“พี่หลิน อย่าไปคิดอะไรมากเลย คิดซะว่าทำธุรกิจขาดทุนก็แล้วกัน”

“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติจะตายไปจริงไหม? และอีกอย่างไม่มีใครที่ไม่เคยถูกหลอกหรอก”

เมื่อเห็นหลินป๋อยังคงมีสีหน้าที่ขมขื่น บรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องซึ่งเป็นเพื่อนของหลินป๋อต่างก็พยายามพูดขึ้นปลอบโยน

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานเองก็พยายามพูดให้กำลังใจเหมือนกัน และหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เข็มนาฬิกาก็ได้ชี้ไปที่เวลาบ่าย 3 โมง

มันใกล้ได้เวลาที่เขาจะต้องไปรับถวนถวนแล้ว

เนื่องจากโรงแรมแคมปินสกี้อยู่ห่างจากโรงเรียนของถวนถวนค่อนข้างพอสมควร ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงจำเป็นต้องเผื่อเวลาให้เยอะหน่อย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงลุกขึ้นและเอ่ยขอตัวทันที

“เอาล่ะเดี๋ยวผมคงต้องขอตัวก่อน เผอิญว่าผมมีธุระต้องรีบไปทำ”

“อืม หากน้องอวี้มีธุระก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวพวกเราคงยังนั่งอยู่ต่ออีกสักหน่อยแล้วเดี๋ยวก็คงแยกย้ายแล้วเหมือนกัน”

หลินป๋อไม่มีกะจิตกะใจจะรั้งอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้อีกต่อไป และหลังจากที่รู้จักนิสัยอวี้ฮ่าวหรานมาพอสมควร เขาก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรั้งอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้เพราะมันคงไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม แววตาของซูหว่านเอ๋อกลับฉายแววความผิดหวังออกมา

“คุณจะไปแล้วเหรอ? ทำไมคุณไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อย วันนี้ฉันเองก็เอาวัตถุโบราณมาด้วย คุณไม่อยู่ดูมันก่อนเหรอ?”

เธอรู้ว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่เธอไม่คิดว่ามันจะไวขนาดนี้

อันที่จริงเธอไม่ได้อยากให้จะให้อวี้ฮ่าวหรานดูวัตถุโบราณของเธอเท่าไหร่ เธอแค่อยากให้เขาอยู่ต่อก็แค่นั้น

แต่แน่นอนว่าสำหรับอวี้ฮ่าวหรานแล้ว ถวนถวนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธทันที

“ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ เอาไว้คราวหน้าหากผมมีเวลาผมค่อยดูให้ก็แล้วกัน”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปในทันทีโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

ทำไมเขาต้องรีบร้อนขนาดนี้?

ซูหว่านเอ๋อมองตามหลังอวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาที่ผิดหวัง…

เวลา 5 โมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานและถวนถวนกลับไปถึงคอนโดพอดี

“กลับมาได้เวลาอาหารเสร็จพอดีเลย พี่เขยพาถวนถวนไปล้างมือก่อนแล้วมากินข้าวกัน”

หลี่หรงซึ่งกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่เอ่ยทักทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานและถวนถวนเปิดประตูเข้ามา

“ทำไมวันนี้เธอถึงกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“อ๋อ บังเอิญว่าช่วงนี้งานที่บริษัทของฉันดำเนินไปได้ราบรื่นแบบสุดๆ ดังนั้นฉันก็เลยไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรมากมาย อันที่จริงความดีความชอบทั้งหมดนี้เป็นพี่เขยนั่นแหละที่มีส่วน!”

ในเวลานี้มีกับข้าว 8 อย่างถูกนำมาวางอยู่บนโต๊ะ

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นภาพนี้ น้องภรรยาของเขาช่างเอาใจใส่ดีจริงๆ

“วันหลังเธอไม่ต้องทำอาหารมากขนาดนี้หรอก ลำบากเปล่าๆ”

“ฮึ่ม! พี่นี่เก่งในเรื่องพูดให้คนอื่นเขาเสียกำลังใจจริงๆ” หลี่หรงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด

“ว่าแต่ช่วงนี้บริษัทของพี่เป็นยังไงบ้าง? พวกเจิ้งเหวยกัวยังสร้างปัญหาให้กับพี่อยู่อีกรึเปล่า?”

ในระหว่างที่กำลังกินข้าวกันอยู่ หลี่หรงก็ถือโอกาสสอบถามความเป็นไปในเครือฮ่าวหราน

“เจิ้งเหวยกัวงั้นเหรอ? หึหึ นับจากนี้เธอไม่ต้องถามถึงชื่อตาแก่นั่นอีกแล้ว เพราะตอนนี้มันเข้าไปอยู่ในคุกเรียบร้อยแล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

หลังจากที่จัดการกับเจิ้งเหวยกัวได้ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกโล่งใจมาก

หลี่หรงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจทันที

“หา? มันเกิดอะไรขึ้นเหรอพี่เขย? ไหนเล่าให้ฉันฟังเร็วเข้า!”

จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กับหลี่หรงฟังแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวลมากเกินไป เขาจึงไม่ได้เล่าฉากรุนแรงอะไรออกไป

“ตอนนี้คนพวกนั้นทั้งคู่ถูกตำรวจจับไปหมดแล้ว”

“พี่เขย พี่นี่สุดยอดที่สุดเลย!” หลี่หรงตะโกนเสียงดังลั่นด้วยสีหน้าเบิกบานหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบ

ฝั่งตรงข้ามคือบริษัทซานมูเชียวนะ!

บริษัทซานมูนับได้ว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองฮ่วยอัน!

“ดูเหมือนว่าอาหารแค่นี้น่าจะยังไม่พอ พี่เขยรอเดี๋ยวก่อนเดี๋ยวฉันขอไปทำมาเพิ่ม วันนี้พวกเราต้องฉลองสักหน่อย!”

“เฮ้! ไม่ต้องแล้ว แค่นี้พี่กับถวนถวนก็กินไม่หมดแล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานพยายามโน้มน้าวให้หลี่หรงไม่ต้องไปทำมาเพิ่มอีกด้วยสีหน้าจนใจ แค่อาหารที่เธอทำมาตอนนี้มันก็เพียงพอให้คนกินได้ 10 คนแล้ว!

“แม่หรงๆ พอแล้ว แค่นี้หนูก็กินไม่ไหวแล้ว!” ถวนถวนรีบเอ่ยขึ้นเสริมเช่นกัน

ด้วยการถูกทัดทานจากคนทั้งสอง หลี่หรงจึงถอดใจไม่ไปทำอาหารเพิ่มอีก แต่เธอเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบเอาน้ำอัดลมออกมา 3 กระป๋องเพื่อดื่มเฉลิมฉลองแทน

สิ่งนี้ทำให้ถวนถวนรู้สึกชอบใจมาก

“แม่หรง หนูชอบน้ำส้มที่สุดเล้ย!”

ปกติหลี่หรงไม่ค่อยเปิดน้ำอัดลมให้ถวนถวนกินสักเท่าไหร่เพราะเธอเห็นว่าเด็กๆ ไม่ควรกินของพวกนี้มากนัก เธอจะเปิดมันให้ถวนถวนกินเฉพาะแต่เหตุการณ์พิเศษๆ เท่านั้น

ท้ายที่สุดค่ำคืนก็จบลงไปอย่างอบอุ่น

เช้าวันต่อมา

“ว๊าย!!!”

อวี้ฮ่าวหรานที่เพิ่งบ่มเพาะเสร็จหมาดๆ ได้ยินเสียงกรีดร้องของหลี่หรงอย่างชัดเจน!

เขารีบใช้เนตรเทวะส่องหาหลี่หรงทันที ซึ่งเขาก็ได้พบว่าอีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำและมีขวดแก้วที่บรรจุครีมหล่นแตกอยู่ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เธอกรีดร้อง

ตรงขอบของชักโครกในตอนนี้มันมีงูพิษสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังค่อยๆ เลื้อยออกมาและแยกเขี้ยวเตรียมจะจู่โจมหลี่หรงทุกเมื่อ!

ไม่ดีแล้ว!

อวี้ฮ่าวหรานพุ่งตัวออกไปจากห้องของเขาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ จากนั้นทะลวงเข้าไปในห้องน้ำเอาตัวเข้าบังหลี่หรงและถวนถวนเอาไว้

“ทุกคนออกไปกันก่อน!”

อวี้ฮ่าวหรานพูดสั่งหลี่หรงและถวนถวน ก่อนที่เขาจะคว้าคองูพิษอย่างรวดเร็ว

หากเป็นมนุษย์ธรรมดาคงเป็นเรื่องยากในการจับงูพิษที่ดุร้ายขนาดนี้ แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหรานมันไม่ต่างอะไรกับการพลิกฝ่ามือ

จากนั้นชั่วอึดใจต่อมา อวี้ฮ่าวหรานออกแรงบีบงูพิษจนขาดใจตาย ก่อนที่เขาจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โชคดีที่คนในบ้านของเขาไม่เป็นอะไร…

“พี่เขยมันตายแล้วรึยัง?”

หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นจากด้านนอกด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นกลัว ภาพของงูพิษตัวเขื่องที่แยกเขี้ยวใส่เธอมันยังติดตาเธออยู่เลย

“ปลอดภัยแล้ว มันตายไปแล้ว”

หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานพลันปล่อยคลื่นพลังวิญญาณของเองออกไปจนทั่วบริเวณเพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่ายังมีงูพิษตัวอื่นซ่อนอยู่รึเปล่า ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็ไม่พบพวกมันอีก

“ฮือ…งูสีดำตัวใหญ่น่ากลัว! ฮือ….ถวนถวนกลัว…”

แน่นอนว่าเมื่อเจอกับงูพิษที่ดุร้าย เด็กอย่างถวนถวนย่อมขวัญเสียเป็นธรรมดา

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่หรงก็รีบอุ้มถวนถวนขึ้นมาปลอบทันที