บทที่ 176 วาทศิลป์[รีไรท์]
สำนักภูผาทมิฬมีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าสำนักสวรรค์ฟ้า แถมสำนักทั้งสองแห่งนี้มีหลักการที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะมีลูกศิษย์จำนวนมากมายเหมือนกันก็ตาม ด้วยเหตุนี้ทั้งสองสำนักจึงเป็นฝ่ายตรงข้ามกันมาเนิ่นนาน
ยัยตัวร้ายพ่นควันบุหรี่เป็นรูปวงแหวน เงยหน้ามองเฮลิคอปเตอร์ของสำนักสวรรค์ฟ้าด้วยท่วงท่าสบายใจ เฮลิคอปเตอร์สั่นสะเทือน ใบพัดหมุนตัดอากาศอย่างรุนแรง
“คุณหนูน้อยจากสำนักภูผาทมิฬ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ อย่าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเองเลยดีกว่า” คนที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ดูเหมือนจะหวาดกลัวยัยตัวร้ายอยู่ไม่ใช่น้อย
ยัยตัวร้ายกะพริบตาปริบ ๆ และหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมพูดว่า “สำนักสวรรค์ฟ้านี่กระจอกจริง ๆ โผล่หัวออกมานอกเฮลิคอปเตอร์ยังไม่มีปัญญา ยังมีหน้ามาพูดปากดีอีก”ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง ยัยตัวร้ายคนนี้ไม่เคยหวาดกลัวใครเลยจริง ๆ
“หึ ฉันไม่รู้จะชื่นชมเธอยังไงดีเลยนะเนี่ย คิดว่ามาจากสำนักภูผาทมิฬแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ? ถ้าทำตัวแบบนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น ใต้ตัวเครื่องเฮลิคอปเตอร์ก็มีปืนกลกระบอกหนึ่งยื่นออกมา “นั่นมัน…ปืนกลเจาะเกราะนี่นา”
เมื่อเห็นชัดถนัดตา หลายคนก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ!
เสียงปืนกลแผดระรัว กระสุนเจาะเกราะถูกยิงลงมาในที่สุด เกิดเป็นกลุ่มควันลอยอยู่เหนือหัวของคนที่อยู่บนลานจัตุรัส
แขกผู้เข้าร่วมงานหวาดกลัวจนหน้าซีด ไม่มีใครคิดเลยว่าสำนักสวรรค์ฟ้าจะบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้
กระสุนเจาะเกราะมีอานุภาพสามารถทะลวงแผ่นเหล็กที่หนาได้ถึงห้าเซนติเมตร แล้วเนื้อหนังของมนุษย์จะทนทานได้อย่างไร? คำนวณจากอานุภาพของตัวกระสุนแล้ว ลานจัตุรัสจะต้องถูกทำลายเสียหายไปเกินครึ่งแน่นอน
แต่เมื่อกระสุนเจาะเกราะพุ่งเข้ามาใกล้กับผู้คนประมาณยี่สิบถึง สามสิบเมตร ทันใดนั้นเอง ก็เกิดม่านน้ำตกปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ส่องแสงเป็นประกายแวววาวสวยงาม
เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ!
กระสุนพวกนั้นกระแทกถูกม่านน้ำตกระเบิดตัวออก กลายเป็นกลุ่มก้อนเมฆรูปเห็ดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้านี่มัน…
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ลำคอแห้งผาก ม่านน้ำตกสีสันสวยงามพวกนี้คืออะไรกัน? มันช่วยป้องกันกระสุนให้กับพวกเขา ราวกับเป็นที่กำบังกระสุนก็ไม่ปาน หรือว่า…นี่จะเป็นม่านพลังในตํานาน?
ว่ากันว่าหนึ่งในความสามารถพิเศษของฉู่ชวิ๋น ก็คือการสร้างม่านพลังที่ไม่มีใครเลียนแบบได้
“ขอโทษนะน้องชาย น้ำตกพวกนี้มันคืออะไรกัน”
มีบางคนถึงกับทนความสงสัยไม่ไหว ต้องถามออกมาแล้ว
“นี่คือม่านพลังที่นายท่านจัดเตรียมเอาไว้ครับ ทุกคนสามารถวางใจได้เลยว่า ต่อให้อีกฝ่ายยิงกระสุนมาเป็นพันนัด ก็จะไม่มีใครได้รับอันตรายเด็ดขาด” ชายหนุ่มร่างยักษ์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ไม่ว่าเป็นใครต่างก็ตกตะลึงที่ได้ยินว่าม่านพลังนี้ สามารถป้องกันกระสุนได้เป็นพันนัด นี่คือม่านพลังที่น่ากลัวจริง ๆ
ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาของคนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ จะเปลี่ยนจากความตกตะลึงเป็นความโกรธแค้นไปเรียบร้อยแล้ว
เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ!
ห่ากระสุนอีกชุดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตรงเข้าสู่ลานจัตุรัสที่อยู่เบื้องล่าง
ทุกคนได้แต่ยืนมองห่ากระสุนที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง ความรู้สึก
ไม่ต่างจากการยืนอยู่บนขอบเหวนรก ให้ความตื่นเต้นได้อย่างถึงอกถึงใจ
เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ!
แต่กระสุนเหล่านั้นเมื่อลอยเข้าใกล้จัตุรัสก็ระเบิดตัวแตกไปกลางอากาศ ก่อเกิดกลายเป็นก้อนเมฆรูปเห็ดบนท้องฟ้าอีกครั้ง
เมื่อบรรดาแขกผู้ที่เข้าร่วมงานเห็นแล้วว่ากระสุนไม่สามารถทะลุม่านพลังเข้ามาได้ พวกเขาก็เริ่มผ่อนคลายและนั่งลงดื่มไวน์ พร้อมกับรับชมการระเบิดตัวของห่ากระสุนบนอากาศไปด้วย
“พวกเรามาดื่มกินกันต่อดีกว่า ถือเสียว่าวันนี้สำนักสวรรค์ฟ้ามาจัดแสดงดอกไม้ไฟให้พวกเราดูก็แล้วกัน” ใครคนหนึ่งตะโกนออกมา
“ไม่ใช่สิ นี่มันสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้ไฟเสียอีก ไม่คิดเลยนะว่า
การที่ฉันมาร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ตระกูลฉู่ นอกจากจะได้ดื่มน้ำยาเทวะแล้ว ยังมีสำนักสวรรค์ฟ้าขับเฮลิคอปเตอร์มายิงดอกไม้ไฟให้ดูอีกด้วย ช่างคุ้มค่าจริง ๆ”
“ถือว่าเป็นดอกไม้ไฟที่สวยงามมาก พวกเราขอชื่นชม” ชายหนุ่มคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นและยกแก้วไวน์ขึ้นสูง
ในขณะนี้ ทุกคนต่างเฝ้ามองห่ากระสุนจากสำนักสวรรค์ฟ้า เหมือนกับกำลังรับชมการแสดงชนิดหนึ่ง
ในเฮลิคอปเตอร์ ชายชราร่างผอมใบหน้าเคร่งขรึมคนหนึ่งทำสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง
เขาเป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ดวงตาเป็นประกายอำมหิตในขณะที่ตะโกนออกคำสั่งว่า “ใช้ปืนที่อานุภาพแรงที่สุดที่เรามีเดี๋ยวนี้!” เขาออกคำสั่งด้วยความเฉียบขาด
ฟึบ!
ปืนกลที่มีอานุภาพแรงมากกว่าเดิม เคลื่อนย้ายเข้าประจำตำแหน่ง พร้อมสำหรับการยิงแล้ว
ปืนกลและลูกกระสุนชุดนี้มีอานุภาพรุนแรงมากกว่าชุดก่อน
ถึงสองเท่า เมื่อดูจากจำนวนลูกกระสุนแล้ว ก็สามารถระเบิดทั้งภูเขาเฉียนหลงได้ด้วยซ้ำ
“คิดเหรอว่าฉันจะเจาะทะลุไปไม่ได้” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ของสำนักสวรรค์ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ดังชัดเจน กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างเห็นแล้วว่า นี่เป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพรุนแรงมากกว่าเดิม
“ดูนี่สิพวกเรา สำนักสวรรค์ฟ้าจะยิงดอกไม้ไฟให้พวกเราดูอีกแล้ว” ใครบางคนตะโกนเสียงดัง
“เจ้าตัวตลกพวกนี้มันยังไม่ยอมแพ้จริง ๆ คิดจะใช้กระสุนที่เป็นเพียงดอกไม้ไฟ มาทำลายม่านพลังของนายท่านฉู่ชวิ๋นจริง ๆ เหรอเนี่ย” ใครอีกคนหนึ่งพูดด้วยความเวทนา
“สำนักสวรรค์ฟ้า แกมันเป็นพวกตัวร้ายไร้ยางอาย รอให้นายท่านฉู่ชวิ๋นกวาดล้างภูเขาเซวียนฉีก่อนเถอะ รับรองว่าพวกแกโดนฆ่าหมดสำนักแน่!” ผู้คนพากันโห่ร้องเฮฮา แต่บางคนก็หัวเราะไม่ออกเช่นกัน เนื่องจากทราบว่า อาวุธชุดนี้มีความน่ากลัวไม่ใช่น้อย
“ให้ตายสิ นี่คือปืนกลที่มีอานุภาพแรงที่สุดในโลกแล้วนะ สำนักสวรรค์ฟ้าถึงกับเอามาใช้งานแบบนี้ พวกมันคงไม่ได้มาเล่นๆ แล้วละ” เมื่อมีบางคนเห็นชัดถนัดตา ก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือขึ้นมาแล้ว
“นายเป็นอะไรไป ต่อให้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลก คิดเหรอว่า จะสามารถทะลุม่านพลังของนายท่านเข้ามาได้?” แต่หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก็อธิบายถึงความน่ากลัวของอาวุธชนิดนี้
เมื่อทุกคนได้รับทราบรายละเอียดเข้าไป หน้าก็ถอดสีทันที คนที่กำลังดื่มกินอยู่ถึงกับลุกพรวดขึ้นยืน ปืนกลและลูกกระสุนชุดนี้มีความรุนแรงมากกว่าชุดก่อนหลายเท่า แล้วม่านพลังจะรับไหวหรือไม่? ถ้าม่านพลังเกิดพังขึ้นมา รับรองว่า แม้แต่กระดูกของพวกเขาก็พรุนไม่มีเหลือ
“ฉันจะให้โอกาสพวกแกอีกครั้ง” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ในเฮลิคอปเตอร์พูด
“ถ้าพวกแกออกไปจากภูเขาเฉียนหลงเดี๋ยวนี้ ฉันก็จะไว้ชีวิตพวกแก และรับรองด้วยว่าพวกแกจะไม่ผิดใจกับเราสำนักสวรรค์ฟ้า แต่ในทางกลับกัน สำหรับคนที่เลือกอยู่ต่อ พวกแกจะกลายเป็นศัตรูของสำนักสวรรค์ฟ้าทันที ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกแกเองนะ เอาไว้ใกล้จะตายเมื่อไหร่ อย่ามาหาว่าฉันไม่ให้โอกาสก็แล้วกัน” บรรยากาศชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาแล้ว สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป
“เราต้องเชื่อมั่นในตัวนายท่านฉู่ชวิ๋นสิ พวกมันก็แค่ขู่เราไปเท่านั้นแหละ ไม่มีทางที่จะทำลายม่านพลังเข้ามาได้หรอก” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ซึ่งยืนอยู่กับหลานชายและหลานสาว พยายามให้ความมั่นใจกับกลุ่มคนที่เริ่มมีจิตใจไขว้เขว
“ทำลายไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6บนเฮลิคอปเตอร์ส่งเสียงหัวเราะเยาะ
“เมื่อม่านพลังแตกสลายลงไป ภูเขาเฉียนหลงก็จะพังราบเป็นหน้ากลอง แกสามารถรับผิดชอบต่อชีวิตของทุกคนได้หรือเปล่าล่ะ?”
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 มีเสียงหน้าเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีเจตนามาเพื่อฆ่าคน ดังนั้น ชายชราจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันกว่า
“พวกเราอย่าไปเชื่อที่มันพูด เราต่างก็รู้ดีว่านายท่านฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน อย่าให้คำพูดเพียงไม่กี่คำ มาทำให้จิตใจไขว้เขวได้เด็ดขาด”
“ทำให้จิตใจไขว้เขวเรอะ?” อีกฝ่ายหนึ่งถามกลับมา
“แขกที่มาร่วมงานในวันนี้ แค่มาเพื่อร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์เฉยๆ ไม่ได้จะเข้าร่วมสำนักกับฉู่ชวิ๋นสักหน่อย อย่าว่าแต่จะเป็นนายท่านหรือลูกศิษย์เลย แม้แต่เพื่อนก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ มีใครเคยเห็นหน้าฉู่ชวิ๋นสักกี่คนกันเชียว? ในเมื่อเพื่อนก็ไม่ใช่ บริวารก็ไม่ได้เป็น แล้วพวกแกจะมาเสี่ยงชีวิตอยู่ต่อไปทำไมอีก?” ผู้อาวุโสบนเฮลิคอปเตอร์ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้โต้แย้ง รีบพูดต่อทันทีว่า
“อีกอย่างนะ ฉู่ชวิ๋นจัดงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ เชิญแขกมาจากทุกมุมโลก แต่กลับไม่เสนอหน้าออกมาแม้แต่น้อย มันมัวมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน? หรือมันคิดว่าตัวเองสูงส่งมากเกินไป?”
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล การที่นายท่านฉู่ชวิ๋นยังไม่ปรากฏตัวออกมา ก็หมายความว่าเขามีธุระสำคัญให้ต้องจัดการ แต่เขาก็มอบน้ำยาเทวะและวิชาเพลงกระบี่ให้พวกเราได้ศึกษาใช้เป็นวิชาดาบได้ แบบนี้จะเรียกว่าไม่เอาใจใส่แขกเหรื่อได้ยังไง? แกกล้าพูดไหมล่ะว่านี่ไม่ใช่การต้อนรับที่ดีที่สุดแล้ว?” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ตวาดกลับไปด้วยความโกรธแค้น
“ก็ได้ ๆ ถึงอย่างนั้นของแค่นั้นมันคุ้มค่าเหรอที่พวกแกจะมาเสียชีวิตที่นี่ ฟังฉันให้ดีนะ เมื่อกระสุนเจาะเกราะชุดนี้ถูกยิงลงไป ทุกคนที่อยู่บนภูเขาเฉียนหลงจะต้องตายไปทั้งหมด ศึกษาเพลงกระบี่ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ตายแล้วจะเอาไปสู้กับใครที่ไหนฮะ?”
“…” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ถึงกับพูดไม่ออกแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งมีวาจาตลบตะแลงเหมือนกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มีความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างดี เพียงเลือกใช้คำพูดให้ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องยากที่จิตใจผู้ฟังจะไม่เกิดความหวั่นไหว