บทที่ 220 กระตือรือร้น

ท่านหมอเมิ่งไม่พูดอะไรกับสองคนนี้สักคำก็เดินออกไปเลย

หลังจากเขาไปแล้ว จางต้าหูถึงถามเสียงแผ่ว “ท่านแม่ เราจะให้ท่านหมอเมิ่งไปแบบนี้เหรอขอรับ?”

“ทำไม? เจ้าคิดจะให้ข้าออกค่ารักษาให้หรืออย่างไร ข้าว่าเจ้าหวังเยอะไปนะ ตอนนี้มีคนไม่น้อยในหมู่บ้านที่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจางซิ่วเอ๋อและท่านหมอเมิ่งไม่ใช่ธรรมดา ข้าว่านางไม่จำเป็นต้องให้ค่ารักษากับท่านหมอเมิ่งด้วยซ้ำ” แม่เฒ่าจางโหวกเหวก

จางต้าหูได้ยินแล้วเงียบไปนาน

เขาอยากจะบอกแม่เฒ่าจางว่าดูจากเมื่อครู่แล้ว ระหว่างจางซิ่วเอ๋อและท่านหมอเมิ่งก็ยังดูเป็นปกติดี บางทีสองคนนี้อาจจะไม่มีอะไรระหว่างกันก็ได้

แต่พอเห็นแม่เฒ่าจางพูดเสียมั่นใจปานนั้น เขาก็รู้สึกว่าใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ถึงอย่างไรจางซิ่วเอ๋อก็เป็นคนประพฤติตัวไม่ดีอยู่แล้ว ทำให้ตระกูลจางต้องอับอายขายหน้า!

ท่านหมอเมิ่งออกจากบ้านตระกูลจางแล้วก็มุ่งตรงไปที่บ้านตระกูลจ้าว ซึ่งหน้าหมู่บ้านมีคนอยู่ไม่มากนัก

เขารออยู่พักหนึ่ง ก็ไปที่บ้านจางซิ่วเอ๋อพร้อมกับจ้าวเอ้อร์หลาง

เขาไม่ได้ไปเอาค่ารักษา เพราะก่อนที่จางซิ่วเอ๋อจะไป นางก็ชำเลืองมองเขาวูบหนึ่งเป็นนัยว่าให้เขาแวะมาหาที่บ้าน ซึ่งเขาเองก็คิดอยู่ว่าควรจะไปแจกแจงอาการของแม่โจวกับจางซิ่วเอ๋อให้ละเอียด

บวกกับตัวเขาก็ชักจะคิดถึงกับข้าวที่จางซิ่วเอ๋อทำ หวังว่าจะขอกินข้าวสักมื้อ จึงเดินทางมาที่นี่

หลังจากจางซิ่วเอ๋อถึงบ้าน เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนก็กลับมา

สองคนนี้เป็นคนแปลกหน้า ย่อมเข้ามาทางหน้าหมู่บ้านไม่ได้ จึงเข้ามาทางภูเขา

พริบตาที่เถี่ยเสวียนเห็นจางซิ่วเอ๋อก็ตาเป็นประกาย ก่อนจะโหวกเหวกเสียงดัง “รีบไปทำของกินมาให้ข้าเร็ว”

พร้อมกันนั้นยังมีสีหน้าคับข้องใจ ท่าทางอย่างกับจางซิ่วเอ๋อทำสิ่งที่ผิดต่อเขามากมาย

จางซิ่วเอ๋อหน้าตาเหนื่อยล้าเพราะเรื่องของแม่โจว

นางมองเถี่ยเสวียนและตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “ข้ารู้แล้ว”

เถี่ยเสวียนไม่โง่ เขาดูออกว่าจางซิ่วเอ๋ออารมณ์ไม่ดี จึงเล่นหูเล่นตาใส่จางชุนเถา “ชุนเถา พี่สาวเจ้าเป็นอะไรไป?”

หากจางซิ่วเอ๋ออารมณ์ไม่ดี จางชุนเถาเองก็ไม่ได้อารมณ์ดีนัก!

นางค้อนเถี่ยเสวียนไปทีหนึ่ง “ทำไมเจ้าถึงพูดมากนัก!”

เถี่ยเสวียนโดนว่ากลับอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างขอความช่วยเหลือ

เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตานุ่มลึก มีความนัยบางอย่างเวียนวนอยู่ในแววตา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

เถี่ยเสวียนโดนเมินอย่างสิ้นเชิง จึงกลับไปนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิด

มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขาเหนื่อยมาทั้งคืนยังไม่ได้นอน ตอนนี้ทั้งง่วงทั้งหิว

บัดนี้จางชุนเถาไปที่แปลงผักในสวนด้านหลัง นางไปดูว่ามีอะไรที่พอเอามาผัดได้บ้าง จะได้ตัดเอาไปให้แม่โจว

ส่วนจางซิ่วเอ๋อเวลานี้จะไปทำกับข้าวมื้อเช้า

ต่อให้โมโหแค่ไหนก็ต้องกินข้าวเช้า

นางตั้งใจจะเอาข้าวต้มไปฝากแม่โจวด้วย ข้าวสามมื้อของแต่ละวันนั้นจางซิ่วเอ๋อไม่อยากให้นางอดสักมื้อ

ถ้าโมโหเรื่องนี้แล้วปล่อยให้ท้องหิวจนป่วยก็รังแต่จะยิ่งทำให้คนตระกูลจางได้ใจ นางจึงไม่จำเป็นต้องกระทำในสิ่งที่คนเกลียดสะใจคนรักเสียใจ

นางจะไม่ใช่แค่กิน แต่จะกินอย่างดีด้วย!

จะพยายามขุนให้คนในครอบครัวตัวเองมีเนื้อมีหนังผิวใสผ่อง ให้พวกแม่เฒ่าโจวโมโหจนกระอักตายไปเลย!

เนี่ยหย่วนเฉียวเดินมาอยู่ในครัว และเห็นจางซิ่วเอ๋อที่กำลังยุ่ง

ครัวไม่ได้เล็ก แต่หลังจากที่บุรุษอย่างเนี่ยหย่วนเฉียวเข้ามาแล้ว พื้นที่ก็ดูเล็กลงทันตา

จางซิ่วเอ๋อเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวเข้ามา จึงกล่าวขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ารีบร้อนอยากกินข้าว แต่ต้องรออีกครู่หนึ่งนะ เสร็จแล้วข้าจะไปเรียกพวกเจ้า”

เนี่ยหย่วนเฉียวเอ่ยเสียงต่ำ “ใครรังแกเจ้า?”

จางซิ่วเอ๋อเงยหน้า มองเนี่ยหย่วนเฉียวพลางกล่าว “ไม่มี”

เนี่ยหย่วนเฉียวไม่เชื่อที่จางซิ่วเอ๋อพูดเลยสักนิด

เขากล่าวเสียงทุ้มห้าว “ถ้าต้องการอะไร โปรดบอกข้าเถอะ สิ่งใดที่ข้าทำได้ข้าต้องช่วยแน่”

จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างนึกประหลาดใจ “ขอบคุณในความหวังดีของเจ้า แต่เรื่องของข้า ข้าจัดการเองได้”

ต่อให้จางซิ่วเอ๋อจะหวังให้ใครมาช่วยตัวเอง คนผู้นั้นก็ไม่ใช่เนี่ยหย่วนเฉียว

นางไม่มีเหตุผลอะไรต้องขอให้เนี่ยหย่วนเฉียวทำเช่นนั้น

พูดตามตรงจากใจของจางซิ่วเอ๋อแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนางและเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นเพียงเจ้าบ้านและคนอาศัย เวลานี้ที่เนี่ยหย่วนเฉียวพูดจาเช่นนี้ ทำให้แม้ว่านางจะนึกขอบคุณ แต่ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งกลับก่อตัวขึ้น

นางรู้สึกว่าความห่วงใยและการดูแลที่เนี่ยหย่วนเฉียวมีให้ตนนั้นดูมากเกินไปหน่อย

จางซิ่วเอ๋อรำพึงในใจ บางทีเนี่ยหย่วนเฉียวคงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุญคุณการช่วยชีวิตมาก จนทำให้ตอนนี้อยากดูแลตัวเอง

นางถอนหายใจ นางช่วยชีวิตเนี่ยหย่วนเฉียวไว้ก็จริง แต่นางไม่คิดว่าเนี่ยหย่วนเฉียวต้องติดค้างตัวเองไปตลอดเพราะเรื่องนี้

จางซิ่วเอ๋อนำอาหารใส่ลงไปในหม้อ และเติมไฟเข้าไปในเตา ก่อนจะหิ้วถังน้ำในบ้านขึ้นหวังออกไปตักน้ำ

เนี่ยหย่วนเฉียวกลับยื่นมือไปจับถังไม้ไว้

มือของทั้งสองแตะกันเบา ๆ จางซิ่วเอ๋อชะงักไปเล็กน้อย นางมองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยสายตาตั้งคำถาม

เนี่ยหย่วนเฉียวอธิบาย “ข้าจะไปช่วยเจ้าตักน้ำ”

จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างอ่อนใจ “ข้าทำเองได้”

เนี่ยหย่วนเฉียวพูดด้วยท่าทางจริงจัง “เรื่องเล็กแค่นี้ให้ข้าทำก็พอ”

ถึงเป็นเรื่องเล็กก็จริง แต่ทำไมถึงต้องให้เนี่ยหย่วนเฉียวทำเล่า เขาไม่ได้ขอกินอยู่เปล่า ๆ ปลี้ ๆ เสียเมื่อไหร่ ไม่ได้เป็นอะไรกับตัวเองด้วย

จางซิ่วเอ๋อไม่กล้ารับความหวังดีที่เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้

นางเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากตอบแทนบุญคุณ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ข้าคิดว่าระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว”

เนี่ยหย่วนเฉียวเห็นจางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าจริงจัง ก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมา

เขาเห็นจางซิ่วเอ๋อต้องเหนื่อยขนาดนี้จึงอยากช่วยจางซิ่วเอ๋อแบ่งเบาภาระ แต่จางซิ่วเอ๋อกลับเป็นคนประเภทไม่อยากรบกวนผู้อื่นมากนัก

สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวนั้นลึกล้ำ เขาไม่ต่อปากต่อคำกับจางซิ่วเอ๋ออีก ออกแรงดึงถังในมือจางซิ่วเอ๋อมาอยู่ในมือตัวเอง

จางซิ่วเอ๋ออึ้งงัน นางเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานนักก็หิ้วน้ำเข้ามาและเทลงไปในโอ่ง นางถึงกับมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง

นี่เนี่ยหย่วนเฉียว…..หมายความว่าอย่างไรกัน?

ต่อให้เขาอยากตอบแทนบุญคุณ ก็ไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นขนาดนี้กระมัง?

ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวรู้แล้วว่าตัวเองเถียงจางซิ่วเอ๋อไม่ชนะ จึงไม่พูดอะไรอีก อาศัยการลงมือทำแทน

จางซิ่วเอ๋อมองเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เลือกที่จะยอม

นางไม่ชินกับอะไรแบบนี้ก็จริง แต่เนี่ยหย่วนเฉียวทำแบบนี้นางก็จนปัญญา อย่างไรก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์ เนี่ยหย่วนเฉียวอยากทำอะไรก็ให้เขาทำไปเถอะ อย่างมากนางก็แค่เพิ่มกับข้าวให้เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนเป็นการขอบคุณก็ได้

“พี่ ท่านอาเมิ่งมา” จางชุนเถาเรียกอยู่ข้างนอก

จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วรีบออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

“ท่านอาเมิ่ง” จางซิ่วเอ๋อเรียกให้ท่านหมอเมิ่งนั่งลงอย่างสนิทสนม

พอท่านหมอเมิ่งนั่งลงแล้ว จึงมองจางซิ่วเอ๋อพร้อมบอก “ซิ่วเอ๋อ ข้ามาแจกแจงอาการของแม่เจ้าให้เจ้าฟัง”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า สีหน้าอึมครึมลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพอนึกถึงเรื่องแม่โจวแล้วกลัดกลุ้มขึ้นมา