัดบริเวณลำคอ ทันใดนั้นคนทั้งคนก็ถูกหิ้วขึ้นมา

“พูดออกมา…” หลี่จิ้งเสียนขู่คำราม บีบคอของนางไว้แน่น

นางฮานถูกเขาบีบจนหายใจไม่สะดวก กล่าวด้วยความอย่างลำบาก “ข้าบอก…ข้าจะบอกก็ได้…”

หลี่จิ้งเสียนคลายมือออกและกล่าวย้ำเตือน “หากเจ้ากล้าพูดโกหกหลอกลวงแม้เพียงเล็กน้อย วันนี้ข้าก็จะทำลายเจ้าเสีย”

นางฮานหรือยังจิตใจเรียบเรียงถ้อยคำพูดใดๆ อีก นางกล่าวออกไปด้วยเสียงวิงวอน “โฉนดจวนเอาไปจำนองแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่…น้องเพียงแค่อยากหาเงินให้ได้มากๆ หน่อย จะได้สร้างทรัพย์สินกิจการขึ้นมาให้หมิงเจ๋อบ้าง หมิงอวินมีทรัพย์สินไว้ในครอบครองไว้มากมายเพียงนั้น แต่หมิงเจ๋อกลับไม่ดีอันใดสักอย่าง…ใครๆ ต่างพากันพูดว่ากิจการเหมืองทำเงินได้อย่างดี ดังนั้นน้องก็เลยหาช่องทางไปร่วมลงทุนด้วยเจ้าค่ะ…”

หลี่จิ้งเสียนฟาดฝ่ามือเข้าไปหนึ่งที ส่งผลให้นางฮานกระเด็นล้มลงกองบนพื้น หลี่จิ้งเสียนโกรธเลือดขึ้นหน้า เส้นประสาทบนขมับปูดขึ้นคล้ายจะระเบิดให้ได้ เขาชี้นางฮานและกล่าวด้วยความเคียดแค้น “ดังนั้น เจ้าก็เลยนำทุกอย่างที่สะสมไว้ในบ้านนี้ทุ่มลงไปจนหมด แล้วยังนำบ้านไปจำนองเพื่อนำกู้เงินออกมาเช่นนั้นหรือ นังโง่ นี่มันโง่เสียยิ่งกว่าอะไร…”

หลี่จิ้งเสียนเดินวกไปวนมาอยู่หลายก้าวแล้วด่าทอขึ้นมาอีกระลอก “เจ้าใจกล้าไม่น้อยเชียวนะ เจ้า คงมีความสามารถนักสินะ…แต่ไม่รู้จักดูสารรูปของตนเองเสียบ้าง ถึงขั้นกล้าไปเลียนแบบชาวบ้านเขาเปิดกิจการเหมือง นำทุกอย่างในบ้านทุบทิ้งลงไป เจ้าเห็นสามีอย่างข้าเป็นคนที่ตายจากไปแล้วหรือไร เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยเถอะ ภูเขาเหมืองนั่นล่ะ”

นางฮานสะอึกสะอื้น “ขาดทุนเจ้าค่ะ ก็เลยขายไป ขายไป…สองแสนสามหมื่นตำลึงเจ้าค่ะ”

หลี่จิ้งเสียนรู้สึกเกินกว่าคำว่าโกรธเกรี้ยว เขาก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าสองก้าวด้วยอยากเตะนังสารเลวผู้นี้ให้ตายไปเสีย

นางฮานล้มลุกคลุกคลานหลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว นางไปขดตัวอยู่มุมห้องและร้องห่มร้องไห้ “น้องก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เหมือนกันนะเจ้าคะ! ทั้งหมดที่น้องทำก็เพื่อครอบครัวนี้ทั้งสิ้น…”

“เจ้ายังมีหน้าเอ่ยว่าเจ้าทำเพื่อครอบครัวนี้อีกหรือ เจ้าละลายทรัพย์สมบัติของบ้านไปจนหมดเกลี้ยงแล้วยังคิดฮุบสมบัติของหมิงอวินไว้กับตนเอง ให้ข้าบากหน้าไปเกลี้ยกล่อมหมิงอวิน สร้างกิจการขึ้นมาใหม่บ้าบออันใดของเจ้า มันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อทั้งสิ้น เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าคิดจะนำห้องแถวขายออกไปแล้วนำเงินมาอุดรอยรั่วของเจ้าเอง นังสารเลว นังสารเลวเอ๊ย…ตอนแรกข้าไม่น่าใจอ่อนให้เจ้ากลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งเลย เจ้ามันกาลกิณี เจ้าทำลายหน้าที่การงานของข้า ทำลายทรัพย์สินที่ข้าสร้างมาด้วยความยากลำบาก วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตายไปเสีย…” หลี่จิ้งเสียนเดิมบุ่มบ่ามขึ้นหน้าแล้วกระชากผมของนางฮานก่อนผลักกระแทกกำแพง

“ช่วยด้วย…ใครก็ได้ช่วยที…” นางฮานร้องโวยวายเสมือนหมูกำลังถูกเชือดอย่างน่าเวทนา

หลี่หมิงเจ๋อเมื่อได้รับข่าวคราวจึงรีบแต่งกายอย่างลนลานพลางสั่งคนให้ไปบอกกล่าวหลี่หมิงอวินโดยเร็วที่สุด

แม่เจียงครุ่นคิดอย่างหนัก หากเรื่องเงินกู้ความแตกเสียแล้ว เกรงว่าคุณชายใหญ่ไปก็คงช่วยอันใดมิได้เช่นกัน ยามนี้ผู้ที่สยบนายท่านได้คงมีแต่นายหญิงชราเท่านั้น ทว่านายหญิงชรายังคงป่วยอยู่…หลังครุ่นคิดด้วยความสับสน ท้ายที่สุดแม่เจียงตัดสินใจเด็ดขาด ออกวิ่งไปยังโถงจาวฮุย

หลี่หมิงอวินและหลินหลันนั่งรอความเคลื่อนไหวทางด้านโถงหนิงเฮ๋อ ปรากฏว่าไม่ทันไรข่าวคราวก็มาถึงจริงๆ อย่างที่คาดการณ์ไว้

คู่สามีภรรยาหลี่หมิงเจ๋อไปถึงโถงหนิงเฮ๋อเป็นคนแรก ทว่าถึงตอนนั้นนางฮานถูกพ่อผู้ไร้ยางอายกระทำจนปางตายเสียแล้ว เสื้อผ้าขาดลุ่ย หน้าผากเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงและส่งเสียงวิงวอนไม่ขาดสาย “ท่านพี่อย่าทุบตีกันเลย…อย่าทุบตีกันเลยเจ้าค่ะ…”

หลี่หมิงเจ๋อตกตะลึงเมื่อเห็นภาพฉากน่าเวทนาเบื้องหน้า เขาพุ่งเข้าไปคว้ามือของบิดาเอาไว้แน่นเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาฟาดมือลงไปตบตีมารดาอีกโดยไม่สนใจว่าบิดาจะน่าหวาดเกรงเพียงใด

“ท่านพ่อ อย่าตบตีอีกเลยนะขอรับ ขืนตบตีต่อไปอาจถึงแก่ชีวิตได้นะขอรับ…” หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ

หลี่จิ้งเสียนในเวลานี้ถูกความโกรธครอบงำอย่างสิ้นเชิง มีหรือจะรับฟังคำเกลี้ยกล่อมใดๆ เขาส่งเสียงตะคอกขึ้น “เจ้าไสหัวไปเสีย นางมิใช่แม่ของเจ้า นางเป็นนังสารเลวของบ้านนี้ เป็นหายนะของบ้านนี้…”

เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ติงหลั้วเหยียนก็ใจเต้นระรัว นางไม่กล้าเดินเข้าไปจึงทำเพียงคุกเข่าลงเอ่ยวิงวอนอยู่ไกลๆ “ท่านพ่อใจเย็นๆ เถิดนะเจ้าคะ”

หมิงเจ๋อไม่รู้ว่ามารดากระทำผิดอันใดเข้าแล้วถึงทำให้บิดาโกรธเกี้ยวถึงเพียงนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็นิ่งดูดายมองดูมารดาถูกตบตีไม่ได้

หมิงเจ๋อกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ท่านพ่อ ขอท่านพ่อโปรดเห็นแก่ลูก ช่วยให้อภัยท่านแม่ด้วยเถิด! ท่านจะถูกจะผิดเพียงใด อย่างน้อยๆ นางก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามครรลองครองธรรมของท่านนะขอรับ…”

ไม่เอ่ยถึงภรรยาที่ถูกต้องตามครรลองครองธรรมยังจะดีเสียกว่า ทันทีที่เอ่ยถึงหลี่จิ้งเสียนยิ่งนึกเดือดดาล จึงกล่าวตะคอก “เจ้าจะปล่อยมือหรือไม่ ปล่อย!”

หลี่หมิงเจ๋อดื้อดึงชั่วครู่ก่อนจะยอมปล่อยมือ เขาคุกเข่าลงแล้วกล่าวอ้อนวอน “ท่านพ่อ หากในใจท่านโกรธเกรี้ยวก็ลงมาที่ลูกเถิดขอรับ! ความผิดของท่านแม่ ลูกขอรับไว้แทนท่านแม่เองขอรับ” พูดจบ เสียงโขกศีรษะลงกับพื้นก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ท่านพ่อ ลูกไม่รู้ว่าท่านแม่ทำผิดอันใด แต่หากท่านพ่อทุบตีท่านแม่จนตายไปจริงๆ…ยามนี้บรรดาขุนนางฝ่ายตรวจการกำลังกลัดกลุ้มที่เอาผิดท่านพ่อมิได้ ท่านพ่ออย่าเพิ่งกลั้นอารมณ์ไม่ได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้สิขอรับ!” หลี่หมิงอวินก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าพร้อมกับยกสองมือขึ้นคารวะพลางเกลี้ยกล่อม การจะปล่อยให้แม่มดชราตายไปเช่นนี้ มันออกจะธรรมดาเกินไปสำหรับคนอย่างนา

หลี่หมิงอวินส่งเสียงปลุกสติคนบ้า ทันใดนั้นหลี่จิ้งเสียนจึงดึงสติกลับคืนมาได้ เขาปล่อยมือออกและกล่าวด้วยความเคียดแค้น “ตบตีนังสารเลวผู้นี้จนตายจะถือเป็นการทำให้มือของข้าสกปรกด้วยซ้ำไป”

นางฮานส่งเสียงร่ำไห้ รีบคลานไปอยู่ข้างกายบุตรชายของตน ประหนึ่งลูกนกตื่นรังที่ต้องการแสวงหาแหล่งหลบภัย

หลินหลันยืนอยู่ข้างกายติงหลั้วเหยียน มองดูฉากความวุ่นวายนี้ด้วยสายตาเย็นชา พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายลงมือได้โหดเหี้ยมเสียจริงเชียว! นางมองดูแม่มดชราที่ทั่วทั้งใบหน้าบวมเป่ง หยาดโลหิตสีแดงสดเต็มศีรษะ นี่คงไม่ถึงขั้นสมองกระทบกระเทือนไปแล้งกระมัง! อย่าเพิ่งโง่เขลาไปเชียว เพราะคนโง่เขลาคงไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความทุกข์ระทม