บทที่ 149 ความอัปยศ

มิดซัมเมอร์กรุ๊ปนั้นเป็นของตระกูลเซี่ยในตอนแรก ผู้ที่สร้างมันขึ้นมาคือพ่อของเซี่ยหลิงอย่างเซี่ยกวงเหว่ยที่ตายไปแล้ว จากนั้นมันก็ถูกขายต่อให้หลิวเฉียงเหว่ยโดยแม่เลี้ยงของเซียวหลิง

พูดกันตามตรงเลย เซียวเฟิงค่อนข้างสนใจในคำพูดของหลิวเฉียงเหว่ยมาก ๆ เซียวหลิงนั้นเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเซียกวงเหว่ย ตามธรรมชาติแล้วกลุ่มบริษัทนี้จะต้องตกเป็นของเธอในท้ายที่สุด ดังนั้นแล้วจึงถือว่าคำพูดของหลิวเฉียงเหว่ยสามารถโน้มน้าวใจได้ดีเลยทีเดียว

“ใช่” หญิงสาวพยักหน้าโดยที่ใบหน้าสวยนั้นไม่ได้แสดงแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา

“ฮึ ดูท่าเธอจะวางแผนมาดีเลยสิ”

เซียวเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นให้กับคำตอบของเธอตรงหน้า ก่อนจะมองด้วยสายตาเยาะเย้ย “เวลาที่ผ่านมา มันทำให้มิดซัมเมอร์เหลือแต่ชื่อไปแล้ว ดีไม่ดีจะมีหนี้แถมมาด้วย เพราะตอนที่ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์น่ะ เธอเองก็เอาเงินมาจากบริษัทใช่ไหมล่ะ?”

“เธออยากให้เซียวหลิงไปรับช่วงต่อบริษัทที่ล้มละลายไปแล้ว ในขณะที่ตัวเธอก็เป็นหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ที่กำลังรุ่งโรจน์น่ะเหรอ? แล้วเธอคงคิดสินะว่าฉันจะยอมหยุดโจมตีกิลด์เธอหากเธอเอาเรื่องผลประโยชน์ในอนาคตของเซียวหลิงมาพูด? กล้ามากนะที่คิดจะเอาฉันไปเป็นเรือเพื่อข้ามผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปน่ะ ช่างเป็นแผนที่ชาญฉลาดเสียจริง!”

หลิวเฉียงเหว่ยยังคงเงียบนิ่งในขณะที่เซียวเฟิงเริ่มพูดต่อ

“เธอคิดถูกแล้ว ว่าฉันน่ะไม่เพียงแต่จะช่วยให้มิดซัมเมอร์รอดพ้นจากปัญหาในครั้งนี้ได้ แต่ยังสามารถช่วยให้มิดซัมเมอร์สามารถทำงานร่วมกับตำหนักขุมทรัพย์ได้อีก ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลยนะ แต่แล้วมันยังไง? ทำไมฉันต้องช่วยเธอ? ฉันจะได้อะไรจากการทำแบบนี้?”

เขาพ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยามออกมาและจ้องไปยังเธออย่างไม่วางตาราวกับกำลังย้ำเตือนให้เธอรู้ว่า เขารู้ทันแผนของเธอหมดนั่นแหละ

“ถ้าหากเซี่ยหลิงเข้าเป็นผู้ควบคุมธุรกิจนี้ด้วยตัวเอง ความช่วยเหลือของนายก็จะช่วยเธอ…” แววตาของหลิวเฉียงเหว่ยเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากรู้ว่าเซียวเฟิงมีความสัมพันธ์กับตำหนักขุมทรัพย์ เพราะงั้นเธอจึงพยายามพูดต่อแต่ก็ถูกชายหนุ่มขัดขึ้นมาอีก

“แล้วทำไมฉันต้องไปช่วยเหลือบริษัทล้มละลายเพื่อช่วยเธอด้วย? สู้ฉันเอาเวลาไปช่วยลงทุนในบริษัทอื่นอย่างมิดสปริงกรุ๊ป หรือไม่ก็มิดออทัมกรุ๊ป อะไรพวกนี้มันจะไม่ดีกว่าหรือไง? เธอกำลังจะบอกว่าบริษัทอื่นในโลกนี้ด้อยกว่ามิดซัมเมอร์หมดเลยเหรอ?” ยิ่งเซียวเฟิงได้พูด เขาก็ยิ่งแสดงความเย้ยหยันออกมาตลอด

“เพราะเป้าหมายของนายอยู่ในมิดซัมเมอร์กรุ๊ป และนายจะมีโอกาสที่จะเจอตัวเขามากกว่าถ้านายเข้ามาดูแลจุดนี้ได้…” หลิวเฉียงเหว่ยรีบพูดแทรกขึ้น

“โอ้ ถ้าเรื่องนั้นฉันเจอทางออกที่ง่ายกว่าแล้ว นั่นคือปล่อยให้ไอ้หมอนั่นตายไปพร้อมกับบริษัทนี้นั่นแหละ” เซียวเฟิงไม่ยอมให้เธอได้พูดอะไรเยอะแยะ เขาเอนหลังพิงโซฟาไขว่ห้างพลางพูดต่อ “นั่งฟังมาตั้งนานฉันก็เห็นแต่ข้อเสนอที่เอื้อให้เธอทั้งนั้น เธอจะยอมจ่ายด้วยอะไรหรืออะไรที่สามารถแสดงความจริงใจของเธอได้บ้าง เรื่องพวกนี้ไม่เห็นเธอพูดถึงมันเลย”

หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อและเลี่ยงที่จะสบตากับเซียวเฟิง เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมแสดงความอ่อนแอเพื่อขอให้คนอื่นเมตตา ดังนั้นคำพูดของชายหนุ่มที่ฟังยังไงเธอก็ไม่มีทางเอาชนะได้นั้น จึงทำให้เธอต้องครุ่นคิดอย่างมาก

เธอเชื่อว่าเซียวเฟิงคือทางออกสุดท้ายที่จะช่วยกิลด์ของเธอได้ และถ้ามันไม่สำเร็จ นั่นหมายถึงเงินก้อนสุดท้ายของเธอที่ลงไว้กับการเดิมพันก่อนหน้า มันได้สลายหายไปอย่างไร้ค่าแล้ว

และเธอก็จะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่น่าอนาถใจนั้นอีกครั้ง โดยที่เธอไม่สามารถต่อต้านใด ๆ ได้อีก

“เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่หยุดยั้งแผนการของฉันซะทีเดียว” ทันใดนั้น เซียวเฟิงก็แสดงท่าทีที่โอนอ่อนลง “แล้วก็ฉันอาจจะพยายามทำให้กิลด์มิดซัมเมอร์ขยายอำนาจกลับมาอีกครั้งด้วย อย่างเช่นการให้ตำหนักขุมทรัพย์มาเป็นคู่ค้าให้ สนับสนุนโทเคนกิลด์ รวมไปถึงช่วยเหลือในสงครามป้องกันแคมป์ครั้งถัดไป”

“จริงเหรอ?”

คำพูดนี้ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น เธอมองเซียวเฟิงด้วยความไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะยอมมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากขุมนรกเช่นนี้ ความช่วยเหลือของเซียวเฟิงถือเป็นข้อเสนอที่เธอและกิลด์ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้ร่วมงานกับตำหนักขุมทรัพย์ มันถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับมิดซัมเมอร์ที่กำลังขาดเงินทุนในตอนนี้ เนื่องจากหอการค้าแห่งนี้ทรงอำนาจและเป็นที่รู้จักของผู้เล่นแทบจะทุกคนภายในเขตฮัวเซีย ซึ่งทำให้ทุก ๆ ชั่วโมงมีผู้เล่นนับล้านคนซื้อและขายอยู่กับตำหนักแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย แน่นอนว่ารายได้ของที่นี่เองก็ประเมินค่าไม่ได้เลยเช่นกัน

ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ ตำหนักขุมทรัพย์นั้นปฏิเสธที่จะเป็นคู่ค้ากับกิลด์มิดซัมเมอร์ ซึ่งมันทำให้พวกเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นอย่างมาก และการที่กิลด์ถูกขึ้นบัญชีดำจากหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเขตฮั่วเซีย มันก็ทำให้ผู้เล่นหลายคนเลือกที่จะออกจากกิลด์ไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องโทเคนกิลด์ ไม่มีใครที่จะเห็นค่ามันไปได้ดีกว่าหลิวเฉียงเหว่ยที่ซึ่งยอมทุ่มเงินถึงพันล้านเพื่อประมูลมันมาอีกแล้ว

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด มิดซัมเมอร์ที่อยู่ในสภาวะทรุดตัวเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะป้องกันแคมป์ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเซียวเฟิงจะช่วยล่ะก็ เธอเองก็มีความเชื่อมั่นว่ากิลด์ของเธอจะสามารถเอาชนะสงครามได้แน่

หลิวเฉียงเหว่ยเชื่อว่าเซียวเฟิงสามารถทำตามที่พูดได้ เฉกเช่นที่เชื่อว่าเขาสามารถสู้กับกิลด์มิดซัมเมอร์ได้ด้วยตัวคนเดียว…

“แน่นอนว่าพูดจริง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะจ่ายด้วยอะไร?” เซียวเฟิงเอนตัวไปกับโซฟา เขาใจเย็นและสงบนิ่งขณะที่สายตาก็ไล่มองไปยังเรือนร่างของหลิวเฉียงเหว่ยที่แสนจะเย้ายวนอย่างสนอกสนใจ

“ฉันก็สัญญากับนายไปแล้วไงว่าฉันยอมที่จะยกหุ้นส่วนทุกอย่างของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปให้เลย นายยังจะ…” ก่อนที่หลิวเฉียงเหว่ยจะพูดจบ เธอก็หยุดไปก่อนเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเซียวเฟิงที่จ้องมายังเรือนร่างของตนด้วยความสนใจ การจ้องมองนั้นมันเหมือนกับการลวนลามที่ทำให้เธอรู้สึกสั่นเทาขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะเผลอกัดริมฝีปากล่างของตนเองไว้ด้วยความหวาดหวั่น

ระหว่างนั้น ชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นถุงยางที่เฉียนโตวโตวซื้อมา เขาโยนมันลงไปกับพื้นด้วยตนเองพอดี เพราะงั้นด้วยความอยากแกล้ง เขาจึงสั่งหลิวเฉียงเหว่ยอย่างไม่รอช้า “ไปหยิบมันมา”

เรือนร่างอันงดงามของหลิวเฉียงเหว่ยแข็งทื่อไปทันที เช่นเดียวกับใบหน้าสวยที่กำลังแสดงความดื้อดึงที่กลั่นออกมาจากภายในใจ แต่ท้ายสุด ราวกับเธอยอมแพ้ให้กับชะตาที่ไม่อาจเลี่ยง หญิงสาวเดินไปยังกล่องถุงยางนั้นช้า ๆ แล้วหยิบมันขึ้นมาด้วยนิ้วที่ยังสั่นคลอน

ในตอนที่เธอก้มลงไปเพื่อหยิบสิ่งนั้น ร่างกายของเธอก็วาดลวดลายที่น่าเย้ายวนอย่างไม่ได้ตั้งใจไปด้วย

“แกะมันออกมา”

เซียวเฟิงยกมือขึ้นประสานกันที่หลังหัวก่อนจะยิ้มด้วยความสนใจมากยิ่งขึ้น

ใบหน้าที่สวยและขาวดุจหิมะของหลิวเฉียงเหว่ยแดงขึ้นมาเสียแล้ว ซึ่งมันทำให้เธอดูน่ารักไปอีกแบบ คำสั่งของเซียวเฟิงทำเอาเธอต้องขบริมฝีปากไว้แน่นขณะที่มองไปยังมุมของซองถุงยางนั้น นิ้วเรียวสัมผัสมันเบา ๆ และเช่นเดิม มันยังสั่นอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือเบาลง

“เดี๋ยวก่อน ใช้ฟันของเธอแกะมัน ห้ามใช้มือ” เซียวเฟิงเพิ่มคำสั่งที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น และรอยยิ้มของเขาเองก็กว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย

“ยะ…อย่าให้มันมากเกินไปนักสิ!”

หลิวเฉียงเหว่ยพูดออกไปด้วยความอายสุด ๆ แก้มของเธอมันแดงจนลามไปถึงใบหูแล้วด้วยความรู้สึกอัปยศที่ก่อตัวขึ้นรุนแรง ในตอนนี้เธอไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้อีกต่อไป หากแต่กลายเป็นนางฟ้าที่ดันพลาดท่าตกลงมาอยู่ในเงื้อมมือมนุษย์ต่างหาก

“เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าเธอจะใช้อะไรแกะมัน เพราะฉันเองก็ไม่ได้สนใจอยากจะใช้มันอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูดลอย ๆ อย่างไม่แยแส กระนั้นเขาก็ดูจะชื่นชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เสียเหลือเกิน

“นาย!?”

เมื่อความอับอาย ความโกรธ ความกังวลและความดิ้นรนมันก่อตัวขึ้นจนยากที่จะกดไว้ ในท้ายสุด หลิวเฉียงเหว่ยก็ยกซองถุงยางขึ้นที่ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายมากที่สุด จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากนุ่มลื่นพร้อมกับใช้ฟันขาวสะอาดพวกนั้นกัดลงไปที่ขอบซองถุงยางในทันที!