ตอนที่ 198 ถูกจี้ระหว่างทาง

ปฏิญญาค่าแค้น

แม่เจียงเห็นว่าขณะนี้นายท่านไม่มีจิตใจจะมาสนใจพวกนาง จึงรีบกระซิบกระซาบต่อหมิงเจ๋อ “ต้าเส้าเหยียเจ้าคะ รีบคิดวิธีพาฮูหยินออกจากบ้านเถอะเจ้าค่ะ หากเหล่าไท่ไทมีอันเป็นไป ฮูหยินกับบ่าวคงไม่รอดเช่นกันเจ้าค่ะ!”

“พี่ใหญ่ ช่วยท่านแม่ด้วย!” หมิงจูอ้อนวอนด้วยเสียงกระซิบเช่นกัน

หมิงเจ๋อกัดริมฝีปากล่าง มองดูบิดาที่กำลังยืนอยู่หน้าเตียงไม่ห่าง มองดูสีหน้าเป็นกังวลของหลั้วเหยียนแล้วจึงมองดูหมิงอวินที่มีสีหน้าเย็นชา เขารู้สึกลังเลใจไม่อาจตัดสินได้

หลี่หมิงอวินรู้ดีว่าแม่มดชราเตรียมจะหนีไป การสร้างสถานการณ์เพื่อให้อวี๋เหลียนเป็นฝ่ายเผยเรื่องเงินกู้ออกมาในวันนี้ ก็เพื่อจัดการแม่มดชรา ปรากฏว่าเมื่อแม่มดชราตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอกจึงดึงบิดาลงไปด้วย ซึ่งนับว่าเป็นผลพลอยได้อันเหนือความคาดหมาย สถานการณ์ต่อไปของแม่มดชราคงหนีไม่พ้นความเป็นไปได้สองประการ ประการแรกคือหย่าขาดแล้วถูกขับไล่ออกจากบ้าน ประการที่สองคือถูกจับกักบริเวณไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด เขาล้วนเตรียมแผนการรองรับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหลี่หมิงอวินจึงนิ่งเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ท่าเดียวก่อนตัดสินใจหันหลังเดินจากห้องนี้ไป

หมิงเจ๋อรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย เขาคิดว่าหลังหมิงอวินรับรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้คงไม่ปล่อยมารดาเขาลอยนวลไปอย่างแน่นอน คงต้องขัดขวางการหลบหนีของมารดาเขาเป็นแน่ แต่คาดไม่ถึงว่า หมิงอวินกลับยอมปล่อยโอกาสให้พวกเขาหลุดลอย

หลั้วเหยียนก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าก้มเก็บทองคำแท่งจำนวนหนึ่งขึ้นมาจากพื้นแล้วนำมันยัดใส่มือของหมิงเจ๋อ นางส่งสายตาให้เขา หมิงเจ๋อพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ หลังจากนั้นเขาจึงเข้าไปประคองมารดาแล้วจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับน้องสาว หลังออกจากโถงหนิงเฮ๋อ หมิงเจ๋อเรียกให้คนช่วยเตรียมรถม้าให้ทันทีก่อนหันมาเอ่ยกับมารดา “ท่านแม่ ท่านพกทองคำแท่งเหล่านี้ติดตัวไว้นะขอรับ พวกท่านไปตั้งหลักที่โรงเตี๊ยมเหลียนเซิ่งทางตอนใต้ของเมืองสักหนึ่งคืน ลูกจะเตรียมข้าวของในคืนนี้แล้วพรุ่งนี้จะส่งคนให้นำสิ่งของไปมอบให้พวกท่าน ลูกคนนี้อกตัญญู ไปส่งท่านและคอยปกป้องท่านระหว่างเดินทางกลับบ้านเกิดไม่ได้ ไว้รอเรื่องราวสงบลงแล้ว ลูกจะเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ดีๆ แล้วค่อยรับท่านแม่และน้องหมิงจูกลับมาอีกครั้งนะขอรับ”

นางฮานรับทองคำแท่งมาไว้ เงยหน้ามองดูจวนหลังใหญ่โตแห่งนี้ ภายในใจเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ นางรู้ดีว่านางคงไม่มีวันได้กลับมาอีก จึงอดน้ำตาไหลรินลงมาไม่ได้ “ไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมท่านพ่อเจ้าหรอก ข้ากับเขาไม่มีอะไรติดค้างต่อกันแล้ว แต่เป็นเจ้า หลังแม่ไม่อยู่ข้างกายเจ้าแล้ว เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องตนเองให้ดีๆ อย่าให้ใครมาเอาเปรียบตนเองได้ หากภายภาคหน้าเจ้าได้ดิบได้ดีแล้ว อย่าลืมมารับแม่และน้องสาวเจ้า แม่คงทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้วละ…” นางกล่าวทั้งเสียงสะอึกสะอื้น

หมิงเจ๋อพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นเช่นกัน “ลูกจะทำให้ได้ขอรับ” แล้วจึงหันไปลูบผมของหมิงจูพลางเอ่ยด้วยความสงสารและเอ็นดู “น้องพี่ ฝากเจ้าดูแลท่านแม่ให้ดีๆ ด้วย”

แม่เจียงมองไปด้านหลังเป็นระยะๆ และเอ่ยเร่งเร้า “ฮูหยิน พวกเรารีบไปเถิดเจ้าค่ะ! ขืนเหล่าเหยียไหวตัวแล้ว คงจะหนีกันไปไม่พ้นแล้วนะเจ้าคะ”

หลี่หมิงเจ๋อเรียกนายเฉินผู้คุมรถม้าเข้ามาหาแล้วเอ่ยกำชับ ให้พ้นจากค่ำคืนนี้แล้วเขาเองก็ไม่ต้องกลับมาแล้วเช่นกัน หลังหมิงเจ๋อส่งทั้งสามคนขึ้นรถม้าไปเป็นที่เรียบร้อยจึงรีบกลับเข้าไปในโถงหนิงเฮ๋ออีกครั้ง เห็นบิดาเดินวนไปมาด้วยความกระวนกระวายใจอยู่หน้าประตูห้อง

หลี่จิ้งเสียนชายตาขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นหมิงเจ๋อจึงนึกขึ้นมาได้ว่านางฮานหายไปเสียแล้ว เขาชักสีหน้าขณะเอ่ยถาม “นังสารเลวผู้นั้นล่ะ”

หมิงเจ๋อกลั้นใจตอบตามตรง “ลูกส่งท่านแม่ออกไปแล้วขอรับ”

หลี่จิ้งเสียนระเบิดอารมณ์โกรธ ชี้หน้าด่าทอหมิงเจ๋อ “เจ้ามันไอ้คนโง่เง่า หากนังสารเลวนั่นไปพูดจาเพ้อเจ้อด้านนอกนั่น ตระกูลหลี่เราได้เป็นอันจบสิ้นแน่”

“ท่านพ่อ ท่านแม่มิทำเช่นนั้นหรอกขอรับ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อลูก นางไม่ทำเช่นนั้นแน่นอนขอรับ” หลี่หมิงเจ๋อเอ่ยรับประกันทันที

“เจ้าจะไปรู้อันใด นังสารเลวผู้นั้นเลวทรามต่ำช้า อีกทั้งนางเกลียดข้าเช่นนี้ เกลียดจนอยากให้ข้าตายๆ ไปเสีย เกลียดจนอยากให้ตระกูลหลี่พังพินาศ ยังมีอันใดอีกหรือที่นางจะทำไม่ลง” หลี่จิ้งเสียนสีหน้าเดือดดาลและหวาดเกรงในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกเสียใจภายหลังจนเกินบรรยาย เหตุใดเขาถึงประมาทเช่นนี้ นังสารเลวผู้นี้หนีไปจนได้ หมิงเจ๋อคงไม่บอกแน่ว่านังสารเลวผู้นี้หนีไปแห่งหนใด ยิ่งไปกว่านั้นเขาส่งคนออกไปตามหาก็ไม่ได้ เพราะอาจกลายเป็นเรื่องราวเอิกเกริกขึ้นมาได้ เฮ้อ! ได้แต่หวังว่านังสารเลวผู้นี้จะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ไม่ทำเรื่องโง่เขลาบ้าบอขึ้นมาอีก

หลี่จิ้งเสียนชักสีหน้าขณะกล่าว “น้องชายเจ้าล่ะ”

หลี่หมิงเจ๋อกวาดสายตามองไปโดยรอบชั่วขณะแล้วพึมพำ “น้องรอง…อาจกลับไปแล้วขอรับ รอให้สถานการณ์ของท่านย่าด้านนี้ปลอดภัยแล้ว ลูกจะไปดูเขาให้นะขอรับ”

หลี่จิ้งเสียนถอนหายใจด้วยความรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง เขารู้ดีว่าภายในใจหมิงอวินคงต้องรู้สึกแย่อย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าอาจจะโกรธเกลียดเขาไปด้วย

“เจ้าเกลี้ยกล่อมน้องรองเจ้าให้ดีๆ อย่าให้เขาเชื่อในสิ่งที่นังสารเลวนั่นยุแยงตะแคงรั่ว”

หลี่หมิงเจ๋อพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ลูกทำได้แน่นอนขอรับ” เพียงแต่นี่ก็แค่คำกล่าวส่งเดชเท่านั้น น้องชายจะเชื่อหรือไม่เขาเองคงไม่อาจทำอันใดได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือขอให้น้องชายเห็นสถานการณ์โดยรวมเป็นสำคัญ เพราะตระกูลหลี่ในตอนนี้ไม่อาจแบกรับปัญหาใดๆ ได้อีกแล้ว

เสียงประตูเปิดออกดัง เอี๊ยด ติงหลั้วเหยียนเดินออกมา

หลี่จิ้งเสียนกับหลี่หมิงเจ๋อจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที

“เหล่าไท่ไทเป็นอย่างไรบ้างหรือ”

“ท่านย่ามิเป็นไรใช่หรือไม่”

ติงหลั้วเหยียนเผยสีหน้าหนักใจ นางส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ช่วยชีวิตไว้ได้ ทว่าอาการไม่สู้ดีนัก น้องสะใภ้เอ่ยว่าอาการของท่านย่าอาจทรุดลงได้ทุกเมื่อ ตั้งแต่นี้ไปจึงจำเป็นต้องมีคนคอยเฝ้าดูท่านย่าตลอดเวลาเจ้าค่ะ”

หลี่จิ้งเสียนรู้สึกวูบไปชั่วขณะ ร่างกายโอนเอนคล้ายจะยืนไม่อยู่

“ท่านพ่อ…” หลี่หมิงเจ๋อรีบประคองเขาไว้ทันที

หลี่จิ้งเสียนโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาใส เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์และความรู้สึกทุกข์ระทม ก่อนจะกลั้นใจเอ่ย “หมิงเจ๋อ เรียกผู้ดูแลจ้าวตระเตรียมเรื่องงานศพเอาไว้ล่วงหน้า เกิด…อย่างน้อยๆ ก็จะได้ไม่ชุลมุนวุ่นวาย…” ท้ายสุดเสียงสะอึกสะอื้นก็หลุดออกมา

หลี่หมิงเจ๋อพยักหน้า เขารู้สึกแย่จนพูดไม่ออก ผู้เป็นย่าปฏิบัติต่อเขาด้วยความรักใคร่และเอ็นดูมาโดยตลอด หากจากไปเช่นนี้จริงๆ…จะให้คนรุ่นหลังอย่างพวกเขาอยู่กันอย่างสุขใจได้อย่างไร

ติงหลั้วเหยียนกล่าว “ลูกขอตัวไปห้องของท่านย่าเพื่อเก็บข้าวของของท่านย่าก่อนนะเจ้าคะ น้องสะใภ้เอ่ยว่าตอนนี้ยังเคลื่อนย้ายท่านย่าไม่ได้เจ้าค่ะ”

หลี่จิ้งเสียนกล่าวทันทีทันใด “ไปเถอะๆ! อีกเดี๋ยวเรียกสาวใช้ที่ละเอียดถี่ถ้วนมาคอยปรนนิบัติอีกสักสามสี่คน ยามนี้ให้ความสำคัญไปที่เหล่าไท่ไททั้งหมด”

ติงหลั้วเหยียนพยักหน้ารับ

“หลินหลันต้องคอยดูแลเหล่าไท่ไท เรื่องน้อยใหญ่ภายในบ้านเจ้าก็เหนื่อยหน่อยแล้วกัน มีอันใดไม่เข้าใจก็ไปถามไถ่แม่เหยาดู”

“เจ้าค่ะ…”

ภายในรถม้า นางฮานแม่ลูกโอบกอดกันพร่ำเอ่ยด้วยความเศร้าโศก

“หมิงจูเอ๋ย! แม่ขอโทษเจ้าด้วยที่ทำให้เจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมหลายปีเพียงนี้ เดิมอยากเตรียมสินเดิมไว้ให้เจ้าตอนแต่งงานสักหนึ่งชุดใหญ่และเลือกสามีดีๆ ให้เจ้าสักคน จะได้แต่งงานออกไปอย่างมีหน้ามีตา ทว่าตอนนี้…ทั้งหมดพังทลายเพราะแม่เสียแล้ว”

หมิงจูส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยาดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย

“เป็นแม่เองที่ละโมบโลภมากเกินไปและหน้ามืดตามัว หากตอนนั้นแม่คิดให้รอบคอบมากอีกหน่อย บางทีก็คงไม่เดินมาถึงจุดนี้ไปได้” นางฮานเสียใจภายหลังอย่างถึงที่สุด

“ท่านแม่ ท่านอย่าโทษตนเองเลยนะเจ้าคะ เป็นหมิงจูเองที่ไม่ดี หากหมิงจูไม่เอาแต่ใจเพียงนั้น เชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านแม่ ไม่สร้างปัญหามากมายให้ท่านแม่ ท่านแม่ก็คงไม่เป็นเช่นนี้…”

เมื่อได้ยินสองแม่ลูกต่างฝ่ายต่างระบายความรู้สึกออกมา แม่เจียงจึงน้ำตาไหลรินด้วยความทุกข์ระทม นั่นสิ! หากตอนนั้นนางเกลี้ยกล่อมให้เต็มที่ ช่วยตักเตือนนายหญิงสักหน่อย ก็คงไม่ไปเปิดภูเขาเหมืองนั่น ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ยิ่งถลำตัวยิ่งลึกเกินกว่าจะแก้ไข

ทันใดนั้นรถม้ากลับหยุดชะงักกะทันหันจนทั้งสามไหลมากองรวมกัน

แม่เจียงตกอกตกใจ รีบปีนป่ายลุกขึ้นและเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”

ผ้าม่านรถถูกคนเลิกขึ้น ดาบเงินด้ามหนึ่งกวัดแกว่งขณะยื่นเข้ามา ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งภายใต้ใบหน้าที่โพกผ้าไว้มิดชิดเอ่ยอย่างดุดัน “ลงจากรถมาให้หมด”

นางฮานรีบปกป้องบุตรสาวไว้ด้านหลัง เอ่ยถามตะกุกตะกักและน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า…พวกเจ้าเป็นใครกัน”

ปลายดาบเงินจ่อมาที่ปลายจมูกของนางฮาน ชายฉกรรจ์เอ่ยอย่างดุดัน “ข้าบอกให้เจ้าทำอันใดก็ทำเช่นนั้น ขืนพูดมากอีกประโยคเดียว ข้าจะเฉือนจมูกของเข้าให้หมามันกินเสีย”