ตอนที่ 207 ตานหงเจี่ย

ทางฝั่งอ่างเก็บน้ำนั้นไม่ได้มีงานอะไรมาก ลุงสวี่สามารถให้อาหารปลาได้ด้วยตัวเอง เขาจึงแล่นเรือออกไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนซูอันปังยังต้องมาทำงาน เนื่องจากตอนนี้ต้นกล้าผลไม้ที่เพิ่งปลูกต้องได้รับการรดน้ำ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเลือกมารดน้ำในตอนเช้าหรือตอนบ่าย ลุงสวี่ก็มักจะเข้ามาช่วย

ใบหน้าของซูอันปังยังคงมีรอยยิ้มและไม่ได้แสดงท่าทางเมินเฉยแม้ว่าตนจะได้ลูกสาว ซูตานหงเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ดูเหมือนว่าทางฝั่งแม่ของเขาจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อย

ลูกสาวแล้วอย่างไร? เธอยังอยากได้ลูกสาวแต่ก็ไม่ได้

เธอยังรู้ด้วยว่าสถานการณ์ในครอบครัวของซูอันปังตอนนี้กำลังตึงเครียด เมื่อซูอันปังมาขอลาหยุดกับซูตานหง เธอจึงพาเขาขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจับแม่ไก่ 1 ตัวและมอบไข่ให้อีก 1 ตะกร้า

ซูอันปังเกรงใจที่จะรับไว้ แต่ซูตานหงก็ยัดเยียดให้จนได้ “ไม่ได้ให้เธอสักหน่อย นี่เอาไว้ให้ภรรยาของเธอบำรุงร่างกาย หล่อนเพิ่งคลอดลูก ร่างกายกำลังฟื้นฟู เอาไปให้กินเถอะ พวกเรา 2 คน ยังไงก็นับว่าเป็นพี่น้อง มีปู่คนเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจกันมากเกินไป ถ้าอยากชดเชย ต่อไปก็แค่ตั้งใจทำงานเพื่อเจี้ยนอวิ๋นให้มากขึ้นก็พอ”

ซูอันปังซาบซึ้งใจอย่างมาก

ไม่ใช่แค่ซูอันปัง หลี่ไหลตี้ภรรยาของเขาก็ตื้นตันใจเช่นกัน

เนื่องจากครั้งนี้หล่อนคลอดลูกสาว แม่สามีจึงมายืนด่าอยู่หน้าประตูว่าหล่อนเป็นแม่ไก่ที่วางไข่ไม่เป็น ได้กินของดีมากมาย แต่กลับให้กําเนิดตัวผลาญเงินออกมา ยังบอกอีกว่าหล่อนก็เหมือนแม่ของหล่อนที่ให้กำเนิดลูกสาวถึง 5 คน จนต้องตั้งชื่อเธอว่าไหลตี้* กว่าจะให้กำเนิดลูกคนที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ชาย

*ไหล แปลว่า มา ,ตี้ แปลว่า น้องชาย

ลูกชายคนเดียวที่จะเป็นทายาทสืบสกุล

ตอนแรกคิดว่าจะเป็นคนโชคดี แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้?

เมื่อคุณแม่ซูหิ้วไข่มาให้ก็ถึงกับทนฟังไม่ได้ จึงไล่แม่สามีของหล่อนออกไป

ซูอันปังกลับมาพร้อมไก่และไข่ พอได้ยินว่าแม่ของเขามาโวยวายที่นี่ ชายหนุ่มจึงไปพูดคุยกับผู้เป็นแม่ทันที ในครอบครัวเขามีพี่ชายน้องชายอยู่หลายคน แต่ไม่มีพี่สาวหรือน้องสาวสักคน และตัวเขาเองก็อยากได้ลูกสาว!

ดังนั้นชายหนุ่มจึงโกรธแม่ของเขามาก แต่ก็ทำให้ภรรยาของเขายิ้มทั้งน้ำตา

  

ทว่าพอเห็นไก่กับไข่ หล่อนก็พูดขึ้นมา “ตอนนี้ลูกเพิ่งคลอด ต่อไปจะต้องใช้เงินอีกเยอะ คุณเห็นไหมคะว่าป้าห้าเพิ่งเอาไข่มาให้ แค่นี้ก็มากพอให้ฉันกินแล้วค่ะ”

ป้าห้าที่หล่อนกล่าวถึงก็คือคุณแม่ซูนั่นเอง

ตะกร้าไข่ที่ป้าห้านำมาให้มีไข่อยู่ 26 ฟอง นับว่าไม่น้อยเลย ต่อให้กินวันละ 2 ฟอง ก็อยู่ได้เกือบครึ่งเดือน ถือว่ามีชีวิตที่ดีแล้ว

สมัยก่อนตอนที่แม่ของหล่อนอยู่เดือนหลังคลอด อย่าว่าแต่ไข่จำนวนมากขนาดนี้เลย แค่ได้กินโจ๊กสักคำก็ดีมากแล้ว ทำไมหล่อนถึงได้โชคดีขนาดนี้?

“ผมไม่ได้ซื้อครับ แต่ตานหงเจี่ยให้มา” ซูอานปังพูดด้วยรอยยิ้ม

“เถ้าแก่เนี้ยให้มาเหรอคะ?” หลี่ไหลตี้ประหลาดใจ

“อืม ผมไปหาหล่อนเพื่อขอลางาน หล่อนเลยให้ผมหยุดมาดูแลคุณวันนี้ และตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปอีก 1 สัปดาห์ ผมต้องไปทำงานแค่ครึ่งวันเหมือนที่ป้าห้าบอก หลังจากได้ยินว่าคุณคลอดลูกแล้ว หล่อนก็พาผมขึ้นไปจับไก่และเก็บไข่บนภูเขา”

“เถ้าแก่เนี้ยบอกให้จับ คุณก็ไปจับงั้นเหรอ?” หลี่ไหลตี้โพล่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ตอนแรกผมไม่รู้ว่าหล่อนจะจับไก่มาให้ผม” ซูอันปังยิ้ม “ตานหงเจี่ยบอกว่ายังไงก็มีปู่คนเดียวกัน การที่พี่ให้ของกินแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณอย่าคิดมากเลย ไว้คุณอยู่เดือนเสร็จแล้ว ค่อยพาลูกสาวของเราไปหาหล่อนกันนะครับ”

“เถ้าแก่เนี้ยไม่รังเกียจที่ฉันคลอดลูกสาวให้คุณเหรอคะ?” หลี่ไหลตี้ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื้นตันใจ แต่ยังคงรู้สึกด้อยกว่าเล็กน้อย

หลี่ไหลตี้รู้ดีว่าเถ้าแก่เนี้ยได้ให้กำเนิดลูกชายถึง 2 คน ช่างเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถจริง ๆ ไม่แปลกใจที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศยกย่องในความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัวเธอ

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ลูกสาวแล้วยังไง? ตานหงเจี่ยยังบอกว่าหล่อนเองก็อยากได้ลูกสาว ตอนนี้นมมอลต์ที่บ้านของหล่อนหมดแล้ว อีกไม่กี่วันจะไปซื้อมาให้คุณกินบำรุงร่างกายด้วย” ซูอันปังยิ้ม

เขารู้สึกได้ว่าตานหงเจี่ยไม่รังเกียจภรรยาของเขาที่ให้กำเนิดลูกสาวจริง ๆ

และเธอเองก็ดูจะชื่นชอบเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้ทั้งไก่ ไข่ และนมมอลต์

“แบบนั้นไม่ได้หรอกนะคะ” หลี่ไหลตี้รีบปฏิเสธ

“ผมก็รู้ แต่ตานหงเจี่ยบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ ขอแค่ต่อไปให้ผมตั้งใจทำงานที่อ่างเก็บน้ำให้ดีก็พอ” ซูอันปังบอกด้วยรอยยิ้ม   

“ถ้าอย่างงั้นคุณต้องขยันทำงานให้มาก ในบ้านไม่มีปัญหาอะไร คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอกเข้าใจไหมคะ? ป้าห้าบอกว่าวันพรุ่งนี้หลังจากคุณออกไปทำงาน ท่านก็จะมาเยี่ยมฉันอีกค่ะ” หลี่ไหลตี้พูดพร้อมกับยิ้มให้สามี “ดีจริง ๆ ที่มีป้าของคุณคอยช่วยดูแลแบบนี้”  

 

งานนี้ป้าห้าเป็นคนแนะนํา เหตุผลที่เข้าหาเจ้านายได้ก็เพราะงานนี้

“ตั้งแต่เด็ก ๆ ป้าห้าก็รักและเอ็นดูผม เวลาผมหิวมาก ๆ ป้าก็ตักโจ๊กแบ่งให้ผมครึ่งชาม ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นครอบครัวของพวกเขาก็ยากจนเหมือนกัน ทั้งพี่จิ้นตั๋งกับพี่ตานหงก็หิวเหมือนกัน” ซูอันปังทอดถอนใจ

หลี่ไหลตี้ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เมื่อได้ฟังก็ยิ่งตื้นตันใจ

หลังจากได้กินไก่ไป 1 ตัว การอยู่เดือนของหลี่ไหลตี้ก็เป็นไปด้วยดี จากนั้นหล่อนก็สามารถกินไข่ได้วันละ 3 ฟอง และด้วยความรักที่มีต่อภรรยา ซูอันปังจึงกัดฟันซื้อเนื้อมาตุ๋นให้ภรรยาของเขากิน ซึ่งทำให้คนในหมู่บ้านซูเจียหลายคนพูดถึงชะตากรรมของหลี่ไหลตี้

ทุกวันนี้มีการบังคับใช้นโยบายการวางแผนครอบครัว* จึงทำให้สามารถมีลูกได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คนส่วนใหญ่ต่างไม่ต้องการลูกสาว แต่เมื่อหลี่ไหลตี้ให้กำเนิดลูกสาวออกมา ซูอันปังก็ยังคอยเอาอกเอาใจหล่อน

*นโยบายที่ว่าด้วยการจำกัดให้หนึ่งครอบครัวมีลูกได้เพียงคนเดียวมาตั้งแต่ปี 1979 เพื่อควบคุมอัตราการเกิดของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนล้นประเทศในสมัยนั้น

ตอนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งแตงโมลูกใหญ่ 2 ลูกมาให้คุณแม่ซู เขาก็ได้ยินคุณแม่ซูพูดคําหนึ่งและรู้สึกพึงพอใจมาก คำกล่าวนั้นก็คือสามีที่ชอบเอาใจภรรยาไม่ใช่เรื่องแย่

“แม่ขอแบ่งปลาสักตัวไปให้อันปังได้ไหม?” คุณแม่ซูพูดด้วยรอยยิ้ม

“ได้สิครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจและหยิบปลาให้ 3 ตัว

ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็น่าจะจำเป็นสำหรับการอยู่เดือน

จี้เจี้ยนอวิ๋นขับสามล้อของเขาออกไปโดยไม่รั้งรอ

จากนั้นคุณแม่ซูนำปลามาให้ซูอันปัง และขอให้เขาทำซุปปลาให้หลี่ไหลตี้กินเพื่อบำรุงน้ำนม

เนื่องจากคุณแม่ซูมาช่วยดูแลที่บ้านของซูอันปังอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่านางจะไม่ได้ทำอะไรมาก ผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็ไม่ต้องซัก แต่บางครั้งนางก็เล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ยากจะหาฟังได้ให้หลี่ไหลตี้ได้รู้

ดังนั้นคนในหมู่บ้านซูเจียจึงรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นลูกจ้างประจำของจี้เจี้ยนอวิ๋นลูกเขยของนาง ซูอันปังจะหน้าใหญ่ถึงกับให้ป้าห้าของเขามาช่วยดูแลตั้งหลายครั้งขนาดนี้ได้อย่างไร?

ในตอนนั้นตำแหน่งคนงานประจำของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ดึงดูดสายตาทุกคนอีกครั้ง

มีบางครอบครัวเข้ามาถามกับคุณแม่ซูโดยตรง แต่คุณแม่ซูก็ไม่ได้พูดอะไร บอกเพียงแค่ว่าช่วงนี้ยังไม่ขาดคน แต่ต่อไปถ้าขาดคนย่อมดูแลคนในหมู่บ้านก่อนอยู่แล้ว

จากนั้นก็หยิบแตงโมออกมาอย่างใจกว้างและเชิญพี่สาวน้องสาวมากิน โดยบอกว่าเป็นของที่ลูกเขยเพิ่งส่งมาให้ ทําให้เหล่าพี่น้องชื่นชมกันไม่ขาดปาก