ลู่ฝานกับอีกสามคน ทำความเข้าใจกับตัวอักษร คำว่า “อี” ง่ายๆ เพียงตัวเดียว ตลอดทั้งคืน

ลู่ฝานเอาสติของตัวเองลงไปในนั้นสิบกว่าครั้ง แต่ทุกครั้งที่เจอกับพลังใสนั่น สติของเขาจะโดนโจมตี จากนั้นก็สะดุ้งอย่างรุนแรง เหงื่อซกไปหมด

สภาพของหานเฟิง ฉู่สิง ฉู่เทียน ไม่ต่างกันเท่าไร ตอนลองติดต่อกันสิบกว่าครั้ง ฉู่สิงรับไม่ไหวเป็นคนแรก เหมือนเขาเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เหงื่อแตกจนตัวเปียกไปหมด จากนั้นหลับไปในห้องของลู่ฝาน

คนที่ฝืนไม่ไหวเป็นคนที่สอง คือฉู่เทียน ในตามีเส้นเลือดสีแดง หลังจากลองไปยี่สิบกว่าครั้ง ฉู่เทียนก็ล้มลงไป คนที่สู้จนถึงฟ้าสว่าง เหลือแค่ลู่ฝานกับหานเฟิง

สภาพของลู่ฝานยังดีหน่อย แต่หานเฟิงเริ่มด่าออกมาไม่หยุด เหมือนกับมีเพียงการทำแบบนี้ ถึงจะทำให้เขายืนหยัดต่อไปได้

ลองอีกสองสามชั่วยาม หานเฟิงลุกขึ้นยืน จับหัวตัวเอง แล้วพูดว่า “ฉันฝืนไม่ไหวแล้ว ศิษย์น้องลู่ฝานทำต่อไปเถอะ ฉันกลับไปพักผ่อนที่ห้องละ ให้ตายเถอะ ทำไมฉันปวดหัวขนาดนี้ ปวดจนจะตายแล้ว”

หานเฟิงเดินโงนเงนกลับห้อง แม้แต่ประตูห้องก็ไม่ปิด

ลู่ฝานสูดหายใจลึก เขาเริ่มปวดหัวนิดๆ เหมือนกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นทนไม่ไหว

แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาคงเหมือนพวกศิษย์พี่

พลังอันน่ากลัวนั้น ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เมื่อสติเข้าไปใกล้นิดหน่อย ก็จะโจมตีจนแตกสลาย ไม่ว่าจะลองสักกี่ครั้ง เกรงว่าผลคงเหมือนเดิม

ลู่ฝานหลับตาลง เคลื่อนไหวพลังฟ้าดิน เริ่มฟื้นฟูร่างกายตัวเอง

เขาไม่ได้สูญเสียปราณชี่ไปสักนิด แต่ร่างกายรู้สึกแย่จนน่าตกใจ ลู่ฝานไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สิ่งที่เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือ เคลื่อนไหวพลังฟ้าดินเข้าสู่ร่างกาย ปราณชี่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย

แสงแดดยามเช้าตรู่ ส่องเข้ามาในห้อง

อาจารย์เต้ากวง อาจารย์อี้ชิง เดินออกจากห้องแทบจะพร้อมกัน

สายตาของทั้งสองคนดีมากจนน่าตกใจ เห็นสภาพลู่ฝานในห้องจากไกลๆ เมื่อหันมา ก็เห็นหานเฟิงฟุบอยู่บนที่นอน

อาจารย์อี้ชิงหัวเราะ “อยากฝึกเพลงเต๋าหนึ่งเดียว ไม่ใช่เรื่องง่าย แค่เจอกับพลังวิญญาณสายเดียวที่เซียนบู๊หนึ่งเดียวทิ้งไว้ ไม่รู้ว่าอัจฉริยะยอมแพ้ไปตั้งเท่าไรแล้ว”

แม้พลังวิญญาณนั้นจะแข็งแกร่ง และเป็นอมตะ แต่ยังไงก็มีวิธีข้ามผ่านไปได้ เหมือนฉันกับนาย ทำความเข้าใจวิชาจิตควบคุมพลังปราณ ใช้ทักษะเอาชนะพลัง

อาจารย์อี้ชิงพยักหน้า “ใช่ แต่ทำเช่นนี้ ก็ไม่สามารถฝึกเพลงเต๋าหนึ่งเดียว ถึงจุดสูงสุดได้ ไม่รู้เมื่อไร จะมีอัจฉริยะที่สามารถทำความเข้าใจการเปลี่ยนพลังปราณเป็นพลังวิญญาณออกมาจริงๆ สักคน เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างของคณะหนึ่งเดียว จะได้ถ่ายทอดอย่างแท้จริงสักที”

“ยาก พลังวิญญาณ เป็นเซียนบู๊หนึ่งเดียวสร้างออกมาหลังจากเขาได้เป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้า จากความสามารถขุนพลังสุดเหนือฟ้าของเขา จึงสร้างวิชาเหนือฟ้าแบบนี้ออกมาได้ คนรุ่นต่อมาซึบซับได้นิดหน่อย แต่มีผลดีมากมาย ถ้ามีคนทำความเข้าใจวิธีเปลี่ยนพลังปราณ เป็นพลังวิญญาณ ผ่านพลังวิญญาณได้จริง คนนั้นคงมีพรสวรรค์แข็งแกร่งกว่าอาจารย์หนึ่งเดียว คนระดับนี้ ถึงจะนับว่าเป็นคนที่โดดเด่นจนน่าตกใจ เกินกว่าความสำเร็จในอดีต เย้ยไปทั่วจีน แม้แต่ในหมู่วีรบุรุษรุ่นเยาว์ที่ชนะทั้งโลกนี้

อาจารย์อี้ชิงยิ้ม แล้วพูดว่า “ถูกต้องที่สุด ตอนนั้นเซียนบู๊หนึ่งเดียว เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ในการแข่งขันนานาประเทศ ถ้าคณะหนึ่งเดียวของฉัน มีนักเรียนที่ไปเข้าร่วมการแข่งนานาประเทศได้ ถือว่าสวรรค์เมตตาแล้ว”

อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “อย่าคิดเรื่องไม่เข้าท่าพวกนี้เลย การแข่งรอบคัดเลือกของประเทศอู่อาน ไม่รู้สถาบันสอนวิชาบู๊ของเรา จะคัดเลือกผ่านสักคนหรือเปล่า”

อาจารย์อี้ชิงยิ้มเย้ยหยันตัวเอง แล้วพูดว่า “ตอนนี้คณะหนึ่งเดียวของฉัน ขนาดลำดับรายชื่อ ยังอยู่ลำดับสุดท้ายของสถาบันสอนวิชาบู๊ เหอะๆ”

อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “สุดท้ายก็สุดท้ายสิ ลำดับของสถาบันสอนวิชาบู๊ ไม่เห็นทำไรได้”

อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “ทำอะไรไม่ได้ก็จริง แต่ได้ยินแล้วรู้สึกไม่ดี นายอย่าไปทำความรู้จักกับผู้แข็งแกร่งคณะอื่น ไม่งั้นนายจะรู้ว่า การอยู่ในลำดับที่เก้า จะโดนคนอื่นเยาะเย้ยขนาดไหน”

ไปเอาลำดับดีๆ มา โดยไม่ต้องใช้วิชาระดับดิน จะทำลายกฎเกณฑ์ไม่ได้ เพราะเซียนบู๊หนึ่งเดียว จากโลกนี้ไปเป็นร้อยเป็นหมื่นปีแล้ว

อาจารย์อี้ชิงกับอาจารย์เต้ากวง หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

เจ้าดำที่นอนราบอยู่หน้าประตูมาตลอด บิดขี้เกียจ หันไปมองลู่ฝานและคนอื่น ที่ยังนอนอยู่ในนั้น ด้วยสายตาดูหมิ่น

สีหน้ากำลังบอกว่า ขนาดสัตว์อสูรอย่างฉัน ยังตื่นแล้ว มนุษย์อย่างพวกนาย ยังนอนกันอยู่อีก คนขี้เกียจจริงๆ

เจ้าดำเห่าสองครั้ง หันหน้าเดินไปบนเขา มันจะไปหาวัตถุดิบอาหารกลับมา และฝึกวิชาอสูรเห่าหอนด้วย

……