บทที่ 219 แข็งแกร่ง

ต่อให้นางเข้มแข็งแค่ไหน ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี หลังจากที่มาอยู่ในยุคโบราณนอกจากนางจะไร้ที่พึ่งพิงแล้ว ยังต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัวด้วย นางเองก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน

จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งอย่างซาบซึ้ง ถ้าไม่ได้ท่านหมอเมิ่ง บางทีชีวิตของนางอาจจะลำเค็ญยิ่งกว่านี้

ท่านหมอเมิ่งช่วยนางจัดการเรื่องยุ่งยากหลายอย่าง จางซิ่วเอ๋อขอบคุณเขาจากใจจริง ๆ

“สามสี่วันหลังจากนี้ ห้ามนางลงจากเตียง และต้องกินอาหารประเภทขาหมูเพื่อเป็นการบำรุงร่างกาย” ท่านหมอเมิ่งสั่ง

จางต้าหูพูดด้วยความตื่นตระหนก “ได้อย่างไรเล่า บ้านข้าไม่มีของแบบนั้นสักหน่อย!”

ท่านหมอเมิ่งกวาดสายตามองจางต้าหู “เจ้าไม่ต้องการลูกคนนี้แล้วหรือ?”

“ต้องการสิ ต้องการ จะไม่ต้องการได้อย่างไรกัน?” จางต้าหูรีบพยักหน้า เด็กคนนี้เป็นความฝันและความหวังของเขาเลยนะ เขาอยากได้ลูกชายขนาดนั้น! จะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร?

ต่อให้เด็กเกิดมาแล้วอาจจะเป็นลูกสาว แต่ขอแค่เด็กคนนี้มีโอกาสได้เกิด ก็มียังมีโอกาสที่จะเป็นลูกชาย

แต่หากเสียเด็กคนนี้ไป ก็จะไม่เหลือความหวังเลยสักนิด!

“ถ้าต้องการลูกอยู่ ก็ทำตามที่ข้าบอก!” ท่านหมอเมิ่งเห็นท่าทางแบบนี้ของจางต้าหูแล้วก็นึกฉุนเฉียวเหมือนกัน บุรุษแบบนี้ก็มีเหรอ? พ่อแบบนี้ก็มีเหรอ?

เสียงแหลมปรี๊ดของแม่เฒ่าจางดังเข้ามาจากนอกห้อง “อะไรนะ เจ้าว่าอะไรนะ? จะให้ซื้อเนื้อให้นางกินด้วยเหรอ? ไม่มีเงินหรอก! ต่อให้นางตายไปข้าก็ไม่ออกเงินก้อนนี้หรอกนะ!”

ที่ไหนได้ แม่เฒ่าจางเห็นท่านหมอเมิ่งมา จึงเดินมาแอบฟังอยู่ตรงหน้าต่าง

“จางซิ่วเอ๋อเป็นลูกสาวนาง นางมีตำลึงเงินไม่ใช่เหรอ ให้นางซื้อของกินแล้วเอามาให้สิ!” แม่เฒ่าจางผลักประตูเข้ามา พูดด้วยสีหน้าประหนึ่งว่านั่นคือเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

จางซิ่วเอ๋อไม่อยากจะเอาอะไรออกมาให้เลยสักนิด แต่นางก็ไม่อยากให้แม่โจวต้องลำบาก ยิ่งครานี้เกี่ยวพันถึงร่างกายของแม่โจวด้วย แต่จะให้จางซิ่วเอ๋อเอาของกินมาให้คนตระกูลจาง? นางทำไม่ได้แน่นอน!

ถ้าของเหล่านั้นไปอยู่ในมือของคนตระกูลจาง สู้เอาไปให้สุนัขกินยังจะดีเสียกว่า

แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเข้าปากแม่โจวแม้แต่คำเดียว

จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยขึ้น “ข้าจะส่งกับข้าวมาให้แม่ข้ากินทุกวันตามเวลาอาหาร! จนกระทั่งร่างกายของแม่ข้าแข็งแรงขึ้น พวกเจ้าไม่ต้องเตรียมกับข้าวให้แม่ข้าแล้ว”

อย่างไรซะก็แค่เปลี่ยนจากแอบเอามาให้เป็นเอามาให้อย่างเปิดเผย

แต่น่าเสียดายที่แม่โจวลงจากเตียงไม่ได้ จะแอบกินอะไรก็ไม่สะดวกแล้ว ตอนนี้ได้แต่ทำแบบนี้เท่านั้น

แม่เฒ่าจางเลิกคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร? เจ้าจะบอกว่าทำแค่สำหรับแม่เจ้า? ไม่ทำเผื่อให้พวกเรากินด้วยรึ?”

จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางด้วยสายตานิ่งเฉย “หรือครรภ์ของพวกเจ้าก็ไม่มั่นคงเหมือนกัน? ข้ายอมทำกับข้าวมาให้แม่ข้าก็เพราะข้าสงสารแม่ข้าและลูกในท้องนาง…..”

“ว่ากันตามจริงแล้ว จางเป่าเกินเป็นคนผลักแม่ข้าล้ม เงินนี่จางเป่าเกินควรเป็นคนออก แน่นอนว่าถ้าจางเป่าเกินไม่มีเงินก็ต้องให้ที่บ้านออก ซึ่งก็คือเจ้าที่มาจ่ายค่ากับข้าวให้แม่ข้า ตอนนี้ข้าก็ยอมถอยมาก้าวหนึ่งแล้ว เจ้ายังจะเอาอะไรอีก?” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง

“ข้าเป็นย่าเจ้านะ! เจ้าพูดจาแบบนี้กับข้าได้อย่างไร! จางต้าหู เจ้ายังไม่สั่งสอนลูกเนรคุณที่เจ้าให้กำเนิดอีก!” แม่เฒ่าจางร้องโหวกเหวก

จางต้าหูขยับปากจะพูดอะไรบางอย่าง

จางซิ่วเอ๋อชิงพูดขึ้นก่อน “ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นย่าของข้านี่แหละ ไม่อยากให้เจ้าต้องมาเครียดในอายุปูนนี้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าคงไปตีกลองร้องทุกข์ถึงในเมืองให้แม่ข้าแล้ว และบอกว่าจางเป่าเกินนั่นตั้งใจจะทำให้แม่ข้าตายท้องกลม!”

“เจ้าอย่าลืมนะว่าคุณชายฉินไปมาหาสู่กับข้าบ่อย ๆ ….ถึงตอนนั้นขอแค่ให้คุณชายฉินพูดมาประโยคเดียว ต่อให้จางเป่าเกินไม่โดนจับเข้าคุกก็ต้องโดนถลกหนังบ้าง!” จางซิ่วเอ๋อขู่เสียงเย็น

แม่เฒ่าจางพูดอย่างดูแคลน “เจ้าไม่กลัวตระกูลเนี่ยรึ?”

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยพร้อมยิ้มตาหยี “เจ้าไปฟ้องเรื่องข้าที่ตระกูลเนี่ยแล้วนี่ แต่คนตระกูลเนี่ยเรียกข้าไปสุดท้ายก็ปล่อยข้ากลับมาโดยไร้รอยขีดข่วน เจ้ารู้ไหมว่าทำไม?”

“ทำไม?” แม่เฒ่าจางข้องใจจริง ๆ นางคิดไม่ตกเลยว่าทำไมคนตระกูลเนี่ยถึงปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อกลับมา

จางซิ่วเอ๋อยิ้มกว้างพลางตอบ “แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะข้ามีคนคอยสนับสนุนอยู่น่ะสิ! เพราะฉะนั้นข้าขอเตือนนะว่าเจ้าอย่าได้ท้าทายความอดทนของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะลงมือกับหลานชายสุดที่รักของเจ้านี่แหละ!”

แม่เฒ่าจางฟังแล้วเจ็บใจนิดหน่อย แต่พอนึกถึงจางเป่าเกิน นางก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ

นั่นหลานชายคนโตของนางเลยนะ! ตอนนี้เป็นศิษย์เรียนวิชาอยู่ในเมืองด้วย อีกหน่อยต้องได้ดิบได้ดีแน่ ๆ ……

“ซิ่วเอ๋อ….อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องทำกับข้าวมาให้แม่เจ้าอยู่แล้ว เจ้าก็…..” จางต้าหูบอกเสียงเบา พูดไปก็เริ่มตาขาวขึ้นเล็กน้อย

จางซิ่วเอ๋อหันมองไปด้วยสายตาเย็นยะเยือก ขัดคำพูดของจางต้าหูทันที แล้วพูดกับจางต้าหู “ถ้าจะเอาแบบนี้ก็ย่อมได้ เช่นนั้นข้าจะไม่ยุ่งแล้ว พวกเจ้าดูแลแม่ข้ากันเองเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้ากลายเป็นคนไร้ทายาทก็อย่ามาโทษลูกสาวอย่างข้าแล้วกัน!”

จางต้าหูตาโต “เจ้าจะไม่สนใจแม่เจ้าได้อย่างไร?”

“ข้าถามเจ้าคำเดียว! ข้าทำกับข้าวมาให้แค่แม่ข้าได้หรือไม่! ถ้าไม่ได้เราก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีก! ข้าก็ขี้เกียจมาพล่ามไร้สาระกับเจ้าแล้ว เจ้าหาทางดูแลแม่ข้าและลูกชายที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของเจ้าเองเถอะ!” จางซิ่วเอ๋อพูดจบก็เดินออกไปข้างนอกอย่างฉุนเฉียว

จางต้าหูร้อนใจขึ้นมาทันที เขาอยากให้จางซิ่วเอ๋อทำกับข้าวมามากกว่านี้หน่อยเพื่อให้คนที่บ้านได้กินดีขึ้นก็จริง แต่ถ้าจางซิ่วเอ๋อจะไม่สนใจแม่โจวเพราะเรื่องนี้ ก็เท่ากับว่าได้ไม่คุ้มเสียน่ะสิ

เขามีปัญญาดูแลแม่โจวและเด็กที่ยังไม่เกิดเสียที่ไหน?

“ซิ่วเอ๋อ! เจ้าอย่าไป ข้าจะทำตามที่เจ้าบอกทุกอย่างเลยตกลงไหม?” น้ำเสียงของจางต้าหูเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ก็ยังทำตามที่จางซิ่วเอ๋อต้องการ

จางซิ่วเอ๋อกวาดตามองจางต้าหู “เจ้าพูดเองนะ แล้วก็ย่าข้าด้วย หากนางอยากกินอะไรจริง ๆ เจ้าก็ไปหาทางทำตัวกตัญญูของเจ้าเอง อย่ามาหัวหมอกับข้า ถ้าทำให้ข้าไม่พอใจเพียงหนึ่งครั้ง ข้าก็จะไม่ยุ่งอะไรเลยจริง ๆ!”

แม่เฒ่าจางเบิกตากว้าง เห็นว่าจางซิ่วเอ๋อทำให้จางต้าหูคล้อยตามแล้วก็โมโหจนหน้าเขียว แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

ใครใช้ให้แม่โจวต้องการการดูแลของจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ เล่า?

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็น และเดินออกไปข้างนอก

จางชุนเถาเห็นท่าดังนั้นจึงรีบตามไป

ตอนนี้จึงเหลือท่านหมอเมิ่งเพียงคนเดียว จางซิ่วเอ๋อคิดจะทำการขอบคุณท่านหมอเมิ่ง แต่ต้องไม่ใช่ที่ตระกูลจางแน่นอน หากคนตระกูลจางเห็นเข้าจะคิดเห็นอย่างไรกับความสัมพันธ์ระหว่างนางและท่านหมอเมิ่ง?

จางต้าหูมองท่านหมอเมิ่งอย่างเก้อเขิน อธิบายด้วยความกระอักกระอ่วน “คือว่า ซิ่วเอ๋อเป็นเด็กค่อนข้างดื้อ เจ้าเลยต้องมาเจอเรื่องน่าขันแบบนี้”

ท่านหมอเมิ่งมองจางต้าหูเรียบ ๆ เขาเจอเรื่องน่าขันจริง แต่ไม่ใช่จางซิ่วเอ๋อหรอกนะที่น่าขัน เป็นจางต้าหูต่างหาก

แม่เฒ่าจางแค่นเสียง “ค่ารักษาเจ้าไปเอากับจางซิ่วเอ๋อนะ นางเป็นคนตามเจ้ามา! พวกเราไม่ได้ตามเจ้ามา!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตกลงไหมล่ะต้าหู ถ้าไม่ยอมให้แม่โจวเพียงคนเดียวได้กินข้าวที่ซิ่วเอ๋อทำมาให้ ก็เตรียมตัวไร้ทายาทได้เลย ซิ่วเอ๋อร่างนี้พูดจริงทำจริง

ไหหม่า(海馬)