ณ บ้านสกุลฮัว สองพี่น้องฮัวจิงเฟยและฮัวจิงหงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ฮัวเชียนหนิวตบหลานทั้งสองคน ทำเอาฮัวจิงเฟยใบหน้าบูดเบี้ยวอย่างประหลาด ส่วนฮัวจิงหงหน้าค้างแข็ง ที่อยู่ๆท่านลุงก็ดูใจดีขึ้นมาทำให้พวกเขารู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินนัก
“ท่านลุง เบาหน่อยๆ ข้ากลับมาจากศึกการจัดอันดับผู้ถูกเลือกอย่างปลอดภัย แต่ถ้าต้องมาบาดเจ็บเพราะท่านคงไม่ดีนัก” ฮัวจิงเฟยรู้สึกทนไม่ไหว จึงแกะมือฮัวเชียนหนิวออก ท่านลุง หากไม่เห็นร่องรอยยินดีในดวงตาของท่าน ข้าคงนึกว่าท่านไม่ชอบหลายชายคนนี้แล้ว
“เจ้าเด็กนี่ ดูสิ จิงหงยังไม่พูดอะไรเลย เห็นจะมีแต่เจ้าที่ไม่เอาไหน” ฮัวเชียนหนิวหัวเราะแล้วด่า
“ใช่ ข้ามันคนไม่เอาไหน ถ้าเช่นนั้นคนไม่เอาไหนอย่างข้าจะกลับไปได้หรือยัง” ฮัวจิงเฟยพูดตามน้ำไป
“ไม่ได้ จิงเฟย จิงหง อันดับของเจ้าเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้สกุลฮัวเรา ข้าจะเปิดศาลบรรพชน บอกบรรพบุรุษว่าอนาคตสกุลฮัวมีคนดูแลแล้ว” ในที่สุดฮัวเชียนหนิวก็ได้เข้าเรื่องเสียที
“ท่านลุงเราต้องทำแบบนี้ด้วยหรือ” พวกเขาไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรก ไม่นับว่าเป็นหน้าเป็นตาแก่วงศ์ตระกูลเท่าไหร่นัก
“จำเป็นต้องทำ จำเป็นมาก พวกเจ้าต่างก็มีความสามารถที่โดดเด่น” ฮัวเชียนหนิวพอใจในตัวหลานชายสองคนนี้มาก
“แต่พวกเราไม่ได้อยู่ในสิบอันดับแรก” ฮัวจิงเฟยเกาหัวตนเองแกรกๆ
“เฮ้อ หากข้าเอาพวกเจ้าไปเปรียบกับหลิวหลีคนวิปริตเช่นนั้น คงลำบากพวกเจ้ามากเกินไป อย่างนั้นลุงก็คงจะเกินไปหน่อย” ฮัวเชียนหนิวถอนหายใจ เขาย่อมหวังให้ลูกศิษย์สกุลฮัวอยู่ใน 10 อันดับแรก แต่มีมารขวางอยู่ หากเขาทู่ซี้มากเกินไป หลานชายทั้งสองของเขาอาจต้องจบชีวิตลงเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาก็ได้
“ท่านลุงใหญ่ ท่านเข้าใจพวกเราก็ดีแล้ว พวกเราจะได้สบายใจ” ฮัวจิงเฟยพยักหน้า ท่านลุง พวกเราเป็นคนปกติ ไม่ใช่พวกปีศาจแล้วยิ่งไม่ใช่พวกวิปริตด้วย
“เจ้าเด็กนี่ มีรายชื่ออยู่ในการจัดอันแล้ว ยังทำตัวกะล่อนแบบนี้อยู่ได้ ทำไมไม่ดูจิงหงบ้าง ทำตัวนิ่งๆหน่อยได้หรือไม่” ฮัวเชียนหนิวพอใจในตัวฮัวจิงเฟยทุกกระเบียดนิ้ว เห็นจะมีแต่เรื่องการพูดจาเล่นลิ้นที่เขาทนไม่ไหว
“ข้าไม่ต้องรับภาระหน้าที่ผู้นำสกุลสักหน่อย จะสงบนิ่งไปทำไมกัน” ฮัวจิงเฟยไม่แยแส โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดว่าเขาจะไม่รับหน้าที่เป็นผู้นำสกุล ฮัวจิงหงที่อยู่ข้างตัวสั่นน้อยๆ
“ใช่ ถึงแม้เจ้าอยากจะเป็น แต่ข้าก็ไม่มีวันยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” นิสัยเช่นนี้ของเด็กคนนี้ สกุลฮัวต้องพังลงด้วยน้ำมือเขาแน่
“ดังนั้นท่านลุง ท่านนี่ปัญญาเฉียบคมจริงๆ” ฮัวจิงเฟยพดประจบฮัวเชียนหนิว
“ถือว่าเจ้ายังรู้ความ เอาล่ะ รีบไหว้บรรพบุรุษ แล้วเล่าให้ลุงฟังหน่อยว่าไปเจออะไรกันมาบ้าง” ฮัวเชียนหนิวเร่งรัดหลานสองคน
หนานกงเวิ่นเทียนเพิ่งจะถึงประตูบ้าน กลับพบว่าคนที่เฝ้าประตูอยู่คือ
“ท่านพ่อ ทำไมท่านมาเฝ้าประตูได้” ศิษย์ในบ้านไปไหนกันหมด ทำไมถึงให้พ่อของเขามาเฝ้าประตู หนานกงเวิ่นเทียนไม่พอใจ ชักสีหน้าขึ้น
“เวิ่นเทียน เจ้ากลับมาแล้วหรือ ดีเหลือเกิน พ่อแย่งทำงานนี้เอง อยากให้เจ้ากลับมาเห็นพ่อเป็นคนแรก เดิมแม่ของเจ้าก็อยากจะมาเช่นกัน แต่ถูกลุงของเจ้าไล่ให้กลับ เขายอมปล่อยให้พ่ออยู่ที่นี่ได้ แต่จะยอมให้ท่านแม่ของเจ้าทำด้วยได้อย่างไร หรือไม่อย่างนั้นใครก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ทั้งนั้น สุดท้ายแม่เจ้าจึงต้องจำยอมกลับไปรอฟังข่าวของเจ้า” หนานกงชางอวี้มองลูกชายที่มากความสามารถก็ภาคภูมิใจอย่างมาก ลูกชายของเขาเป็นผู้ถูกเลือกใน 3 อันดับแรกเชียวนะ
“ท่านกับท่านแม่เหลวไหลจริงๆ คิดไม่ถึงว่าท่านลุงจะยอมให้พวกท่านทำเช่นนี้?” ลุงของเขาเป็นคนหน้าบางขนาดนี้ ทำไมถึงได้ยอมให้ท่านพ่อท่านแม่เหลวไหลเช่นนี้
“เพราะเจ้านั่นแหละ ตั้งแต่เจ้าได้เป็นผู้ถูกเลือกในสามอันดับแรก รอยย่นบนหน้าลุงเจ้าหายไปหลายเส้นเลย” พี่ชายของเขาไม่ยอมได้อย่างไร ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ลูกชายของเขาเป็นหน้าเป็นตาให้สกุลหนานกงมาตลอด ตอนนี้ใครพบเขาก็ต้องนอบน้อม เขามีลูกชายที่เป็นสามอันดับแรกของผู้ถูกเลือกเชียวนะ อีกทั้งว่าที่ลูกสะใภ้ยังเป็นถึงผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรจะปฏิบัติต่อพวกเขาสองสามีภรรยาอย่างไรก็คงจะต้องคิดหน้าคิดหลัง นี่ก็คือการประสบความสำเร็จเพียงแค่คนเดียวแต่ได้หน้าทั้งบ้าน
“เข้าไปกันเถอะ ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว ท่านพ่อควรจะเลิกหน้าที่เฝ้าประตูนี่ได้แล้ว” พ่อของเขาขี้เล่นจริงๆ
“นั่นมันอยู่แล้ว เจ้ากลับมาแล้ว ข้าจะเฝ้าประตูต่อไปทำไมกัน” หนานกงชางอวี้รีบพยักหน้าในทันที ลูกชายก็กลับมาแล้ว เขาจะทำต่อไปทำไม
“ข้าขอไปพบท่านลุงก่อน แล้วค่อยไปหาท่านแม่” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว หากไม่ไปพบท่านลุงคงจะไม่ดีนัก
“พ่อจะไปกับเจ้าด้วย”
หนานกงชางฉยงดื่มชารอน้องชายของตัวเองแจ้งข่าวว่าเวิ่นเทียนกลับมาแล้ว เขาเพิ่งดื่มชาได้แค่จิบเดียว ทำไมน้องชายของเขาถึงเลิกงานแล้ว แต่จากรอยยิ้มบนหน้าเขาคงไม่เป็นเช่นนั้น ช้าก่อนข้างเขานั่นเวิ่นเทียน
“เวิ่นเทียน เจ้ากลับมาแล้วหรือ ดีๆเจ้าเป็นหน้าเป็นตาให้สกุลหนานกงเรา ข้าไม่ได้ดูเจ้าผิดไปจริงๆ” หนานกงชางฉยงพูดพลางตบบ่าหนานกงเวิ่นเทียน แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ท่านลุง ข้ากลับมาแล้ว”
“ดี กลับมาก็ดีแล้ว เจ้ากลับไปหาแม่เจ้าเถอะ ไม่เช่นนั้นแม่ของเจ้าคงจะมาถล่มที่นี่แน่ พรุ่งนี้เรามาเปิดศาลบรรพชนกราบไหว้บรรพบุรุษกัน” หนานกงชางฉยงนึกถึงน้องสะใภ้ของตัวเองที่ไม่ยอมฟังเหตุผลใดทั้งสิ้น ก็ยกมือขึ้นลูบหน้าผากที่แห้งผากอย่างอดไม่ได้ ดีที่เวิ่นเทียนไม่ได้รับส่วนนี้ของน้องสะใภ้มา
“ขอบคุณท่านลุงมากขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ณ บ้านสกุลหลง หลงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ผู้ดูแลประตูก็ทำท่าทางราวกับเจอผี รีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วปานสายลม
“ผู้นำสกุลขอรับ คุณหนูเสี่ยวเสี่ยวกลับมาแล้วครับ”
หลงเหวินเซวียนที่กำลังคุยธุระอยู่กับหลงเหวินชิง ก็ต้องตกใจกับเสียงตะโกนที่ไม่รู้จักกาลเทศะของผู้ดูแลประตู
“เจ้าเด็กนี่ ทำท่าทางเช่นนี้ประเดี๋ยวต้องไปรับโทษโบย 10 ครั้งที่เรือนควบคุมตน ไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ” หลงเหวินเซวียนด่าและหัวเราะ นี่กลับมาแล้วหรืออย่างไร
“พอเถอะ พี่สาม เห็นแก่หน้าน้องสักครั้งได้หรือไม่ อย่างไรเสียหลานสาวของข้าก็กลับมาแล้ว” หลงเหวินชิงห้ามปราม เขาย่อมมองออกว่าพี่ชายของตัวเองไม่ได้โมโหจริง ๆ
“ก็ได้ ข้าเชื่อผู้อาวุโสเจ็ด ไม่ลงโทษเจ้าแล้วกัน” หลงเหวินเซวียนก็ทำตามคำน้องชาย
“ขอบคุณขอรับท่านผู้นำสกุล คุณหนูเสี่ยวเสี่ยว กลับมาพร้อมกับหญิงแปลกหน้าผู้หนึ่ง” ศิษย์ผู้ประตูก็พบว่าตนเองเสียมารยาทเกินไป
“ท่านตาสาม ท่านตา ข้ากลับมาแล้ว ว่าแต่ทำไมผู้ดูแลประตูพอเห็นข้าแล้วก็ต้องวิ่งหนี ข้าหน้าตาน่าเกลียดขึ้นหรือ” หลงเสี่ยวเสี่ยวสับสน แล้วจึงเดินเข้ามา แล้วจึงพบว่าท่านตาสามผู้นำสกุลกับท่านตาของตัวเองก็อยู่ด้วย
“ดีมาก เสี่ยวเสี่ยว มาให้ตาดูหน่อย เจ้ายังสวยเหมือนแต่ก่อนเลย” หลงเหวินชิงจับไปตัวหลานสาวด้วยมือที่สั่นระริก นังหนูของเขาทำเพื่อพวกเขาจริงๆ ตอนนี้คงไม่มีใครกล้าพูดเรื่องไม่ดีของจิ่งหลิงอีก การจัดอันดับผู้ถูกเลือกมีเพียงแค่หลานสาวของเขากับพี่สามเท่านั้นที่ได้อันดับกลับมา คนหนึ่งคือเสี่ยวเสี่ยวที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ได้อันดับที่ 70 อีกคนคือหลิวหลีที่อายุยังไม่ถึงร้อยปี ก็ได้เป็นผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่ง
“ท่านตาก็ชมข้าอยู่เรื่อยเลย” เสี่ยวเสี่ยวเห็นท่านตา ก็ดีใจ มีคนรักนี่ดีจริงๆ
“ตาของเจ้าพูดความจริง ให้ท่านตาสามเป็นพยานให้เลย” หลงเหวินเซวียนก็ผสมโรง ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆผู้นั้นดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์
“ท่านตาสาม ท่านก็ร้ายไม่แพ้กัน” หลงเสี่ยวเสี่ยวกระทืบเท้างอแง ท่าทางเหมือนเด็กเล็กเช่นนี้ ดูไม่ออกเลยว่านังหนูผู้นี้คือผู้ที่ได้อันดับในการจัดอันดับผู้ถูกเลือก
“เอาล่ะ พี่สาม อย่าไปแกล้งนังหนูมันเลย ใช่แล้ว ท่านนี้คือ” หลงเหวินชิงมองดูหญิงสาวที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ข้างหลังนังหนู บนตัวมีพลังที่แข็งแกร่งไม่เบา มีพลังที่สูงกว่านังหนูไม่รู้ตั้งเท่าไร ทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันได้
“ผู้น้อยชิงหลวน คารวะท่านผู้อาวุโส” ชิงหลวนเข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติของมนุษย์ขึ้นมาเล็กน้อย
“ท่านตาสาม ท่านตา นี่คือพี่ชิงหลวน เป็นแขกของข้ากับท่านพี่” เสี่ยวเสี่ยวตีหัวตัวเองเบาๆ นางลืมไปเลย มัวแต่ดีใจที่ได้เจอครอบครัว จนลืมแนะนำชิงหลวน
“ชิงหลวน อสูรเทพนกยูง” หลงเหวินเซวียนกล่าว ที่แท้ก็เป็นอสูร มิน่าล่ะ…
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นแขกของนังหนูทั้งสอง บ้านสกุลหลงจะต้อนรับเจ้าเป็นอย่างดี หากขาดตกบกพร่องไปตรงไหนต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า” พวกนิสัยที่ออกนอกบ้านแล้วพาอสูรกลับมาด้วย คงต้องเปลี่ยนเสียแล้ว
“รบกวนทุกท่านด้วย” ชิงหลวนมีสัมมาคารวะอย่างยิ่ง
“ท่านตาสาม ท่านตา พวกท่านจะดูถูกพี่ชิงหลวนไม่ได้นะเจ้าคะ นางเป็นถึงผู้ถูกเลือกอันดับที่ 16 ด้อยกว่าพี่จิงเฟยจากสกุลฮัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เสี่ยวเสี่ยวแนะนำอย่างภูมิใจ
“อย่างนี้นี่เอง ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะนะ เสี่ยวเสี่ยว นี่คือแขกของเจ้า พี่สาวไม่อยู่ เจ้าต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านให้ดี” หลงเหวินเซวียนกล่าว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ในเมื่อเป็นแขกของนังหนูทั้งสอง พวกเขาแค่ต้องต้อนรับขับสู้ให้ดีก็พอ จะทำให้นังหนูทั้งสองเสียหน้าไม่ได้
“เสี่ยวเสี่ยว ทำไมต้องเรียกท่านตาสามก่อน แล้วเรียกตาต่อทีหลัง” หลงเหวินชิงแกล้งทำหน้าบึ้งตึง หลงเหวินเซวียนไม่ทันได้สังเกต เมื่อได้ยินเจ้าเจ็ดพูดขึ้นมาเขาถึงได้พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“เพราะท่านตาสามเป็นผู้นำสกุล เรื่องน้อยใหญ่ภายในบ้านต้องรายงานให้ท่านตาสามได้รับรู้” เสี่ยวเสี่ยวตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล หลงเหวินชิงพูดไม่ออกหลานสาวของเขาพูดจามีเหตุผล เขาไม่รู้จะเถียงนางอย่างไรเลยจริง ๆ
“เอาล่ะ นังหนู เจ้ากับชิงหลวนก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนกับตาของเจ้าเถอะ ตาสามจะเตรียมเปิดศาลบรรพชน เพื่อรายงานเรื่องที่น่ายินดีนี้ให้แก่บรรพบุรุษ”
“ท่านตาสามจะไม่รอพี่หลิวหลีก่อนงั้นหรือ” ตำแหน่งอันดับหนึ่งของพี่สาว หากบอกบรรพบุรุษให้รับรู้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจไม่น้อย นางได้แค่อันดับที่ 70 คงจะยังไม่เท่าไรนัก
“เจ้าสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลเรา ข้าต้องรายงานให้บรรพบุรุษได้รับรู้ว่าต่อไปภายหน้าสกุลหลงเราจะรุ่งโรจน์เพียงใด เจ้าก็คือเจ้า พี่สาวเจ้าก็คือพี่สาวเจ้า ต้องรายงานทั้งคู่นั่นแหละ” หลงเหวินเซวียนพูดพลางลูบหัวหลงเสี่ยวเสี่ยว
“ขอบคุณท่านตาสาม ขอบคุณท่านตาสามที่ให้บ้านสกุลหลงรับข้าไว้” เสี่ยวเสี่ยวยังนึกว่าตัวเองเป็นเพียงตัวแถม นึกไม่ถึงว่าตนก็เป็นตัวเอกเช่นกัน การที่นางได้กลับมาบ้านสกุลหลง ช่างน่ายินดีจริง ๆ
“เอาล่ะ นังหนู เลิกซาบซึ้งได้แล้ว รีบกลับไปดูแลเพื่อนเจ้าให้ดี แล้วไปดูแม่ของเจ้าด้วย” นังหนูทำให้คนแก่อย่างเขารู้สึกเจ็บปวดใจ
……………………………