ตอนที่ 206 เจ้าหมาน้อย

ตอนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา คุณแม่ซูก็กลับไปแล้ว

เมื่อเห็นขนมแป้งเกลียวทอดวางอยู่เขาก็ยิ้มทันที “คุณแม่เอามาให้เหรอครับ?”

เขาได้ยินจากเหรินเหรินว่าคุณยายเอาขนมแป้งเกลียวทอดหอมอร่อยมาฝากด้วย

เด็กน้อยรู้จากคุณยายของเขาว่าขนมที่กลิ่นหอมกรุ่นนี้ เรียกว่าขนมแป้งเกลียวทอด 

“ใช่ค่ะ คุณแม่ทำเอง เห็นว่าเอาไปขายที่ร้านพี่รอง เลยแบ่งมาให้ด้วยค่ะ” ซูตานหงบอก

“ทำไมไม่ให้คุณแม่อยู่ต่ออีกสัก 2 ถึง 3 วันล่ะครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นหยิบขนมขึ้นมากัด 1 คำ

ซูตานหงไม่ห้ามเขา อย่างไรชาสายน้ำผึ้งก็ต้มเสร็จแล้ว หลังจากกินขนมเสร็จค่อยให้ดื่มสัก 2 แก้ว “แม่บอกว่าช่วงนี้ยังยุ่งอยู่ค่ะ”

ตอนนี้แม่ของเธอยุ่งมาก

ธุรกิจของพี่รองกำลังไปได้ดี ตั้งแต่จ้างหยางต้าหยา หล่อนก็ทำงานได้ดีจริง ๆ แม้แต่พี่สะใภ้รองซูยังชื่นชม 

ดังนั้นปีนี้จึงเพิ่มเงินเดือนขึ้น จากเมื่อก่อนเดือนละ 15 หยวน ตอนนี้ขึ้นเป็น 20 หยวนแล้ว การเพิ่มเงินเดือนขึ้นถึง 5 หยวน แสดงว่าพี่สะใภ้รองของเธอพอใจจริง ๆ

บวกกับค่าอาหารการกินและที่พัก เดือนละ 20 หยวนนับว่าค่อนข้างดี อย่างน้อยหม่าฮุ่ยแม่ของหล่อนกับหยางอ้ายมู่พ่อของหล่อนต่างดีใจมาก

พี่รองซูกับพี่สะใภ้รองซูไม่ได้ปฏิบัติต่อหยางต้าหยาอย่างไม่เป็นธรรม แม้ว่าปกติจะงานยุ่งอยู่บ้าง แต่หล่อนก็ได้กินอาหารร่วมกับครอบครัวของพวกเขา

วันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา พี่สะใภ้รองซูก็ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้หยางต้าหยาอีก 2 ชุด บอกว่าหล่อนโตเป็นสาวแล้ว ต้องแต่งตัวให้ดูดีอยู่เสมอ

หม่าฮุ่ยดีใจมากที่ให้กำเนิดหล่อนออกมาและหาเงินได้มากขนาดนี้ หล่อนยังกังวลอยู่ว่าในอนาคตลูกสาวจะแต่งงานอยู่ในเมืองหรือเขตมณฑล ดังนั้นสําหรับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่สะใภ้รองซูซื้อให้ จึงทำให้หล่อนรู้สึกว่าเถ้าแก่เนี้ยคนนี้จะเป็นคนที่มีมนุษยธรรม

ด้วยค่าแรงที่มากขึ้น หยางต้าหยาจึงถูกกำชับว่าอย่าเกียจคร้าน

ดังนั้นหยางต้าหยาจึงช่วยงานในร้าน และพี่สะใภ้รองซูก็ปล่อยให้หล่อนจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น

ตอนที่คุณแม่ซูจะทำขนมแป้งเกลียวทอดส่งมาขาย ยังมีถั่วลิสงต้มเค็มและถั่วลิสงต้มชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสะใภ้รองซูก็สามารถทำได้เช่นกัน ทำให้เพิ่มสินค้าขึ้นอีกหลายอย่างในร้าน

ดังนั้นหากตอนนี้แม่ของเธอบอกว่างานยุ่งมาก นั่นแสดงว่างานที่ต้องทำเยอะมากจริง ๆ แต่ถึงแม้จะไม่ค่อยว่าง วันนี้นางก็ยังแวะมาเยี่ยมเยือนลูกสาวและหลานชายทั้ง 2 คน

“ได้เก็บสตรอเบอรี่ให้คุณแม่กลับไปกินไหมครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

ถ้าเขาอยู่ในตอนนั้น ไม่ว่าอย่างไรแม่ยายก็ต้องได้พักผ่อนอยู่ที่นี่สัก 2 ถึง 3 วัน

“เปล่าค่ะ แต่ว่าให้แม่เอาแยมสตรอเบอรี่กลับไป 2 กระปุกไว้กินแก้หิวแล้ว” ซูตานหงพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้แม่กำลังเสพติดการหาเงิน ยังบอกให้ฉันทำเพิ่มอีกหน่อย เพื่อเอาไปขายที่ร้านในเมืองมหาวิทยาลัยด้วยล่ะค่ะ”

จี้เจี้ยนอวิ๋นส่ายหัวไม่เห็นด้วย “สตรอเบอรี่ขายดีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นหรอกครับ”

เขาได้ดูภรรยาทำแยมสตรอเบอรี่และไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ทั้งยังมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำ ตอนนี้อากาศร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาคงทนไม่ได้ถ้าจะต้องปล่อยให้เธอทำงานหนัก

ซูตานหงพยักหน้าและถามถึงสถานการณ์ที่อ่างเก็บน้ำ “ปลูกผลไม้เป็นยังไงบ้างคะ ได้ยินคุณแม่บอกว่าภรรยาของอันปังใกล้จะคลอดลูกแล้ว ฉันเลยว่าถ้าถึงตอนนั้นจะให้อันปังทำงานแค่ครึ่งวันก็พอแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาหยุดครึ่งวัน ติดต่อกันสักอาทิตย์หนึ่งแล้วกันครับ”

1 เดือนนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากลุงสวี่เองก็ทำงานอยู่ที่นั่นเหมือนกัน วันหยุดจะต้องมีการลงบันทึกไว้ ไม่อย่างนั้นจะจัดการได้อย่างไร?

นอกจากนี้ แม้ว่าการคลอดบุตรของผู้หญิงจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลังจาก 7 วันผ่านไปแล้วก็จะดีขึ้นมาก ดังนั้นงานที่ควรทํา ก็ต้องให้อันปังทํา ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครมีชีวิตที่ง่ายดาย

ส่วนทางอ่างเก็บน้ำนั้นใกล้จะเสร็จแล้ว เหลืองานที่ต้องทำอีกไม่มาก

หลังจากที่พวกเขาปลูกต้นกล้าทั้งหมดเสร็จ ซูตานหงก็อุ้มเหรินเหรินกับฉีฉีไปที่นั่นเพื่อรดน้ำพุวิเศษลงไป เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นพาพวกเขาแล่นเรือออกไปรอบ ๆ เธอจึงเติมน้ำพุลงไปในอ่างเก็บน้ำอีกไม่น้อย ส่วนเหรินเหรินกับฉีฉีนั้นสนุกสนานเป็นอย่างมาก

“ที่นี่ก็ต้องเลี้ยงหมาไว้สัก 2 ตัวด้วยนะคะ” ซูตานหงพูดขึ้นขณะเดินทางกลับ

ตอนนี้ลูกปลายังเล็กอยู่ ต่อไปในอนาคตเมื่อพวกมันโตขึ้นจะได้ไม่มีใครต้องเป็นห่วง

“ครับ ผมจะหาหมาสัก 2 ตัวไปเลี้ยงไว้ที่บ้าน รอจนพวกมันอายุถึงขวบครึ่ง ค่อยพามาเฝ้าที่นี่”

สุนัขของพวกเขามีลักษณะดีและกล้าหาญ จนผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน ตอนนี้ในสวนผลไม้แห่งแรกที่คุณพ่อกับคุณแม่จี้อยู่เลี้ยงไว้ 3 ตัว ส่วนสวนผลไม้แห่งที่ 2 ที่ลุงจี้อยู่ก็มีอีก 3 ตัวเช่นกัน ทุกวันสุนัขเหล่านี้จะลาดตระเวนไปทั่วสวนผลไม้ พวกมันมีจิตวิญญาณพิเศษ ไม่กัดใครโดยพลการ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ อย่างมากก็แค่เห่าขู่จนขวัญหนีดีฝ่อ แต่สําหรับผู้ใหญ่แล้ว หากกล้ายั่วยุพวกมันก็พร้อมจะกระโจนเข้าหาทันที

ทั้งยังมีต้าเฮยที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านของพวกเขา รวมแล้วมีสุนัขทั้งหมด 7 ตัว ซึ่งล้วนได้รับการฝึกฝนจากจี้เจี้ยนอวิ๋นผู้เชี่ยวด้านการต่อสู้จนดุร้ายเป็นพิเศษ

แม้ต้าเฮยจะดูซื่อ ๆ และไม่ตอบโต้เมื่อถูกจับโดยเจ้านายตัวน้อย แต่ถ้าคนนอกกล้าจะแตะต้องมัน จะต้องถูกมันสั่งสอนให้รู้ซึ้งถึงคำว่าเสียใจ

ผ่านไปเพียง 2 วัน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็กลับมาพร้อมกับเจ้าหมาน้อย 2 ตัว

ลูกสุนัขตัวเล็ก 2 ตัวนี้น่ารักมากจนเหรินเหรินกับฉีฉีเหมือนได้ค้นพบโลกใบใหม่ แต่ซูตานหงไม่อนุญาตให้พวกเขาเล่นกับเจ้าหมาน้อย เนื่องจากพวกมันยังตัวเล็กมากและยังไม่คุ้นเคยกับเจ้านาย พวกมันไม่สนใจว่าฉีฉีเป็นเจ้านายหรือไม่ หากรู้สึกเจ็บปวดก็สามารถกัดเขาได้ทันที  

แม้ว่าจะยังตัวเล็กและอาจจะทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่ผิวหนังของฉีฉียังบอบบางและอ่อนนุ่ม ซูตานหงจึงห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด

วันนี้ปล่อยให้เขาได้จับมันดูก่อน แต่หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว

สำหรับลูกสุนัขทั้ง 2 ตัวนี้ ต้าเฮยใจกว้างกับพวกมันเป็นอย่างมากและไม่แสดงท่าทางขับไล่ ทว่าทั้ง 2 ตัวกลับกลัวลูกพี่ใหญ่จนไม่กล้าเข้าไปสร้างปัญหา

เห็นได้ชัดว่าหลังจากเจ้า 2 ตัวนี้มาอยู่ที่นี่ อาหารการกินก็ได้รับการยกระดับมากขึ้น ทุกวันจะมีซุปกระดูกและโจ๊กกลิ่นหอมกรุ่นที่มีส่วนผสมของน้ำพุวิเศษ ดังนั้นแค่อุ้มกลับมาไม่กี่วัน พวกมันก็เปลี่ยนไปมาก

พริบตาเดียวก็เข้าสู่เดือนพฤษภาคม ในวันที่ 2 ของเดือน ภรรยาของซูอันปังก็ได้คลอดลูก วันนั้นชายหนุ่มได้แวะมาลากับซูตานหง เธออนุญาตให้เขาลางานได้ครึ่งวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จะเป็นตอนเช้าหรือตอนบ่ายก็ได้ แต่อย่าลืมบอกลุงสวี่ด้วย

ครั้งก่อนที่ซูตานหงได้พูดคุยกับลุงสวี่ เธอรู้สึกว่าสายตาของสามีในการเลือกคนนั้นไม่เลวเลย แม้ว่าลุงสวี่จะค่อนข้างเงียบขรึม แต่เขาก็เป็นคนดี มีน้ำใจมาก แม้กระทั่งเหรินเหรินกับฉีฉียังยินดีเรียกเขาว่าคุณปู่สวี่

ดังนั้นหลังจากรู้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นให้วันหยุด 1 วันกับซูอันปังและให้ทำงานเพียงครึ่งวัน เนื่องจากภรรยาเพิ่งคลอดลูก นอกจากเขาจะไม่คัดค้านแล้ว ยังกล่าวชื่นชมว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นเจ้านายที่ดีอีกด้วย