ตอนที่ 170 หลิวหลีวางระเบิดลูกใหญ่

แม่ครัวยอดเซียน

“เอิ้ก ช่วงที่มีพี่อยู่มีความสุขจริงๆ” โม่หลีตบพุงน้อยๆของตนเองอย่างมีความสุข

“โม่หลี ทำแบบนี้ไม่มีมารยาทเลย” หลงซินเยว่มองโม่หลีที่ทำตัวไม่น่ารักอย่างไม่เห็นด้วย

“ใช่ ครั้งนี้ข้าอยู่ฝั่งท่านแม่ กินอิ่มแล้วตบพุงตัวเองไม่สุภาพเลย” คราวนี้หลิวหลีครั้งนี้ก็ไม่เข้าข้างน้องสาว

โม่หลีวางมือลงแล้วลุกขึ้นเดินวนๆเพื่อย่อยอาหาร พี่สาวก็ยังไม่เข้าข้างนางเลย แสดงว่านางทำผิดจริงๆ

“ข้าบอกแล้วท่านแล้วว่าเด็กดีจะไม่ถูกตามใจจนเสียนิสัยแน่นอน” หลิวหลีมองดูโม่หลีที่หัวอ่อนอย่างพอใจ

“จริงด้วย” หลงซินเยว่พยักหน้า ตกดึกโม่หลีงอแงจะนอนกับพี่สาว หลิวหลีก็ไม่มีความจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียร โม่หลีกอดหมอนกับผ้าห่มของตัวเองและเข้ายึดเตียงนอนพี่สาวอย่างมีความสุข

วันถัดมา หลิวหลีเตรียมอาหารเช้าให้โม่หลี แล้วไปบ้านสกุลหลง

แต่พอเดินไปถึงหน้าประตู ผู้ดูแลก็ตื่นเต้นราวกับเป็นลมชัก ช่วงเวลาที่นางไม่อยู่ ทำไมคุณภาพของผู้ดูแลประตูจึงได้แย่ถึงเพียงนี้

“คุณหนูหลิวหลี คุณหนู คุณหนูกลับมาแล้ว” ผู้ดูแลประตูตื่นเต้นแม้แต่จะพูดจาก็ยังตะกุกตะกัก

“อืม ข้าเข้าไปแล้วนะ” หลิวหลีจงใจทำท่าเย็นชาแล้วพูดขึ้น

ผลคือหลิวหลีพบว่าไม่ใช่แค่ผู้ดูแลประตูเท่านั้นที่เหมือนกับเป็นโรคลมชัก ทุกคนที่ได้เห็นนางต่างก็มีอาการเช่นนี้ หรือนางมีอะไรผิดปกติ นางไม่อยากจะสนใจอะไรมาก จึงโคจรวิชาไปโผล่ที่ที่พักของท่านตาทันที

หลงเหวินเซวียนกำลังจะเปิดศาลบรรพชนให้กับเสี่ยวเสี่ยว ก็เห็นหลานสาวคนโตของตัวเองรีบวิ่งมาราวกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง

“นังหนู เกิดอะไรขึ้นหรือ เหตุใดจึงวิ่งราวมีคนวิ่งไล่ตามเจ้า พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าในตอนนี้ยังต้องกลัวคนอื่นด้วยหรือ” หลงเหวินเซวียนกระเซ้า แต่ เขายังไม่ทันสังเกตเห็นพลังบำเพ็ญเพียรที่แปลกไปของหลานสาว

“ใช่เจ้าค่ะท่านตา ข้ากลัว ช่วงที่ข้าไม่อยู่ บ้านสกุลหลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าค่ะ หรือข้ามีอะไรผิดปกติ เหตุใดทุกคนเห็นข้าถึงได้ทำเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด” หากเป็นกันแค่คนเดียวนั่นแปลว่าคนผู้นั้นผิดปกติ แต่นี่เป็นกันทุกคน แสดงว่าปัญหาคือนาง

“นังหนู เจ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนดังแล้วหรือ” หลงเหวินเซวียนมองดูหลานสาวที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยก็ดีใจ นางได้เป็นผู้ถูกเลือกอันดับ 1 แล้ว แต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่ง จนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

“แต่ก่อนข้าก็เป็นคนดังอยู่แล้ว” หลิวหลีพูดแบบไม่ต้องคิด แต่สิ่งที่นางพูดก็ถูกต้องที่ผ่านมาก็มีคนจำนวนมากขอให้นางช่วยปรุงยาให้ นางก็ดังตั้งแต่ตอนนั้น

“ก็จริง แต่เปรียบเทียบอย่างนี้แล้วกัน แต่ก่อนเจ้ามีชื่อเสียงอยู่แค่ในโลกอสูรเทพ ตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียร เปรียบเทียบเช่นนี้เจ้าพอเข้าใจหรือไม่” หลงเหวินเซวียนครุ่นคิด แล้วยกตัวอย่างให้หลานสาวฟัง

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หลิวหลีทำท่าทีเข้าใจ แต่ก่อนนางมีชื่อเสียงแค่ในพื้นที่หนึ่ง แต่ตอนนี้นางมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลกบำเพ็ญ

“ดังนั้นเจ้าต้องชินได้แล้ว” ความเคารพนับถือนี้น่าจะคงอยู่ไปอีกนาน

“พอได้แล้ว ข้ากลับมาเพื่อเยี่ยมท่านตา จากนั้นข้าจะไปหาอาจารย์ที่สำนักเมฆาคล้อย แล้วข้าค่อยกลับมาสอนโม่หลีจนโม่หลีเข้าสู่ช่วงอมตะ ข้าก็จะออกไปตามหาโอกาสข้างนอกแล้ว” หลิวหลีบอกแผนของตัวเองให้ท่านตาฟัง

“ก็ดีเหมือนกัน นังหนู ไหนๆวันนี้เจ้าก็มาพอดี ไม่รู้ว่าเจ้าจะมาอีกเมื่อใด วันนี้จะเปิดศาลบรรพชนรายงานเรื่องอันดับของเสี่ยวเสี่ยวให้บรรพบุรุษได้รับรู้ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่มาพร้อมกันเลยแล้วกัน” แค่หลงเหวินเซวียนคิดก็ตื่นเต้นแล้ว เขามีหลานสาวที่ได้อันดับหนึ่ง จะได้หน้ากับบรรพบุรุษขนาดไหน

“เรื่องนี้ช่างมันเถอะเจ้าค่ะ ท่านตา ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ช่วงนี้พลังบำเพ็ญเพียรของท่านค่อนข้างไม่คงที่ ท่านต้องตั้งใจบำเพ็ญเพียร ส่วนเรื่องทั่วไปก็ให้ท่านลุงจัดการเถอะท่านตา การบรรลุเป็นเซียนต่างหากเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องอื่นไม่เป็นเรื่องเสียด้วยซ้ำ” หลิวหลีมองท่านตาแวบหนึ่ง ทำไมพลังบำเพ็ญเพียรถึงได้วูบไหว แค่ดูก็รู้เลยว่าไม่คงที่ หากไม่จัดการจะมีปัญหาตามมาภายหลัง

“นังหนูพูดถูก ตาหลงออกนอกลู่นอกทาง” เขารู้ดี แต่แค่อยากจะเจอหลานสาวที่เก่งกาจคนนี้ อยากได้หน้ากับบรรพบุรุษ แต่พอได้ยินหลานสาวพูดเช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเหมือนตนเองจะละเลยสิ่งที่สำคัญไป

“ว่าแต่ นังหนู เจ้ามองเห็นพลังบำเพ็ญเพียรของข้าได้อย่างไร” ตาขวาหลงเหวินเซวียนกระตุก หลานสาวของเขาไม่ได้บรรลุขั้นอีกแล้วใช่หรือไม่

“ท่านตา พลังบำเพ็ญเพียรของข้าเดิมก็สูงกว่าท่านอยู่แล้ว ท่านยังอยู่ในช่วงแยกจิต ก่อนข้าจะไปข้าอยู่ในช่วงรวมกายา ตอนนี้ข้าอยู่ในช่วงชำระล้างแล้ว พลังบำเพ็ญเพียรของท่านมีปัญหาอะไร ข้าก็มองออกอย่างชัดเจน” หลิวหลีทิ้งระเบิดลูกใหญ่

“อะไรนะ เจ้าอยู่ในช่วงบรรลุขั้นแล้วหรือ” นี่เพิ่งจะผ่านมาแค่เท่าไหร่ หลานสาวที่เก่งราวกับปีศาจของเขาก็เก่งไปยิ่งกว่าเดิม เขาถูกเร้าจากเรื่องภายนอกมากเกินไปจริงๆ เดิมคิดว่าพลังบำเพ็ญเพียรของตัวเองใช้ได้ไม่เลว แต่กลายเป็นว่าหลานที่เก่งจนเกินไปของเขาไม่เป็นเพียงเป็นแค่ความภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นของเขาด้วย

“เจ้าค่ะ การเดินทางในครั้งนี้ได้อะไรกลับมาไม่น้อยเลย” หลิวหลีเล่าว่าถึงแม้ระหว่างการเดินทางจะมีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจ แต่นางยังคงพอใจกับผลลัพธ์ที่นางได้มา พิชิตเพลิงอัคคีอันดับ 6 ในการจัดอันดับเพลิงอัคคี ทำให้พลังบำเพ็ญเพียรบรรลุเข้าสู่ช่วงชำระล้าง

“ของที่ดีที่สุดคงไม่ได้ถูกเจ้าได้ไปใช่หรือไม่ ได้ยินมาว่าการจัดอันดับผู้ถูกเลือกในตอนสุดท้ายจะมีหม้อสามขาเทียนสิงปรากฏขึ้น ในนั้นมีแต่ของดีๆทั้งนั้น” หลงเหวินเซวียนคิดได้เพียงเท่านี้

“มีถุงเก็บของนั้นอยู่ในนั้น แต่ข้ายังไม่ได้ดู หม้อสามขาเทียนสิงที่ท่านพูดถึงนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไรนัก” เมื่อนึกถึงหม้อสามขาเทียนสิงที่ใจแคบแถมเจ้าคิดเจ้าแค้น หลิวหลีกก็เบะปาก

“ไม่ได้ดูหรือ” หลงเหวินเซวียนพึมพำ ความหมายคือนางได้อะไรมา นางยังไม่ได้ตรวจสอบดู พลังบำเพ็ญเพียรที่ได้มานี้ได้มาจากที่อื่น เพราะฉะนั้นหลานสาวของเขาไม่เพียงแต่จะได้อันดับหนึ่งเท่านั้น รางวัลที่ได้ก็ไม่มีใครเทียบเท่านาง สวรรค์ช่างเมตตานังหนูมากจริง ๆ

“นังหนูเอ้ย ในเมื่อเจ้าไม่อยากทำ ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า” หลงเหวินเซวียนเองก็คิดได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรายงานทุกเรื่องให้บรรพบุรุษรู้ พวกเขาเองก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา ใช่แล้ว ท่านตา เสี่ยวเสี่ยวพาหญิงสาวมาด้วยคนหนึ่ง อสูรเทพนกยูงต้องรับรองนางให้ดี” หลิวหลีนึกถึงอสูรเทพที่เรียกนางว่าต้นแบบ น่ารักดีทีเดียว

“เรื่องนั้นยังจะต้องให้เจ้าพูดที่ไหน ตาจัดการให้เรียบร้อยแล้ว” หลงเหวินเซวียนกลอกตา นังหนูไม่ไว้ใจเขาหรือ

“ใช่ที่ไหนกัน ท่านตาของข้าสุดยอดที่สุด” หลิวหลีรีบเอาอกเอาใจ เอาใจเสียจนหลงเหวินเซวียนทนทำหน้านิ่งต่อไปไม่ได้

“พอได้แล้วนังหนู อย่ามาปากหวานกับตาเลย ตาจะลอยอยู่แล้ว” หลานคนนี้ ปากหวานจริงๆ เหมือนแม่ของนางไม่มีผิด ยังดีที่นังหนูสองคนค่อนข้างเหมือนแม่ หากพูดจาไม่เก่งเหมือนพ่อขึ้นมา เรื่องการแต่งงานในอนาคตก็น่าเป็นห่วงทีเดียว

“เอาล่ะ ท่านตา ได้เห็นท่านแข็งแรงดี ข้าต้องขอตัวก่อน คงไม่รอเจอพวกท่านลุงแล่วล่ะ ข้าคิดว่าอาจารย์ของข้าน่าจะออกฌานแล้วรู้ข่าวเรียบร้อย ข้าควรต้องไปพบเขา อย่างไรเสียในตอนนั้นอาจารย์ปรุงยาให้ท่านแม่ ถึงได้ต้องเข้าฌานฟื้นฟูลมปราณ อีกอย่างข้าอยากไปบอกเขาว่า ลูกศิษย์เขาเป็นนักปรุงยาระดับ 8 แล้ว อาจารย์จะได้ภูมิใจ” เฮ้อ ตอนนั้นนางมั่นใจอะไรถึงได้ไปสอบวัดระดับนักปรุงยา อีกทั้งยังเป็นแค่นักปรุงยาระดับ 6 เท่านั้น ตอนนี้อยู่ในระดับ 8 แล้ว ช่างเปลี่ยนไปเร็วจริง ๆ

“ก็จริง มอบของสิ่งนี้ให้อาจารย์เจ้า อย่างไรเสียอาจารย์ก็เป็นคนช่วยแม่เจ้า ตากับลุงคงต้องแสดงน้ำใจอะไรบ้าง แล้วยังต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์เสวียนหั่วที่รับเจ้าเป็นศิษย์ อบรมสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดี” หลงเหวินเซวียนหยิบถุงเก็บของใบหนึ่งส่งให้นาง พร้อมกำชับให้นางมอบให้กับเสวียนหั่ว

ในที่สุดหลิวหลีก็รู้ต้นตอสาเหตุว่าทำไมนางถึงชอบให้ถุงเก็บของกับผู้อื่น ดูสิ ท่านตาของนางก็เป็นเช่นนี้ หลิวหลีรับถุงเก็บของมาด้วยความยินดี และไม่อิดออดแม้แต่น้อย

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านตา ข้าขอตัวก่อน พวกท่านลุงข้าฝากท่านตาด้วย” หลิวหลีพูดจบก็หายตัวไปราวเป็นเงา สามพี่น้องบ้านสกุลหลงผลักประตูเข้ามาพอดี

“ท่านพ่อ ได้ยินว่าหลิวหลีกลับมาแล้ว นังหนูอยู่ที่ใด” หลงจิ่งหนานเสียงดัง ตัวคนยังไม่ทันมาถึง แต่เสียงมาถึงก่อนตัวเสียอีก

“พวกเจ้ามาช้าไป นังหนูไปแล้ว” นังหนูไปเร็วจริง ๆ

“เจ้าเด็กนี่ ยังไม่เจอลุงก็ไปแล้ว น่าตีจริง ๆ” หลงจิ่งหลินกล่าว

“พอเลยพอ พวกเจ้าสามคนร่วมมือกันบวกพ่อเข้าไปอีกคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนังหนูเลย เลิกคุยโม้ได้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าเจอนังหนู ต้องเรียกนางว่าท่านปรมาจารย์แล้ว” หลงเหวินเซวียนพูดพลางมองลูกชายทั้งสามอย่างมีเลศนัย

“ท่านพ่อ นี่ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่” หลงจิ่งอู๋มือกระตุกน้อยๆ จะเป็นไปได้อย่างไร นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไหร่เอง

“พ่อเจ้าเป็นคนพูดจาเลอะเทอะหรือ” หลงเหวินเซวียนมองลูกชายทั้งสามคน

“อะไรนะ นังหนูอยู่ในช่วงชำระล้างแล้วหรือ” หลงจิ่งหนานโวยวายเสียงดัง

“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นไอ้ลูกชาย ในฐานะที่เป็นลุงของนาง ทั้งสามคนละอายใจบ้างหรือไม่ ถูกหลานสาวของตัวเองนำหน้าไปเป็นหมื่นลี้แล้ว” ตัวเขาเองก็เช่นกัน

“ท่านพ่อ นังหนูก้าวหน้าเร็วเกินไปหน่อยไหม อีกอย่างว่ากันว่าคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณไม่ได้ฝึกกันง่ายๆไม่ใช่หรือ เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึงแค่เพลิงอัคคีเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ใช่ของที่เก็บได้ตามข้างทาง นังหนูจะบรรลุช่วงได้จำเป็นจะต้องใช้เพลิงอัคคี อีกทั้งต้องเป็นเพลิงอัคคีที่มีธาตุแตกต่างกันออกไป ทำให้ยิ่งยากเข้าไปอีก ทำไมพอมาอยู่บนตัวนังหนูแล้วง่ายเหมือนกินข้าวดื่มน้ำเลยล่ะ” หลงจิ่งหลินกล่าว

“ถามข้าแล้วจะให้ข้าไปถามใคร ข้าคิดว่านังหนูน่าจะเป็นบุคคลที่สวรรค์เมตตาเป็นพิเศษ เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการสูง น่าจะแตกต่างจากคนอื่น” พวกเขาต่างเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป

“ท่านพ่อ ยังจำคำทำนายของหลิวหลีได้หรือไม่” อยู่ๆหลงจิ่งหลินก็ถามขึ้น

“แน่นอนสิ ชะตาแห่งราชา” ผู้สูงส่งที่สุดในโลกหล้า

“เจ้าสาม เจ้าคิดจะพูดอะไร” หลงจิ่งอู๋รู้สึกว่าน้องชายตัวเองเหมือนคาดเดาอะไรบางอย่าง

“ท่านพ่อ ท่านพี่ ข้ามีการคาดเดาบางอย่าง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าหอเทียนจีเก๋อมีเรื่องปิดบังทุกคน แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ครั้งที่แล้วที่ข้าไปตรวจดวงชะตาให้หลิวหลี หอเทียนจีเก๋อปิติยินดีเป็นอย่างมาก ชะตาแห่งราชามีความพิเศษต่างจากคนทั่วไป ข้าสงสัยว่าอาจจะมีสงครามใหญ่เกิดขึ้น” หลงจิ่งหลินถอนหายใจแล้วพูดการคาดเดาของตัวเอง

“เจ้าสาม เจ้าบอกว่าจะเกิดสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรมขึ้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร ยังอยู่ในช่วงของพันธะสัญญาอยู่นี่นา” หลงเหวินเซวียนตกใจกับการคาดเดานี้ หากว่าเป็นเรื่องจริงก็คงจะไม่ดีแล้ว

…………………………………