เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบมากมายเท่าไร ทางด้านหนานกงเยี่ยโมโหเป็นอย่างมาก เขาคว้าข้อมือของไซ่หย่าเซวียนอย่างแรง เพิ่มแรงอีกนิดก็หักข้อมือของเธอได้แล้ว
ไซ่หย่าเซวียนเจ็บจนเม้มกัดฟันแน่น น้ำตาคลอเบ้า “ฉู่หนิงซยา ต่อให้วันนี้พวกเธอฆ่าฉัน ก็เปลี่ยนแปลงเรื่องเลวๆ ที่เธอทำไม่ได้ พี่ชายของฉันดีกับเธอขนาดนี้ เธอกลับหักหลังเขา เขาบินมาฉลองเทศกาลตรุษจีนกับเธอ แต่กลับเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น เธอรู้ไหมว่าพี่ตี้จวิ้นเสียใจมากแค่ไหน เขาบินกลับประเทศเอ้าตูในคืนนั้นทันที”
“คุณหนานกงเยี่ย คุณปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” เหลิ่งรั่วปิงบอกหนานกงเยี่ยเสียงเบาให้ปล่อยไซ่หย่าเซวียน ไซ่หย่าเซวียนไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เธอไม่ผิดที่วิ่งมาด่าตน
หนานกงเยี่ยไม่ทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว ขณะที่เขากำลังจะปล่อยไซ่หย่าเซวียน แต่ไซ่หย่าเซวียนกลับเอาแต่ด่าไม่หยุด “ฉู่หนิงซยา เพื่อเงินเธอถึงกับยอมทำตัวต่ำๆ แบบนี้เหรอ พี่ชายฉันรักและทะนุถนอมเธอเหมือนไข่ในหิน ยินดีที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เธอกลับไม่เห็นคุณค่า ยอมที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณชายหนานกง แค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเธอคิดว่าจะได้ใจไปนานเท่าไร”
หนานกงเยี่ยโมโหมาก เขาเพิ่มแรงกดมากยิ่งขึ้น ไซ่หย่าเซวียนเจ็บจนร้องตะโกน
“คุณหนานกงเยี่ย ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!” เหลิ่งรั่วปิงรีบแกะมือของหนานกงเยี่ย แต่หนานกงเยี่ยกลับไม่ผ่อนแรงแม้แต่น้อย เขามองไซ่หย่าเซวียนด้วยแววตารังเกียจ “รู้ตัวไหม พวกเธอสองคนพี่น้องมันน่ารังเกียจมาก?”
เวลานี้ หนานกงเยี่ยอยากจะทำให้ไซ่หย่าเซวียนพิการมากจริงๆ เขาไม่รู้สึกดีกับคนตระกูลไซ่แม้แต่น้อย ไซ่ตี้จวิ้นกระตุกหนวดเสือของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังกล้าเพ้อฝันถึงผู้หญิงของเขา ส่วนไซ่หย่าเซวียน เธอมันเป็นตัวอะไร ถึงได้กล้าด่าผู้หญิงของเขา สองพี่น้องนี้น่ารังเกียจจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เหลิ่งรั่วปิง เขาต้องกำจัดสองพี่น้องทิ้งจนสิ้นซากอย่างแน่นอน
ทุกคนเอาแต่พูดว่าหนานกงเยี่ยเหี้ยมโหด ความเป็นจริงก็เป็นไปตามที่เขาว่ากัน คนที่กล้ากระตุกหนวดเสือของเขา ถ้าไม่ตายก็ตายทั้งเป็น ความอดทนที่เขามีต่อสองพี่น้องตระกูลไซ่มันถึงขีดจำกัดแล้ว ขอเพียงไซ่หย่าเซวียนกล้าพูดอีกแค่คำเดียว เหลิ่งรั่วปิงก็ขัดขวางความโมโหของเขาไม่ได้
“หนานกง หนานกง ออมมือหน่อย !” อวี้ไป่หันรีบวิ่งลงมาจากรถด้วยความกระวนกระวาย เขาอ้อนวอนขอร้องหนานกงเยี่ย เขารู้จักนิสัยของหนานกงเยี่ยเป็นอย่างดี จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
อวี้ไป่หันได้รับรายงานจากพนักงาน บอกว่าหนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงมาชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าอวี้หวา ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบมาทันที อยากจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเหลิ่งรั่วปิง แต่ใครจะไปรู้พอมาถึงก็เห็นหนานกงเยี่ยกำลังระเบิดอารมณ์กับไซ่หย่าเซวียน
ไซ่หย่าเซวียนในตอนนี้เจ็บจนเหงื่อแตก ใบหน้าของเธอซีดขาว หนานกงเยี่ยควบคุมแรงของตนได้ดีมาก เขาทำให้เธอรู้สึกเจ็บเจียนตาย แต่ก็ไม่ได้หักข้อมือของเธอ เขารู้ ถ้าเขาหักข้อมือของไซ่หย่าเซวียนจริงๆ เหลิ่งรั่วปิงต้องโมโหอย่างแน่นอน วันนี้เป็นวันตรุษจีน เขาไม่อยากทำให้เธออารมณ์เสีย
“คุณหนานกงเยี่ย คุณรีบปล่อยเดี๋ยวนี้” เหลิ่งรั่วปิงตบมือของหนานกงเยี่ยด้วยความกังวล
หนานกงเยี่ยชำเลืองมองเหลิ่งรั่วปิง แล้วสะบัดข้อมือไซ่หย่าเซวียนทิ้งด้วยความรังเกียจ จากนั้นคว้ามือเหลิ่งรั่วปิงเดินไปที่รถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากไซ่หย่าเซวียนถูกสะบัดมือทิ้ง เธอยืนเซไปมา เกือบจะล้มลง อวี้ไป่หันรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ “เป็นยังไงบ้างครับ มือของคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ผมขอดูหน่อย”
ข้อมือของไซ่หย่าเซวียนแดงก่ำราวกับแคร์รอต อวี้ไป่หันช้อนตัวเธอขึ้นมาด้วยความปวดใจ พาเธอไปนั่งในรถของตน หยิบกล่องยาขนาดเล็กออกมาแล้วทายาให้เธอ “คุณอะ ทำไมถึงไม่เจียมตัวสักนิด ในเมืองหลงแห่งนี้ มีใครกล้าหาเรื่องหนานกงเยี่ยบ้าง คุณกลับวิ่งไปอาละวาดกับเขา ต่อให้เขาฆ่าคน ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา”
ไซ่หย่าเซวียนเช็ดน้ำตาด้วยความไม่พอใจ “ฉันโมโหนี่คะ ฉู่หนิงซยามีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับพี่ชายของฉัน”
อวี้ไป่หันถอนหายใจ “เรื่องบางเรื่องคุณไม่เข้าใจ อย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า” ถอนหายใจอีกครั้ง “พูดไปพูดมา ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะผมตัดสินใจโดยไม่รู้จักคิด ก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้แล้ว”
ไซ่หย่าเซวียนเบิกตากว้าง “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคุณคะ”
“วันข้างหน้าคุณจะรู้เอง” อวี้ไป่หันเก็บขวดยาเข้าไปในกล่องยา แล้วหยิบผ้าก๊อซออกมา “ไม่มีใครฉลองตรุษจีนกับคุณใช่ไหม ถ้างั้นฉลองกับผมไหมครับ”
ไซ่หย่าเซวียนลังเลเล็กน้อย “ฉันได้ยินว่า…คุณเป็นคาสโนว่า”
“ฮ่าๆๆ…” อวี้ไป่หันหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นคุณได้ยินไหมครับว่า ผมกลับตัวเป็นคนดีมานานแล้ว ตั้งแต่เจอคุณ ผมก็ไม่ไปหาผู้หญิงคนไหนอีก” พันข้อมือไซ่หย่าเซวียนด้วยความอ่อนโยน “คุณไซ่หย่าเซวียนครับ คุณคือรักแรกพบของผม”
ไซ่หย่าเซวียนเม้มริมฝีปากชมพูระเรื่อราวกับกลีบดอกไม้ของเธอ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ตลอดยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายมาสารภาพรักกับเธอ เธอทำตัวไม่ถูก ชีวิตของเธอตลอดยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมานี้เอาแต่วิ่งไล่ตามฉู่เทียนรุ่ย ถูกเขาปฏิเสธ เธอก็ตามจีบเขาใหม่ ถูกปฏิเสธอีกครั้ง ก็ตามจีบใหม่วนอยู่แบบนี้ วันข้ามวัน ปีข้ามปี
ขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ริมฝีปากร้อนระเรื่อ ถูกชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาจูบ
เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายจูบ ไซ่หย่าเซวียนตกใจจนหัวใจเต้นแรง ตัวของเธอสั่นเทา ที่แท้ความรู้สึกถูกจูบก็เป็นแบบนี้นี่เอง เธอวิ่งไล่ตามฉู่เทียนรุ่ยมานานหลายปี เขาไม่เคยจูบเธอมาก่อน ทุกครั้งตอนที่เธอพยายามหน้าด้านขโมยจูบเขา ฉู่เทียนรุ่ยมักจะรู้ตัวและหลบเลี่ยงด้วยความรังเกียจ เธอจึงเพียงแค่ได้หอมแก้มเขาเป็นบางครั้งเท่านั้น ทว่าเมื่อกี้อวี้ไป่หันจูบปากเธอ
จูบแรกเสียไปแบบนี้ ไซ่หย่าเซวียนรู้สึกเสียเปรียบเป็นอย่างมาก น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงมา พูดด้วยเสียงสะอื้น “อวี้ไป่หัน คุณรังแกฉัน!”
อวี้ไป่หันตกใจจนทำตัวไม่ถูก เขายื่นมือไปจะเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่ยื่นออกไปเพียงแค่ครึ่งหนึ่งก็ไม่กล้าเช็ดให้ กลัวว่าจะทำให้เธอไม่พอใจ และโกรธมากกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำตัวไม่ถูกเพราะเห็นน้ำตาของผู้หญิง “ครับๆๆ ผมผิดไปแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะครับ?”
เมื่อกี้เขาไม่อาจหักห้ามใจตนเองได้ เขาไม่คิดที่จะรังแกเธอแต่อย่างใด
ทว่ายิ่งปลอบไซ่หย่าเซวียนกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม “นั่นเป็นจูบแรกของฉัน! คุณมันสารเลว!” จูบแรกของเธอต้องเก็บเอาไว้ให้พี่เทียนรุ่ย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ไซ่หย่าเซวียนยื่นมือออกไปจะตีเขา แต่กลับถูกอวี้ไป่หันคว้ามือเอาไว้ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใช้มืออีกข้างหนึ่งตี มือข้างนี้คุณบาดเจ็บ”
ไซ่หย่าเซวียนเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เธอจึงยกมืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บตีแขนอวี้ไป่หัน ทว่าตัวของเขาแน่นมาก แข็งเหมือนกับกำแพง เธอทุบตีเขาอยู่นานแต่เขากลับไม่เจ็บไม่คัน ทว่าเธอกลับเจ็บจนกัดฟันกรอด
ไซ่หย่าเซวียนชักมือกลับด้วยความโมโห “ไม่ตีแล้ว!”
“ให้คุณกัดหนึ่งทีระบายความโกรธ อะ” อวี้ไป่หันยื่นมือของตนเองไปตรงหน้าไซ่หย่าเซวียน
ไซ่หย่าเซวียนไม่เกรงใจแม้แต่น้อย คว้าเอาไว้แล้วกัดอย่างแรง จนกระทั่งกลิ่นคาวของเลือดฟุ้งขึ้นมาเธอถึงมีสติ ค่อยๆ อ้าปากคายมือของเขา มองดูแขนของเขาที่มีรอยฟันและเลือด เธอหดหัวไหล่ด้วยความหวาดกลัว แววตาสีนิลราวกับหยก หันไปมองอวี้ไป่หัน
อวี้ไป่หันไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย เขายิ้มอ่อนโยน “หายโกรธแล้ว?”
ไซ่หย่าเซวียนหดหัวไหล่ด้วยความประหม่า แววตาของเธอหลบเลี่ยงเล็กน้อย “…อื้ม”
อวี้ไป่หันยิ้ม แล้วหันไปมองใบหน้าใสซื่อของหญิงสาว จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วถ่ายรูปแผลบนแขน พร้อมทั้งบันทึกด้วยท่าทีจริงจัง
“คุณทำอะไรคะ” ไซ่หย่าเซวียนเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก” อวี้ไป่หันยิ้มจนตาหยี ราวกับเพิ่งกินน้ำผึ้ง “รอวันครบรอบแต่งงานของเราในอนาคต จะได้เอาออกมาดู”
“นี่ คุณอวี้ไป่หัน คุณอย่าหลงตัวเอง ฉันบอกเมื่อไหร่คะว่าจะแต่งงานกับคุณ” ไซ่หย่าเซวียนเหยียดตัวนั่งตรงด้วยความโมโห ริมฝีปากบางทำปากเบ้ “หัวใจฉันมีเจ้าของแล้ว ฉันจะแต่งงานกับพี่เทียนรุ่ยเท่านั้น คุณอย่าเป็นหมาวัดเห่าเครื่องบินเลย!”
รอยยิ้มของอวี้ไป่หันนิ่งค้าง เขาหันกลับมาด้วยความเย็นยะเยือก “ฉู่เทียนรุ่ยมีอะไรดี ก็แค่คนทำหน้าปลอม จะไปมีอนาคตอะไร”
“ห้ามว่าพี่เทียนรุ่ยของฉัน พี่เทียนรุ่ยเป็นถึงด็อกเตอร์ ดีกว่าคุณชายจอมเจ้าชู้อย่างคุณเป็นร้อยเท่า” ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามว่าพี่เทียนรุ่ยของเธอ นี่เป็นความเคยชินตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาของไซ่หย่าเซวียน
อวี้ไป่หันปวดใจมาก เขาเม้มกัดฟันกรอดอยู่หลายครั้ง “ผมบอกแล้วไงครับ ตอนนี้ผมไม่ใช่คาสโนว่าแล้ว ผมกลับตัวเป็นคนดีแล้ว”
“แล้วยังไงคะ ถึงยังไงก็เปลี่ยนอดีตสกปรกๆ ของคุณไม่ได้!”
อวี้ไป่หันมองดูใบหน้าใสซื่อตรงหน้า ใบหน้าสวยๆ เคล้าไปด้วยความโกรธ เขาพูดไม่ออก เมื่อเทียบกันแล้ว เขาไม่คู่ควรกับเธอจริงๆ เธอยังมีจูบแรก แต่เขากลับแปดเปื้อนไปด้วยผู้หญิงนับไม่ถ้วน เธอบริสุทธิ์ราวกับหิมะบนท้องฟ้า ไร้ซึ่งสิ่งแปลกปลอม แต่เขากลับสกปรกราวกับดินโคลน เน่าเละไปหมด
แต่ความเห็นแก่ตัวของอวี้ไป่หันทำให้เขาไม่อยากปล่อยมือไปจากเธอ เขาต้องการเธอ ต้องการใช้ความบริสุทธิ์ของเธอมาชำระล้างความสกปรกของเขา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยปรารถนาที่จะมีชีวิตใสสะอาดภายใต้แสงอาทิตย์ ชีวิตตกต่ำในอดีต เพียงแค่คิดถึงมันเขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ ราวกับหมึกดำเปื้อนชามน้ำใส
เมื่อเห็นอวี้ไป่หันเงียบ ไซ่หย่าเซวียนรู้สึกผิดเล็กน้อย เธออยากจะหาคำพูดมาปลอบโยนเขา แต่เธอเพิ่งรู้สึกว่าตนเองไม่มีอะไรพูด ดังนั้น เธอเองก็เลือกที่จะเงียบ
หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง อวี้ไป่หันเอ่ยปาก “ดังนั้น ผมจึงต้องการคุณมาก” แววตาของเขาราวกับน้ำใสเลื่อนผ่านใบหน้าของเธอไป “ไซหย่าเซวียน ได้โปรดพาผมไปยังโลกที่ใสสะอาดของคุณ ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมองเธอด้วยแววตาลุ่มลึกแบบนี้มาก่อน ไซ่หย่าเซวียนทำตัวไม่ถูก รู้สึกเหมือนไฟกำลังแผดเผา “ฉัน…ฉันหิวแล้วค่ะ”
อวี้ไป่หันคลี่ยิ้ม เสียงของเขาอ่อนโยน นุ่มราวกับก้อนเมฆ “ครับ ผมพาคุณไปหาอะไรอร่อยๆ กิน”
*****
เดิมทีหนานกงเยี่ยอยากจะฉลองเทศกาลตรุษจีนกับเหลิ่งรั่วปิงอย่างมีความสุข ใครจะไปคิดว่าจะได้เจอกับไซ่หย่าเซวียน ถูกเธอทำลายบรรยากาศดีๆ ไปจนหมด หนานกงเยี่ยขับรถไปยังลานจอดรถของซุปเปอร์มาเก็ตหรู ใบหน้าของเขาตึงเครียด เงียบไม่พูดไม่จา
ในทางกลับกันเหลิ่งรั่วปิงไม่รู้สึกอะไร เธอรู้จักนิสัยของไซ่หย่าเซวียนเป็นอย่างดี การที่เธอต่อว่าตนเพื่อพี่ชายก็ไม่ได้มีอะไร “พอได้แล้วค่ะ ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเมื่อกี้แล้ว คุณบอกว่าจะซื้อของไปทำอาหารค่ำไม่ใช่เหรอคะ ลงจากรถกันเถอะ?”
สายตาแหลมคมของหนานกงเยี่ยจดจ้องมาที่เหลิ่งรั่วปิง “อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณใจกว้างกับไซ่หย่าเซวียนแบบนี้ หืม?”