ตอนที่ 361 พวกเธอจะใช่คนๆ เดียวกันหรือเปล่า / ตอนที่ 362 นอนเตียงเดียวกัน

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 361 พวกเธอจะใช่คนๆ เดียวกันหรือเปล่า

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ราวกับมีเสียงคล้ายระเบิดดังปะทุอยู่ในหัวของเขา เขาหันไปมองแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มองไปยังคนที่กำลังกล่าวลาหลินจยาอวี่กับอวี๋กานกาน

 

 

อาจจะเป็นไปได้ที่หลินจยาอวี่คือผู้หญิงน่ารังเกียจที่ใช้กำลังกับเขาในตอนนั้น

 

 

นี่คือสิ่งที่ฟังจือหันกำลังจะสื่อเหรอ

 

 

นี่จะเป็นไปได้ยังไง โลกกลมถึงขนาดมีเรื่องบังเอิญแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ

 

 

แต่ว่าพวกเขาอยู่ที่เดียวกันก็จริง อาจจะเจอเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันก็ได้

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เฝ้ามองดูแววตาของหลินจยาอวี่ที่สงบนิ่งดั่งทะเลลึก

 

 

เขาปิดเปลือกตาลงพยายามนึกถึงความทรงจำในคืนนั้น

 

 

ตอนนั้นเขาดื่มไปเยอะมาก สภาพมึนงงไปหมด จำได้แค่เงาร่างเลือนรางและสุดท้ายร่างนั้นก็ถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นรูปบากบิดเบี้ยวน่าหวาดกลัว

 

 

เมื่อส่งอวี๋กานกานแล้ว หลินจยาอวี่ก็กลับมายืนข้างกายลู่เสวี่ยเฉิน เห็นว่าเขามองเธอตาค้าง จึงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรเหรอ”

 

 

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

 

“งั้นก็เข้าไปกันเถอะ”

 

 

“คุณเข้าไปก่อน ผมขอคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่ง”

 

 

หลินจยาอวี่ตอบเสียงอืมเบาๆ

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินจ้องมองหลังบอบบางของหลินจยาอวี่ ย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่กำลังสบสายตาคู่นั้น ดวงตาและรูปร่างของเธอคล้ายกับผู้หญิงในคืนนั้นจริงๆ ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือน

 

 

ด้วยความกลัวว่าลางสังหรณ์ของเขาจะเป็นจริง ลู่เสวี่ยเฉินจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาผู้ช่วยของตัวเอง

 

 

เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “นายรีบให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ผับในคืนนั้นออกมา ถ้าจะให้ดีเอาคลิปกับรูปถ่ายที่ชัดเจนที่สุดมาให้ฉัน”

 

 

หลังจากงานเลี้ยงจบลง ลู่เสวี่ยเฉินและหลินจยาอวี่ก็กลับมาที่บ้านตระกูลลู่

 

 

ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงลู่ได้โน้มน้าวให้สองคนนี้ใจอ่อนหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาจึงยอมมาอยู่บ้านตระกูลลู่ชั่วคราวในช่วงไม่กี่วันนี้หลังแต่งงาน

 

 

คฤหาสน์ตระกูลลู่ประดับแสงไฟระยิบระยับดูแล้วช่างสดใส ตกแต่งไปด้วยลูกโป่งดอกกุหลาบและริบบิ้นทั่วทั้งคฤหาสน์ นอกจากนี้ยังมีภาพกลอนที่โรแมนติกอีกด้วย

 

 

หลินจยาอวี่อยู่ในห้องน้ำมาครึ่งชั่วโมงแล้ว

 

 

ในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาลู่เสวี่ยเฉินเอาแต่ยืนอยู่ด้านนอกประตู เกิดความสับสนมากมายในใจ

 

 

ผลลัพธ์ควรจะส่งถึงมือเขาโดยเร็ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าช้าไปอยู่ดี เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวว่าจะไม่ทันการ อยากรู้ว่านี่จะเป็นเรื่องน่ายินดีหรือเรื่องน่าตกใจ

 

 

หลินจยาอวี่เดินออกมาจากห้องน้ำ ชะงักเล็กน้อยมองคนที่ยืนอยู่ตรงประตู สีหน้าของลู่เสวี่ยเฉินเต็มไปด้วยความกังวลสับสน เธอจึงเอ่ยปากถามเขา “มีอะไรหรือเปล่า”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินตอบกลับด้วยความลนลาน “เปล่า ผมรอคุณอาบเสร็จผมจะได้ไปอาบน้ำบ้าง ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ หรือว่าคุณไม่เหนื่อย”

 

 

แน่นอนว่าเธอเหนื่อย ดังนั้นเธอจึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรก แล้วก็กะจะนอนหลับบนเตียงให้สบายสักหน่อย

 

 

หลินจยาอวี่ขมวดคิ้วถามเขา “คุณจะอาบน้ำที่นี่เหรอ”

 

 

“ถ้าไม่ให้ผมอาบที่นี่แล้วจะให้ไปอาบที่ไหน” ลู่เสวี่ยเฉินตอบกลับทั้งยังหัวเราะอีก เขายิ้มยียวนที่มุมปาก “หรือว่าคุณจะให้เจ้าบ่าวย้ายไปอยู่บ้านใหม่ในคืนเข้าหอ”

 

 

เขาล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง แต่หลินจยาอวี่กลับไม่ตลกด้วย ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “คุณอย่าลืมล่ะ การแต่งงานบังหน้าครั้งนี้พวกเราได้ตกลงกันดีแล้ว”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินพยักหน้าแสดงความเข้าใจ “ผมรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่าพวกเรายอมอยู่บ้านนี้ไม่กี่วันหลังแต่งงานตามคำขอของแม่ผมแล้ว คืนเข้าหอเป็นธรรมดาที่ห้ามแยกห้องนอน ไม่งั้นล่ะก็แม่ผมคงได้กระอักเลือดแน่ ถ้าจู่ๆ วิ่งขึ้นมาดูพวกเราแล้วรู้ว่าแยกห้องนอนกัน คุณว่ามาซิว่าแม่ผมจะคิดยังไง”

 

 

คืนเข้าหอไม่ทันไรสามีภรรยาก็แยกเตียงนอนกันซะแล้ว มีหวังคุณผู้หญิงลู่คงได้คิดว่าพวกเขาทะเลาะกันแล้วแน่ๆ

 

 

หรือแม้กระทั่งอาจจะสงสัยได้ว่างานแต่งงานของพวกเขาเป็นเรื่องจอมปลอม

 

 

หลินจยาอวี่เอ่ยปากพูด “แต่แม่ของคุณคงไม่วิ่งขึ้นมาดูพวกเราในคืนเข้าหอหรอกมั้ง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 362 นอนเตียงเดียวกัน

 

 

“หากวันปกติก็ไม่เป็นไรหรอก แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน ผมดื่มไปตั้งเยอะแล้วคุณยังท้องอยู่ด้วย แม่ผมจะวางใจให้คนเมาอยู่กับคนท้องได้ยังไง”

 

 

“ท่าทางคุณก็ดูไม่เมาเลย คุณลงไปข้างล่างสักรอบสิเดี๋ยวแม่คุณก็รู้เองแหละว่าคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินมีสีหน้าลำบากใจ “งั้นถ้าพรุ่งนี้เช้าป้าแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดแล้วเห็นว่ามีคนเคยนอนเตียงห้องนอนข้างๆ ในคืนเข้าหอ คุณคิดว่าป้าแกจะไม่เอาไปฟ้องแม่ผมเหรอ”

 

 

คืนเข้าหอแน่นอนว่าทำให้คนหวั่นไหวได้ ทำไมตอนนั้นเธอนึกไม่ถึงปัญหานี้กันนะ ยังไงก็ตกลงมาอยู่ที่บ้านตระกูลลู่แล้ว

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินมองเธอที่กำลังตีหน้ายุ่ง เขาจึงยิ้มแล้วพูดเนือยๆ “คุณท้องอยู่ ผมจะทำอะไรคุณได้”

 

 

หลินจยาอวี่คิดว่าลู่เสวี่ยเฉินเองก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น

 

 

เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “คุณต้องเข้าใจด้วยว่าการแต่งงานของเราเป็นเพียงการแต่งงานหลอกๆ แม้คุณจะเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ให้พ่อแม่พวกเรารู้เรื่องนี้เด็ดขาด งั้นฉันก็รับผิดชอบในส่วนของฉัน เพียงแต่อยากให้คุณเข้าใจด้วยว่าถึงแม้คุณจะไม่แตะต้องตัวฉัน แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ…หลังจากผ่านวันพรุ่งนี้ไป พวกเราต้องรีบย้ายออกทันที”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินยืนพิงตู้แล้วพูดอย่างแฝงความหมาย “ตอนนี้คุณท้องอยู่ คุณคิดว่าแม่จะยอมให้คุณไปอยู่ข้างนอกเหรอ”

 

 

“ความหมายของคุณคือหลังจากคลอดลูกงั้นเหรอ”

 

 

แบบนั้นก็ไม่ได้อีก หลินจยาอวี่ทำยังไงก็ไม่ยอมทั้งนั้น “เมื่อก่อนคุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่ คุณบอกแล้วว่าจะหาเหตุผลย้ายออกไปไง”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินยกสองมือขึ้นมาอย่างไม่ยี่หระ “ตอนนี้ยังหาเหตุผลไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ผมเองก็ถูกไล่บี้จนหมดหนทางแล้ว”

 

 

หลินจยาอวี่ขยับปากเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาทำข้อตกลงกัน พูดไว้แล้วว่าระหว่างแต่งงานบังหน้า ในฐานะลูกเขยและลูกสะใภ้จะต้องเคารพและให้เกียรติพ่อแม่ของแต่ละฝ่าย ห้ามไม่ให้พวกเขารู้เรื่องแต่งงานบังหน้านี้เด็ดขาด

 

 

คุณผู้หญิงลู่เป็นคนอบอุ่นและใจดี คิดว่าเธอท้องลูกของลู่เสวี่ยเฉินจริงๆ ตอนแรกเธอจะจอมอยู่แค่สามวัน ตอนนี้อยู่เพิ่มอีกสี่วัน”

 

 

“งั้นคืนนี้คุณจะนอนที่ไหน”

 

 

เมื่อหลินจยาอวี่ถามจบก็มองไปที่โซฟาในห้องนอน

 

 

ความหมายชัดเจนอยู่แล้ว ลู่เสวี่เฉินไม่ยอมไปนอนที่ห้องข้างๆ งั้นก็นอนโซฟาแทนแล้วกัน ลู่เสวี่ยเฉินปรายตามองโซฟาจากนั้นจึงตอบเสียงเบาๆ “ยังไงก็ต้องนอนที่เตียงอยู่แล้ว”

 

 

ถ้าเขานอนที่เตียง แล้วเธอล่ะ หลินจยาอวี่ใบหน้าเหยเกนิ่งลงและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วฉันล่ะ”

 

 

“คุณก็ต้องนอนเตียงด้วยสิ”

 

 

“งั้นไม่มีที่พอหรอก” พวกเขาแต่งงานบังหน้า ที่จริงแล้วก็คือสามีภรรยาหลอกๆ

 

 

“พวกเราแต่งงานกันแล้ว ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณเป็นภรรยาผม ดังนั้นไม่มีใครสนว่าผมจะทำอะไรคุณหรือไม่ แต่คุณเป็นภรรยาในนามของผม ไม่มีใครสนใจหรอกว่าระหว่างเราสองคนเคยมีอะไรเกิดขึ้น แล้วคุณก็วางใจเถอะว่ายังไงผมก็ไม่มีทางแตะเนื้อต้องตัวคุณ ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ได้เลวถึงขนาดรังแกคนท้องได้”

 

 

ในขณะที่หลินจยาอวี่กำลังจะพูดอะไรออกมา เสียงโทรศัพท์มือถือของลู่เสวี่ยเฉินก็ดังขึ้นมาพอดี

 

 

ลู่เสวี่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาทันที เขาช้อนตามองหลินจยาอวี่แล้วก็ถือโทรศัพท์เดินออกไป

 

 

ใบหน้าของหลินจยาอวี่เต็มไปด้วยความสงสัย

 

 

สายตาเมื่อครู่ เธอมองเห็นถึงความรู้สึกผิดของผู้ชายคนนี้

 

 

เขารู้สึกผิดอะไร ใครโทรมาทำไมถึงดูเป็นความลับอย่างนี้ มีเรื่องอะไรที่ให้เธอรู้ไม่ได้