ตอนที่ 208 ฤดูกาลเชอร์รี่
เมื่อเข้าสู่เดือนห้าก็เป็นช่วงท้ายฤดูกาลของสตรอเบอรี่ ซูตานหงใช้สตรอเบอรี่ที่เหลืออยู่เล็กน้อยทำลูกกวาดผลไม้ไว้สำหรับหลอกล่อเด็ก ๆ จนเสร็จเรียบร้อย
ถึงแม้สตรอเบอรี่จะหมดฤดูไปแล้ว แต่แตงโมกำลังทยอยออกผลเต็มแปลง
ในช่วงกลางเดือนห้า แตงโมก็เริ่มสุกเป็นลูก ๆ
เหล่าฉินกับซูจิ้นตั๋งต่างก็มารับพวกมัน ส่วนที่เหลือถูกส่งไปขายยังร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยให้ลุงเกาและลูกค้าคนอื่น ๆ ที่รออยู่
ฤดูกาลสตรอเบอรี่ที่ผ่านมาพวกเขาได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย มาตอนนี้ก็ถึงฤดูกาลของแตงโมพอดี ซึ่งแตงโมพวกนี้ทั้งมีเนื้อร่วนซุยและรสชาติหวานอร่อย!
ในขณะนี้ร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นในเมืองมหาวิทยาลัยได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่วัยกลางคนและผู้สูงอายุ พวกเขาชอบที่จะมาจับจ่ายซื้อของที่นี่
ไม่ต้องพูดถึงความสดใหม่และราคาอันย่อมเยา ที่สำคัญคือทุกครั้งที่ได้กิน มักจะรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขากระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ
เมื่อลุงเกาได้ยินว่าตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังคงทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกข้าวและธัญพืชชนิดอื่น ๆ ด้วยตัวเอง เขาก็ฝากข้อความไปว่าขอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นมาคุยกับเขา ถึงตอนนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องซื้อข้าว 200 ชั่งให้ได้
ข้าวที่ว่านั้นคือข้าวขาวปราศจากรำข้าว น้ำหนัก 200 ชั่ง นับว่าไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย
จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้ดังนั้นก็ยิ้มออกมาและฝากให้จี้เจี้ยนเยี่ยไปแจ้งแก่ลุงเกาว่ามีข้าวไม่ถึง 200 ชั่ง เขาสัญญาว่าจะให้ข้าว 50 ชั่ง และไม่สามารถให้ได้มากกว่านี้ อย่างไรคนอื่นก็ควรจะได้ลองชิมด้วยใช่หรือไม่?
ลุงเกาหงุดหงิดใจกับความตระหนี่ของเขา จึงพยายามโน้มน้าวอย่างเต็มที่ ในที่สุดจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยอมใจอ่อนและบอกว่าจะให้ข้าว 100 ชั่ง ทว่าตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มผลิต ทำได้เพียงแค่จองไว้ก่อน
เนื่องจากเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวแตงโม จึงต้องขับรถขนส่งไปยังร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยทุกวัน แต่ช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็งานยุ่งมากเช่นกัน ดังนั้นหลังจากจี้เจี้ยนเยี่ยส่งแตงโมในเมืองมหาวิทยาลัยเสร็จเขาก็รีบกลับ และขับรถไปขายของที่เมืองเจียงสุ่ยต่อ
ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวครั้งนี้มีแตงโมผลโตอุดมสมบูรณ์มากมาย
ผ่านไปราว 5 ถึง 6 วันติดต่อกัน แตงโมก็เริ่มลดลง เหลือเพียงวันละแค่ครึ่งคันรถ พอถึงสิ้นเดือนห้า ที่บ้านก็เหลือเพียงต้นแตงโมเล็ก ๆ ไม่กี่ต้นที่ยังออกผลอยู่ ซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่คิดจะขายมัน เพราะจะเก็บไว้กินเองภายในครอบครัว
แต่ว่าเมื่อเริ่มงานยุ่งแล้ว ก็ไม่สามารถหยุดพักได้ หลังจากสิ้นสุดฤดูกาลแตงโม เชอร์รี่จะก็เริ่มออกผลผลิตอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่สวนผลไม้แห่งแรกเท่านั้น แต่ต้นเชอร์รี่ในสวนผลไม้แห่งที่สองก็เริ่มออกผลแล้วเช่นกัน แม้ว่าสวนแห่งที่สองจะยังให้ผลผลิตได้ไม่เท่าสวนแรก แต่จำนวนต้นเชอร์รี่ที่ปลูกก็มีจำนวนมาก
คุณแม่ซูได้รับคำเชิญจากจี้เจี้ยนอวิ๋นขอให้มาช่วย ไม่เพียงแต่แม่ยายของเขาเท่านั้น ยังมีคนในหมู่บ้านซูเจีย รวมถึงบรรดาพี่สาวน้องสาวของคุณแม่ซูอีกด้วย แน่นอนว่านางเรียกหาแต่คนที่ขยันขันแข็งและไม่งอมืองอเท้า หากคนที่เรียกมาทำงานไม่เป็น แม่ยายอย่างนางคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
แม้แต่ป้าหลี่เองก็มาช่วยด้วย ป้าหลี่คนนี้คือแม่ของหลี่จื้อ แม่สามีของจี้อวิ๋นอวิ๋นนั่นเอง
เมื่อนางได้ยินว่าที่นี่งานยุ่งมากจึงรีบมา แม้ว่าคุณแม่จี้จะไม่พอใจการกระทำของลูกสาวตัวเองนัก แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลูกสาวที่ตนได้ให้กำเนิดออกมา ดังนั้นจึงอยากจะสร้างความประทับใจดีต่อแม่สามีของหล่อนบ้าง
แน่นอนว่านางยินดีต้อนรับป้าหลี่เป็นอย่างมาก ทั้งยังบอกว่าไม่ต้องเดินทางมาไกล
ป้าหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณนายจี้ ไม่ต้องสุภาพกับฉันมากนักหรอก หลี่จื้อเองก็ชื่นชมว่าพี่สามของภรรยาเก่งมาก ถ้าฉันจะมาช่วยเก็บเชอร์รี่ด้วยจะเป็นไรไปล่ะ?”
เมื่อไม่นานมานี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นยังส่งแตงโม 2 ลูกใหญ่ไปให้ที่บ้าน ตอนนี้มาช่วยกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
คุณแม่จี้ยิ้มด้วยความยินดี จากนั้นจึงพากันไปเก็บเชอร์รี่
มีคนอีกมากมายมาช่วยกันเก็บเชอร์รี่ บรรยากาศจึงวุ่นวายอยู่ไม่น้อย เมื่อผลไม้สีแดงพวกนี้เก็บเสร็จก็จะถูกส่งออกไปขายในทันที
โชคดีที่ร้านในเมืองมหาวิทยาลัยขายดีมาก บรรดาผู้สูงวัยต่างชอบกินเชอร์รี่ ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น ยังรวมถึงหลาน ๆ ในครอบครัวอีกด้วย
อย่างเช่นลุงเกาที่ค่อนข้างมือเติบและมีลูกมาก เขาก็มีกำลังซื้อสูงมาก ครั้งนี้ซื้อไป 1 กล่องใหญ่ และใช้บริการรถขนส่งไปให้ลูก ๆ ของเขา
ลุงเกานับว่าเป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่เพียงลำพัง แต่มีโทรศัพท์ติดตั้งไว้แล้ว เขาสามารถซื้อของที่หลาน ๆ อยากกินและส่งไปที่นั่นได้ เนื่องจากทางนี้มีรถให้ติดต่อ
หลังจากส่งเชอร์รี่ทั้งกล่องไปให้ในวันนี้ ทางนั้นก็โทรหาเขา
“คุณพ่อคะ เชอร์รี่พวกนี้ซื้อจากร้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นรึเปล่าคะ?” คนที่โทรมาคือสะใภ้ใหญ่ของเขา หลังจากกินไปได้ไม่กี่คำหล่อนก็เข้าประเด็น
“ใช่น่ะสิ ฉันกินเชอร์รี่ของบ้านเจี้ยนอวิ๋นแล้ว รสชาติไม่เลว เลยส่งไปให้พวกเธอ” ลุงเกาบอก
แม้ว่าลูก ๆ ของเขาจะอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้กันนัก หากนั่งรถประจำทางต้องใช้เวลากว่าชั่วโมง โดยเฉพาะลูก ๆ หลายคนที่อยู่ในใจกลางเมือง แม้ว่าที่นี่จะมีความสำคัญ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน
“พ่อคะ เขายังมีของอยู่อีกไหมคะ?” สะใภ้ใหญ่ถาม
“ไม่พอกินอีกเหรอ?” ลุงเกาพูด “กล่องนั้นก็เยอะแล้วนะ”
นั่นไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยด้วยซ้ำ กล่องเชอร์รี่กล่องนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่งทำให้เป็นพิเศษ ซึ่งทั้งหมดทำมาจากโฟม หนึ่งกล่องบรรจุได้ถึง 10 ชั่ง เขาส่งไปให้ 1 กล่อง บรรดาลูก ๆ ของเขาสามารถแบ่งกันได้คนละ 2 ชั่ง
“เยอะแล้วค่ะ แต่เหลือแบ่งให้พวกน้อง ๆ อีกแค่ไม่เท่าไหร่ วันพรุ่งนี้คุณพ่อช่วยส่งมาให้อีก 2 กล่องได้ไหมคะ ฉันจะเก็บไว้เอง 1 กล่อง แล้วเอาไปให้ที่ทำงานอีก 1 กล่อง” สะใภ้ใหญ่พูด
เชอร์รี่ลูกใหญ่รสชาติหอมหวานเกินจะบรรยาย
ตอนนี้หล่อนกําลังอยู่ในช่วงประเมินผลงาน จึงจำเป็นต้องมีของไปให้เพิ่มความประทับใจ
เพราะในช่วงปีใหม่ทุกคนต่างจ่ายเงินกันไปไม่น้อย ทว่าลุงเกายังมีเงินบำนาญและเงินค่าเช่า สะใภ้ใหญ่ของเขาจึงกล้าร้องขอแบบนี้
“ก็ได้” ลุงเกาตอบตกลง
เพียงไม่นานหลังจากที่วางสาย เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง “พ่อครับ พ่อโทรคุยกับใครอยู่?”
“พี่สะใภ้ใหญ่ของแกโทรมา” ลุงเกาตอบ คนที่โทรมาครั้งนี้คือลูกชายคนรองของเขา
“พี่สะใภ้ใหญ่ต้องขอให้พ่อส่งเชอร์รี่ไปเพิ่มแน่เลย ใช่ไหมครับ?” ลูกชายคนรองของเขาหัวเราะ
“แกก็อยากได้เหรอ?” ลุงเกาถาม
“ครับ พ่อส่งมาให้ผมอีก 3 กล่องนะครับ”
ลุงเกาจึงถามขึ้น “เอาไปทำอะไรเยอะแยะขนาดนั้น?”
“กินเองสิครับ เป็นเพราะหลานชายฝาแฝดของพ่อ ผมกับแม่ของพวกเขาเลยได้กินแค่ไม่เท่าไหร่ นอกนั้นเด็ก ๆ กินหมดเลยครับ แล้วยังร้องอยากจะกินอีกในวันพรุ่งนี้” ลูกชายคนรองเล่าพลางหัวเราะ
“มันอร่อยแต่ก็ไม่ควรกินมากเกินไป พวกเขาปิดเทอมฤดูร้อนเมื่อไหร่ล่ะ? ให้พวกเขามาอยู่ที่นี่สักพักสิ ตอนนี้ร้านของเจี้ยนอวิ๋นมีผลไม้มากมาย ให้พวกเขามาที่นี่ แล้วกินให้มากขึ้นสักหน่อย หมอไม่ได้บอกให้เด็ก ๆ เสริมวิตามินให้มากขึ้นหรอกหรือ?” ลุงเกาพูด
เนื่องจากเด็กฝาแฝดไม่ค่อยมีอาหารเสริมดี ๆ ให้กินในช่วงปีแรก ทำให้ร่างกายของพวกเขาค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเกิดมา ทว่าตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นมากแล้ว จึงค่อย ๆ บำรุงทีหลัง