ภาคที่ 1 บทที่ 149 เลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสอง

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 149 เลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสอง

เพียงพริบตาเดียว

จุดลมปราณทั้ง 365 จุดก็ถูกเปิดผนึกหมดสิ้น

เมื่อจุดลมปราณเหล่านี้ถูกเปิดขึ้นแล้ว ซูเย่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าพันธนาการบางอย่างในร่างกายของเขาได้รับการปลดปล่อยโดยสมบูรณ์

ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

“กรึบ!”

ในจังหวะที่กำลังจะเลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองนั้นเอง ซูเย่ก็กัดเม็ดยาลูกกลอนที่อมอยู่ในปาก

เมื่อยาลูกกลอนแตกออกแล้ว มันก็ปลดปล่อยกระแสปราณธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายของซูเย่

พลังปราณธรรมชาติที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเม็ดยาลูกกลอนช่วยกระตุ้นมวลพลังที่อยู่ในร่างกายของเขาให้เพิ่มมากขึ้น

“จะไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไป!”

ซูเย่คำรามออกมา

มวลพลังปราณธรรมชาติในร่างกายไหลเวียนไปยังตำแหน่งที่ไม่มีจุดลมปราณ!

แต่กลับกลายเป็นว่าพื้นที่นั้นมีจุดลมปราณซ่อนอยู่โดยที่ซูเย่ไม่รู้ตัว

จุดลมปราณแรกถูกทะลวง

ตามด้วยจุดที่สอง

ต่อด้วยจุดที่สาม…

แล้วจุดลมปราณพิเศษอีก 355 จุด ก็ได้รับการทะลวงจากพลังของเม็ดยาลูกกลอนหมดสิ้น

“พรึบ…”

เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

จุดลมปราณ 720 จุดในร่างกายของซูเย่ก็ถูกเปิดผนึกออกทั้งหมด!

แต่อย่างไรก็ตาม

มันยังไม่จบเพียงเท่านี้!

เมื่อสามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองได้สำเร็จ สิ่งสำคัญคือการปรับระดับพลังให้คงที่

และภายใต้การควบคุมของซูเย่ มวลพลังในร่างกายจึงวิ่งจากที่ต่ำสู่ที่สูง ในขณะนี้ มวลพลังเหล่านั้นวิ่งขึ้นมาสู่จุดลมปราณซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดเก้าตำแหน่งด้วยความเร็วสูงสุด!

ข้อมูลในคัมภีร์โบราณระบุเอาไว้ว่า : ร่างกายมนุษย์จะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับธาตุหยิน พื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับธาตุหยาง และพื้นที่อีกส่วนหนึ่งสำหรับการรวมกันของธาตุหยินและหยาง

หน้าอกและช่วงท้องเป็นตำแหน่งของธาตุหยิน โดยตำแหน่งการกักเก็บพลังนั้นจะอยู่บริเวณจุดตันเถียนส่วนบน จุดตันเถียนส่วนกลาง จุดตันเถียนส่วนล่าง และจุดจื่อกง!

ส่วนตำแหน่งของธาตุหยาง จะประกอบไปด้วยจุดเหวยลั่วกวน จุดเจี๋ยจีกวน จุดอวี่เจิ้นกวน และจุดหมิงเหมิน!

นี่คือตำแหน่งกักเก็บพลังพิเศษในร่างกายมนุษย์ทั้งเก้าจุด

แต่จุดศูนย์รวมของธาตุหยินหยางนั้น

เป็นพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางของพื้นที่เก็บธาตุทั้งสองชนิด

ในระหว่างที่โคจรพลังขึ้นมาเพื่อหลอมรวมปราณในร่างกายให้คงที่ ซูเย่มีความรู้สึกเวียนหัวและอ่อนล้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน

แต่ความรู้สึกเหล่านี้คงอยู่เพียงไม่นาน

หลังจากนั้น เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกหัก

แล้วร่างกายของซูเย่ก็กลับมาสดชื่นแจ่มใสดังเดิมอีกครั้ง!

มิหนำซ้ำ เขายังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิมอีกด้วย!

นี่คือการเลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองแบบรวดเดียวจบ!

“แต่การเปิดจุดลมปราณทั้งหมดในครั้งนี้ แตกต่างจากที่เราเคยเปิดได้ในอดีตอย่างสิ้นเชิง”

ซูเย่กําหมัดแน่น รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งในร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อลองโคจรพลังลมปราณดูอีกครั้ง เขาก็พบว่าจุดลมปราณ 720 จุดทั่วร่างกายสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ขอเพียงตั้งสติโคจรพลังให้ดี แล้วจุดลมปราณ 720 จุดเหล่านี้ก็พร้อมส่งพลังออกมาให้เขาอย่างมหาศาล!

“เพราะในตัวเรามีจุดลมปราณอยู่ถึง 720 จุด การฝึกวิชาของเราต่อจากนี้ คงต้องฝึกให้หนักมากกว่าเดิมอีกสองเท่าแล้วสิ”

“แต่นั่นก็หมายความว่าถ้าเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกัน เราก็จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนอื่นสองเท่า และมากกว่าพวกของซูชือกับจินฟานอีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า…”

“ว่าแต่ว่าเรามีจุดลมปราณพิเศษเพิ่มขึ้นมา 355 จุด แล้วจะมีเส้นลมปราณพิเศษด้วยหรือเปล่านะ?”

ซูเย่นึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน

เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน

“เปิดผนึกดวงตาที่สาม!”

ชายหนุ่มใช้ดวงตาสวรรค์ตรวจสอบภายในร่างกาย

เมื่อตรวจสอบดูแล้ว

เขาก็ต้องตกตะลึง

เนื่องจากดวงตาที่สามตรวจพบว่าในร่างกายของซูเย่มีเส้นลมปราณพิเศษปรากฏขึ้นมาสามตำแหน่งจริง ๆ

ตำแหน่งของมันอยู่ตรงกลางลำตัว ใกล้เคียงกับจุดกักเก็บพลังหยินหยางทั้งเก้า และเส้นลมปราณเหล่านี้ก็อยู่ทั้งด้านบนและด้านล่างของจุดหวงจินเทียน

“ในเมื่อมีแล้วก็ต้องเอามาใช้ประโยชน์ให้ได้ แต่เราจะใช้ประโยชน์จากเส้นลมปราณพิเศษเหล่านี้ได้ยังไงบ้างนะ?”

ซูเย่พยายามข่มกลั้นความตื่นเต้นภายในใจ และค้นหาข้อมูลในราชวังแห่งความทรงจำ หาดูคัมภีร์โบราณที่เกี่ยวข้องกับเส้นลมปราณโดยเฉพาะ

ในที่สุด เขาก็พบข้อมูลจากคัมภีร์ฝึกวิชาลัทธิเต๋า

เส้นลมปราณพิเศษทั้งสามจุดนี้เรียกขานว่า จุดหวงติงส่วนบน จุดหวงติงส่วนกลาง และหวงติงจุดส่วนล่าง!

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าจุดปริศนาพวกนี้จะมีอยู่จริง ๆ ด้วย”

ซูเย่อดประหลาดใจไม่ได้

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในอดีตไม่ทราบมีมากมายเพียงใดที่แสวงหาจุดหวงติงในร่างกายตนเองอย่างทุ่มเททั้งชีวิต คัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งเคยเขียนเอาไว้ว่า “นักบวชในลัทธิเต๋าเป็นเพียงพระ ไม่ใช่เทพเจ้า แต่ในร่างกายของพวกเขากลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ไม่ต่างจากเทพเจ้าตัวจริง”

อะไรบางอย่างที่ในคัมภีร์เล่มนั้นกล่าวถึง ก็คือจุดหวงติงนี่เอง

แต่แทบไม่เคยมีใครรู้ด้วยซ้ำว่าจุดหวงติงอยู่บริเวณไหนในร่างกายของมนุษย์ แม้แต่ซูเย่ก็ไม่รู้เช่นกัน

“ใครจะไปคิดนะว่าดวงตาที่สามจะทำให้เราสามารถมองเห็นจุดหวงติงได้แบบนี้”

ซูเย่ถอนหายใจออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

ตอนนี้เขาก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าจุดหวงติง ไม่ได้เป็นเพียงตำนานในคัมภีร์โบราณอีกแล้ว

แต่มันมีอยู่จริง

ลำพังแค่มีจุดลมปราณพิเศษเพิ่มขึ้นมา ซูเย่ก็แข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหลายเท่า แต่นี่เขากลับสามารถระบุตำแหน่งจุดหวงติงได้อีกด้วย ซูเย่จึงแน่ใจว่าตนเองต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองคนอื่น ๆ แน่นอน

แต่นั่นหมายความว่าเขาก็ต้องดูดซับพลังปราณธรรมชาติมากกว่าเดิมเช่นกัน…

“ดูเหมือนว่าได้เวลาที่เราจะต้องเพิ่มการดูดซับพลังให้เร็วมากขึ้นเป็นสิบเท่าแล้วสิ”

ซูเย่นั่งโคจรพลังไปจนถึงตอนเย็น เมื่อระดับพลังในร่างกายของเขาคงที่แล้ว ชายหนุ่มก็ลืมตา ลุกขึ้นยืน และเดินทางกลับมหาวิทยาลัย

ระหว่างทาง เขาแวะร้านขายเสื้อผ้า ซื้อเสื้อและกางเกงตัวใหม่เป็นสีดำสนิท เช่นเดียวกับหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เพราะชายหนุ่มอยากจะทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครจำเขาได้จริง ๆ ยามที่เดินกลับเข้าไปในมหาวิทยาลัย

ซูเย่อยากจะกลับไปหาซูชือกับจินฟานซึ่งตอนนี้คงนั่งเล่นอยู่แถวหอพัก

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเดินไปถึงจัตุรัสกลางมหาวิทยาลัยเท่านั้น เขาก็เห็นสองสหายนั่งแซวสาว ๆ อยู่ไม่ห่างออกไป

ซูเย่กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาซูชือกับจินฟาน

“พี่ชาย ผมรบกวนขอยืมโทรศัพท์มือถือโทรหาที่บ้านหน่อยได้ไหม?”

แน่นอนว่าซูเย่ไม่ลืมดัดเสียงของตัวเองด้วย

ซูชือกับจินฟานชะงักไปเล็กน้อย ยุคนี้ยังมีคนมาขอยืมโทรศัพท์กันอีกหรือ?

ในเวลาเดียวกันนั้น สองหนุ่มก็ใช้สายตาสำรวจมองซูเย่

และเมื่อเห็นว่าบุรุษหนุ่มสวมใส่หมวกและหน้ากากปิดบังใบหน้า ท่าทางมีพิรุธ ซูชือกับจินฟานก็หันมองหน้ากันด้วยแววตาตื่นเต้น

หมอนี่ตั้งใจจะมาขโมยโทรศัพท์ของพวกเขาสินะ?

หลังจากฝึกวรยุทธ์แล้ว ซูชือกับจินฟานก็รอคอยโอกาสที่จะได้แสดงตัวเป็นพระเอก เข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวจากกลุ่มอันธพาลข้างถนน แต่รอแล้วรอเล่า โอกาสนั้นก็ยังมาไม่ถึงสักที

หรือว่านี่จะเป็นโอกาสที่ให้พวกเขาได้แสดงฝีมือแล้ว?

“ได้สิ ไม่มีปัญหา นายก็เรียนอยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”

ซูชือยิ้มกว้าง หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงส่งให้ซูเย่

“ขอบคุณนะ”

ซูเย่รับโทรศัพท์มือถือมาจากซูชือเรียบร้อย ก็หมุนตัววิ่งหนีไปโดยไม่ลังเล

“นั่นแหละ วิ่งไปเลย ฉันจะนับหนึ่งถึงสามแล้วค่อยวิ่งตามแล้วกัน นี่อุตส่าห์ต่อให้เลยนะเนี่ย!”