ภาคที่ 1 บทที่ 148 ชักจะโลภมากเกินไปแล้ว

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 148 ชักจะโลภมากเกินไปแล้ว

“เรื่องนั้น…”

หวังเหาส่ายหน้าและตอบตามความจริง “ฉันยังบอกไม่ได้”

รอยยิ้มบนริมฝีปากของซูเย่ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ

“มีอีกคำถามครับ ในโลกของเกม Fantasy Dream ที่แท้จริง การคำนวณพลังลมปราณของผู้เล่นแต่ละคนไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ไม่ทราบว่าทางผู้ผลิตเกม เอาข้อมูลพลังลมปราณของสัตว์ประหลาดแต่ละชนิดจากที่ไหนมาประเมินเหรอครับ?”

ซูเย่มองหน้านายตำรวจหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ

“อย่าถามอะไรไม่เข้าเรื่องสิ นี่มันความลับสุดยอดเชียวนะ!”

หวังเหาตอบเสียงเข้ม “เอาไว้นายเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามได้เมื่อไหร่ นายก็จะได้รู้เองนั่นแหละ”

ซูเย่หรี่ตามองหน้าหัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษ “แล้วอย่างนั้นคุณรู้ได้ยังไง?”

“เพราะว่าฉันได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ”

หวังเหาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ มองหน้าซูเย่อย่างไม่ชอบใจ “นายจะถามอะไรมากมาย พวกเราอย่ามาคุยเรื่องนี้เลยดีกว่า นายพอมีเวลาว่างใช่ไหม ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้นายมีทักษะการต่อสู้อยู่ในระดับไหนแล้ว ลองสู้กันสักยกหน่อยเป็นไง ตอนนี้นายก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเป็นทางการแล้วนี่ เดี๋ยวฉันจะออมมือให้แล้วกัน”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา!”

ซูเย่ยิ้มกริ่ม

ที่หวังเหาเรียกเขามาตั้งแต่เช้าอย่างนี้ ก็เพราะอยากทดสอบเขานี่เองสินะ

“งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

“ระวังตัว!” เขาร้องเตือนคู่ต่อสู้ หวังเหากระโดดเข้าประชิดตัวซูเย่และจู่โจมโดยไม่ลังเล

ซูเย่โต้ตอบกลับไปโดยไม่เกรงกลัว

“ตุบตับ…”

“ผลัวะ…”

“ฟึบ…”

ได้ยินเสียงกำปั้นปะทะกันอย่างหนักหน่วง

บุรุษทั้งสองคนต่อสู้อยู่ในห้องฝึกซ้อมด้วยความบ้าคลั่ง

แต่อย่างไรก็ตาม

ก่อนที่การต่อสู้จะยืดยาวโดยไม่จำเป็น ผลแพ้ชนะก็ปรากฏออกมาแล้ว

“ผลั่ก!”

หมัดสุดท้ายที่ต่อยออกไป ทำให้ทั้งซูเย่และหวังเหาต้องถอยออกมาคนละหลายก้าว

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ

ซูเย่ถอยหลังไปสองก้าว ในขณะหวังเหาต้องถอยหลังไปถึงสี่ก้าว!

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจของหวังเหากระตุกวูบ ดวงตาเบิกโตด้วยความประหลาดใจ

ถึงซูเย่จะไม่เล่นงานจุดอ่อนของเขา

แต่เขาก็ยังเอาชนะซูเย่ไม่ได้อีกหรือนี่?

แม้ว่าหวังเหาจะลดระดับพลังของตนเองลงมาจนอยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเท่ากัน แต่พลังแฝงในร่างกายของเขามีมากกว่าซูเย่ รวมถึงประสบการณ์ต่อสู้ด้วยเช่นกัน แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเอาชนะซูเย่ไม่ได้

ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัยนัก!

คิดมาถึงตรงนี้

หวังเหาก็ตัดสินใจโคจรพลังเต็มอัตรา และพุ่งเข้าหาซูเย่ด้วยความรวดเร็ว

เขาไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว

“ผลั่ก!”

กำปั้นของหวังเหากระแทกเข้าไปที่หน้าอกซูเย่

ชายหนุ่มล้มกลิ้งลงไปบนพื้นห้อง

“คุณเล่นทีเผลอ!”

ซูเย่คำรามด้วยความโกรธแค้น นอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด

ดวงตาของหวังเหาปรากฏความประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองซูเย่ลุกขึ้นยืน ปั้นหน้ายิ้ม พูดว่า “ขอโทษที เมื่อกี้ฉันลืมลดพลังลงไป ก็เลยต่อยนายเข้าไปเต็มแรงเลยน่ะ”

ซูเย่ยกมือนวดหน้าอก ยิ้มแหย ๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมขอของปลอบใจเป็นหยกปราณธรรมชาติอีกชิ้นหนึ่งก็พอแล้ว”

“อีกชิ้นบ้านนายเถอะ”

หวังเหาหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น “เร็วเข้า รีบ ๆ กลับไปเรียนได้แล้ว!”

เจ้าหนุ่มคนนี้มันชักจะโลภมากเกินไปแล้วจริง ๆ!

รู้อย่างนี้เมื่อกี้ต่อยอีกสักหมัดก็ดีหรอก!

“ในเมื่อผมรู้แล้วว่าโลกของเกม Fantasy Dream ที่แท้จริงมันเป็นยังไง แล้วคุณจะไม่บอกผมหน่อยเหรอครับว่าจะเข้าไปเล่นได้ไง?” ซูเย่ถาม

“ถ้าจะเข้าไปเล่น…”

หวังเหายกมือเกาหัวด้วยความกระอักกระอ่วน “ถ้าจะเข้าไปเล่นเกม Fantasy Dream ที่แท้จริง นายต้องเปลี่ยนหมวกใบใหม่ก่อน นี่คือเหตุผลที่ผู้เล่นต้องผ่านโหมดสังเวียนผู้กล้าให้ได้ก่อนไงล่ะ พอผ่านแล้วก็จะได้รับหมวกใบใหม่ แต่ตอนที่พวกเราทดสอบระบบกัน ไม่เคยมีใครผ่านโหมดสังเวียนผู้กล้าได้เร็วเท่านายมาก่อน หมวกรูปแบบใหม่ของพวกเราจึงยังไม่พร้อมในตอนนี้ เพราะฉะนั้น…ตอนนี้นายคงต้องรอไปก่อน”

ต้องเปลี่ยนหมวกใบใหม่อย่างนั้นหรือ?

หวังเหาพลันนึกถึงหมวก VR ที่เขาขโมยมาทันที

ไม่รู้ใช้หมวกใบนั้นจะเข้าเล่นเกม Fantasy Dream ที่แท้จริงได้หรือเปล่านะ

คืนนี้ลองเข้าดูดีกว่า

เพราะแบบนี้นี่เอง หมวก VR ใบเก่าถึงไม่มีตัวเลือกอื่นใดให้กดเลย

“แล้วเจอกันนะครับ”

ซูเย่โบกมือบ๊ายบายก่อนหมุนตัวเดินออกมา

“เดี๋ยวฉันจะทำเรื่องขอหยกปราณธรรมชาติอีกชิ้นให้เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน ถ้าได้เรื่องฉันจะติดต่อกลับไป”

หวังเหาตะโกนไล่หลัง

“ขอบคุณครับ”

ซูเย่หันหน้ากลับมาส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องฝึกซ้อมโดยไม่เหลียวมองกลับมาอีก

หวังเหาจ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มหายลับไปจากสายตา

“ไม่ใช่เขาสินะ”

หวังเหาขมวดคิ้วและพึมพำ “ดูจากสถานการณ์ในคืนนั้น คนที่ขโมยหมวก VR ไปต้องมีระดับพลังสูงส่งกว่าเราแน่นอน ในตอนที่สู้กับซูเย่ เราเพิ่มพลังโดยไม่ให้เจ้าหนุ่มนั่นตั้งตัว ถ้าเขาเป็นคนที่ขโมยหมวกไปจริง ๆ ก็จะต้องรับหมัดของเราได้แน่นอน แต่นี่ซูเย่ล้มกลิ้งไปถึงขนาดนั้น แสดงว่าซูเย่ไม่ใช่คนที่เราคิดเอาไว้สินะ”

“แล้วจะเป็นใครไปได้อีก?”

เมื่อเดินออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว

รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูเย่

การโจมตีเมื่อสักครู่นี้ เขาจะรับมือไม่ได้ได้อย่างไร

แต่คิดจะทดสอบเขาหรือ? ยังอ่อนหัดมากเกินไปนัก

“เมื่อได้หยกปราณธรรมชาติชิ้นนี้มาแล้ว เราก็น่าจะเลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองได้ไม่ยาก”

ซูเย่ไม่ได้เดินทางไปเข้าเรียนหรือกลับหอพัก แต่เขานำหยกปราณธรรมชาติเดินตรงเข้าไปในป่าลึกเพื่อทำการดูดซับพลังจากมันโดยตรง

เขาไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว

ซูเย่กลับไปที่ลำธารซึ่งเคยมาตั้งเตาหลอมโอสถแล้วครั้งหนึ่ง

เมื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้อื่นอยู่ ซูเย่ก็นั่งลงบนพื้นดินโดยไม่ลังเล

เขานำกล่องเก็บหยกออกมาเปิด

ต่อมา ซูเย่วางเศษหยกปราณธรรมชาติบนฝ่ามือข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างประกบลงไป แล้วหลับตาลง

ทำการดูดซับพลังปราณธรรมชาติที่อยู่รอบกาย

เมื่อพลังปานธรรมชาติเริ่มไหลรินเข้าสู่ร่างกาย เศษหยกบนฝ่ามือของเขาก็ส่องแสงสว่างเรืองรอง เกิดเป็นกลุ่มหมอกควันสีขาวที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในร่างกายของซูเย่อย่างแช่มช้า

“ด้วยการใช้วิชาห่าวหราน ความเร็วในการดูดซับพลังปราณธรรมชาติของเราจึงมีมากกว่าปกติถึงห้าเท่า และนั่นหมายความว่าความเร็วในการดูดซับพลังจากหยกชิ้นนี้ ก็เร็วมากขึ้นห้าเท่าด้วยเหมือนกัน”

หัวใจของซูเย่พองโตด้วยความตื่นเต้น

ชายหนุ่มดูดซับพลังต่อไป

พลังปราณธรรมชาติไหลรินเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง

กระแสพลังเหล่านั้นไหลเวียนไปทั่วร่างกายและทะลวงตามจุดลมปราณต่าง ๆ

และเนื่องจากซูเย่สามารถดูดซับพลังได้เร็วกว่าคนทั่วไปห้าเท่า เศษหยกปราณธรรมชาติบนฝ่ามือของเขาจึงลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว

ทุกครั้งที่ร่างกายชายหนุ่มดูดพลัง ขนาดของแผ่นหยกก็จะหดเล็กลง

สุดท้าย มันก็สลายหายไป

ทันใดนั้น เขาก็พบว่าพลังลมปราณในร่างกายของตนเองเพิ่มมากขึ้น บางทีในวันนี้ อาจทะลวงจุดลมปราณได้ครบทั้ง 365 จุดเลยก็ได้

“อีกนิดเดียวเท่านั้น”

ซูเย่สูดหายใจลึก หยิบยาลูกกลอนทะลวงปราณที่เตรียมเอาไว้โยนเข้าใส่ปากโดยทันที

เขาหลับตาลงอีกครั้ง

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มโคจรพลังลมปราณในร่างกาย ทำให้คลื่นพลังเกิดความปั่นป่วนแปรปรวนอย่างรุนแรง คลื่นพลังเหล่านี้เป็นเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาไปทะลวงจุดไป๋ฮุยเป็นอันดับแรก

ตามด้วยจุดซ่างซิงเป็นลำดับต่อมา

ได้ยินเหมือนเสียงกำแพงถูกทุบทำลายดังขึ้น

ต่อด้วยจุดที่สาม จุดหรู่จง

การเปิดจุดลมปราณยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จุดที่สี่ จุดที่ห้า…

ขณะนี้ กระแสพลังในร่างกายซูเย่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าราวกับเป็นรถไฟความเร็วสูง รถไฟขบวนนี้ไม่จำเป็นต้องจอดที่ชานชาลาไหน มันพุ่งตรงไปข้างหน้าโดยมีจุดหมายปลายทางเดียว คือการเปิดจุดลมปราณให้ครบ 365 จุดนั่นเอง