ตอนที่ 363 จริงๆ แล้วเขาเป็นพ่อของเด็กในท้อง / ตอนที่ 364 ถ้าพ่อของเด็กในท้องยืนอยู่ตรงหน้าคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 363 จริงๆ แล้วเขาเป็นพ่อของเด็กในท้อง

 

 

ดูเหมือนว่าตอนที่พวกเขาตกลงทำสัญญาแต่งงานกันก็ได้คุยกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายถึงความสัมพันธ์ข้างนอกบ้าน หากเขาอยากออกไปหาผู้หญิงที่อื่นก็ตามใจ แต่จะมาสร้างความวุ่นวายออกนอกหน้าไม่ได้เด็ดขาด

 

 

หรือว่าลู่เสวี่ยเฉินจะมีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว หรือว่าสายที่พึ่งโทรเข้ามาเมื่อกี้จะเป็นคนรักของลู่เสวี่ยเฉิน

 

 

พื้นฐานครอบครัวของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก ตระกูลลู่คงไม่อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ดังนั้นลู่เสวี่ยเฉินเลยมาหาเธอเพื่อแต่งงานบังหน้า

 

 

นอกจากจะสลัดความยุ่งเหยิงวุ่นวายของเหวินซินเหมยนั่นแล้ว ยังคงคิดที่จะปกป้องคนรักของตัวเองอีกด้วย

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเดินหยิบมือถือออกมาจากห้อง เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้นสาม เขายังคงอยู่ในชุดสูทแต่งงานสีขาวจากงานเลี้ยงอยู่

 

 

เขามองมือถืออย่างไม่รีบร้อนที่จะกดดูข้อความนั้นจากแจ้งเตือน เพียงแต่ยื่นมือขยับเนกไทและปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนแค่นั้น

 

 

ร่างโปร่งตั้งตรงเอนกายพิงผนังด้านข้างราวกับชายหนุ่มรูปงามฟลาวเวอร์บอยที่หลุดออกมาจากการ์ตูน

 

 

หลังจากที่เขาเงียบไปนาน ลู่เสวี่ยเฉินจึงกดดูมือถือ ข้อความที่ผู้ช่วยส่งมาเป็นคลิปที่อยู่ในผับคืนนั้น

 

 

ผู้ช่วยบอกกับเขาว่านี่เป็นคลิปวีดิโอที่ชัดเจนที่สุดแล้ว

 

 

ผู้หญิงที่อยู่ในคลิป ถึงแม้จะสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ แต่เมื่อเขาลองเอามาเปรียบเทียบกับหลิน จยาอวี่แล้วเห็นได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือลักษณะที่เผยออกมานั้นเหมือนกันกับหลินจยาอวี่ทุกประการ

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินช็อกมาก

 

 

จ้องดูคลิปอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมาก

 

 

ผู้หญิงขี้ริ้วขี้เหร่ในคืนนั้นจะเป็นหลินจยาอวี่จริงๆ ได้ยังไง

 

 

ผู้ชายที่ทำให้หลินจยาอวี่ท้องในคืนนั้น สรุปแล้วเป็นเขาอย่างนั้นเหรอ

 

 

ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาเองยังรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบ้าๆ เป็นเรื่องที่ช็อกมากๆ

 

 

ตกใจ ความสุข ความโกรธ ความตื่นเต้น ทุกอารมณ์สับสนปนเปรวมกันไปหมด

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินโมโหจนกลั้นไม่ไหวกดโทรศัพท์โทรหาฟังจือหัน กรอกสายกดเสียงต่ำ “คุณฟัง คุณรู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม แล้วทำไมถึงไม่บอกผม ถ้าหากคนที่หลินจยาอวี่แต่งงานบังหน้าด้วยเป็นคนอื่น งั้นลูกผมคงต้องเรียกคนอื่นว่าพ่อไปแล้ว”

 

 

ฟังจือหันตอบเสียงเรียบ “ผมก็ไม่รู้หรอก ผมก็แค่บังเอิญเคยเจอหลินจยาอวี่ก่อนที่จะหายป่วย”

 

 

เขาแค่บอกสิ่งที่เขากำลังคาดเดาออกมา

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินสบถออกมาเต็มไปด้วยความโกรธ “คุณฟัง อย่าคิดว่าผมจะขอบคุณคุณล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณให้ผู้ช่วยของคุณมอมเหล้าผม ตั้งใจทิ้งให้ผมอยู่กับไฮโซพวกนั้น ผมก็คงไม่เจอหลินจยาอวี่แล้วเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้น”

 

 

เมื่อพูดจบเขาก็วางสาย

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินหลับตาลง ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมริมฝีปากพร้อมกับความสับสนเล็กน้อย

 

 

เด็กคนนั้นเป็นลูกเขาจริงๆเหรอ นี่เขากำลังจะเป็นพ่อคนเหรอ

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ๆ จะมีลูกกับเขาคนหนึ่ง ความรู้สึกนี้แปลกๆ บอกไม่ถูกทั้งสับสนและตื่นเต้นนิดหน่อยแล้วก็รู้สึกรอคอย

 

 

ค่ำคืนวิวาห์ เป็นค่ำคืนที่ข่มตานอนได้ยากนัก

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินกำโทรศัพท์แน่น กำลังคิดว่าจะเปิดปากพูดถึงพ่อของเด็กในท้องหลินจยาอวี่ยังไง

 

 

เมื่อคิดในใจได้แล้วว่าจะพูดยังไงดี ลู่เสวี่ยเฉินจึงเตรียมตัวกลับเข้าไปในห้อง

 

 

เขากำลังกลับหลังหันก็ถูกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังทำให้ตกใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วเบาๆ มองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า “พี่ มายืนทำอะไรตรงนี้”

 

 

ลู่จิ้งอีหน้าดำคร่ำเครียด คล้ายกับว่ากำลังข่มพายุฝนที่กำลังจะปะทุ “ฉันควรจะถามแกมากกว่า แกมายืนทำอะไรตรงนี้ คืนวันแต่งงานทำไมถึงไม่อยู่กับเมียแก แต่กลับมายืนกินลมชมวิวอยู่บนดาดฟ้า”

 

 

ดวงตาของเธอจ้องหน้าลู่เสวี่ยเฉินเขม็ง เหมือนกับจะจ้องให้ทะลุกันไปข้าง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 364 ถ้าพ่อของเด็กในท้องยืนอยู่ตรงหน้าคุณ

 

 

ลู่เสวี่ยนเฉินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระตอบเสียงเรียบ “ผมออกมารับโทรศัพท์ จยาอวี่เข้านอนแล้วผมไม่อยากรบกวนเธอ”

 

 

“ใช่เหรอ” สีหน้าของลู่จิ้งอีเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

 

 

แล้วแต่เธอจะเชื่อหรือไม่ ลู่เสวี่ยเฉินกำลังจะก้าวขาเดินออกไปแต่กลับถูกลู่จิ้งอีเรียกให้หยุดก่อน “ลู่เสวี่ยเฉิน แกกับหลินจยาอวี่รู้จักกันได้ยังไง”

 

 

“ลู่เสวี่ยเฉินหันหลังกลับมามองลึกเข้าไปในแววตาของเธอ “ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ารู้จักกันผ่านเพื่อน”

 

 

“เพื่อนคนนั้นใช่อวี๋กานกานหรือเปล่า” ลู่จิ้งอีจ้องตาเขาอย่างเยือกเย็น ถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ฟังจือหันคบกับเธอแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

 

 

“วันนี้พี่ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

 

แม้ฟังจือหันจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ได้ประกาศอำนาจในตัวไปแล้ว ตอนนี้คนในแวดวงทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าฟังจือหันไม่โสดแล้ว

 

 

ลู่จิ้งอีพูดต่อด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “มองไม่ออกจริงๆ หมอคนนี้ร้ายกาจอะไรขนาดนี้ เธอคบกับฟังจือหันแล้วยังให้เพื่อนของเธอมาคบกับแกอีก”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินฟังไม่ขึ้นในบางคำ คำพูดพี่สาวของเขาแฝงไปด้วยความหมาย “พี่ครับ จยาอวี่แต่งงานกับผมแล้ว อีกอย่างลูกในท้องเธอก็เป็นหลานของพี่”

 

 

ลู่จิ้งอีถอนหายใจ “ถ้าหากไม่ใช่เพราเธอกำลังท้องอยู่ แกคิดว่าเธอจะได้แต่งเข้าบ้านเราไหม” คำพูดดังกล่าวทำให้ลู่เสวี่ยเฉินสีหน้าสลดลง “พี่ครับ พูดให้ดีๆ หน่อย ผมขอ”

 

 

“นี่ฉันไม่ได้ทำเพื่อแกหรือเห็นไง ฉันกลัวว่าแกจะโดนหลอก เดี๋ยวนี้มารยาผู้หญิงมันร้ายจริงๆ ไม่เหมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูไร้เดียงสา แต่สุดท้ายดูไม่ออกจริงๆ ว่าเธอจะชอบแก หรือเป็นเพราะจุดประสงค์อื่นกันแน่”

 

 

“ช่างเถอะ พี่ทำเพราะฟังจือหันต่างหาก พี่ครับไม่ใช่เพราะผมไม่อยากจะช่วยพี่นะ ผมสร้างโอกาสให้พี่มาตั้งหลายครั้งแล้ว มีครั้งไหนที่ฟังจือหันให้โอกาสพี่บ้าง พี่ไม่เหมาะสมกับเขาหรอก”

 

 

คำพูดของลู่เสวี่ยเฉินทำให้ลู่จิ้งอีทนไม่ไหวอีกต่อไป

 

 

เธอพูดออกมาอย่างโกรธจัด “เมื่อก่อนฉันก็แค่อยากพัฒนากับฟังจือหัน แต่ตอนนี้ฉันยอมแพ้แล้ว”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยคำว่า “อ่อ” ออกมาเสียงเรียบ

 

 

คำพูดนี้ก็สมควรแล้ว แต่จะเชื่อไหมก็อีกเรื่อง

 

 

ลู่จิ้งอียังโมโหไม่หยุด “จะเชื่อหรือไม่เชื่อ”

 

 

เธอจ้องลู่เสวี่ยเฉินเขม็งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จู่ๆ แกก็บอกที่บ้านว่าจะแต่งงานเพราะแฟนแกท้อง แกทำเหมือนเราเป็นครอบครัวธรรมดา ฉันจะบอกแกให้ชัดๆ นะว่าฉันไม่ชอบเธอ ถ้าหากเป็นผู้หญิงดีๆ จริงๆ จะไม่ให้ครอบครัวของผู้ชายรู้การมีอยู่ของเธอและหอบเอาท้องโตมาพูดเรื่องแต่งงานหรอก”

 

 

พูดจบก็สะบัดเดินออกไปด้วยความโมโห

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินทำอะไรไม่ถูก

 

 

เขารู้ว่าที่พี่สาวโกรธเขาในวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่เข้าใจฟังจือหัน แต่อีกส่วนหนึ่งคือเป็นห่วงเขามากกว่า เขาจึงบอกความจริงไม่ได้

 

 

ตอนที่ลู่เสวี่ยเฉินเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เขาก็เห็นว่าหลินจยาอวี่กำลังเอาผ้านวมมาปูให้ที่โซฟา

 

 

เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาพร้อมขมวดคิ้วมุ่น “นี่คุณทำอะไร”

 

 

“ฉันจะนอนโซฟา” หลินจยาอวี่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ยังไงแล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่นอนเตียงเดียวกับลู่เสวี่ยเฉิน

 

 

“ถ้าให้คนเขารู้ว่าผมรังแกคนท้องล่ะก็ ต่อไปผมจะ…ยังไง” ลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงบนโซฟา คว้าหมอนในมือของหลินจยาอวี่มา “หากจะนอนผมนอนโซฟาเอง คุณไปนอนที่เตียงเถอะ”

 

 

หลินจยาอวี่ยืนนิ่งไม่ขยับ ลู่เสวี่ยเฉินตัวสูง แต่โซฟาในห้องนอนสั้นกว่าตัวเขา ถ้าเขานอนบนนี้ เขาต้องนอนตัวงอทั้งตัวแน่ๆ

 

 

“ให้ฉันนอนนี่เถอะ”

 

 

สายตาของลู่เสวี่ยเฉินตกกระทบไปที่หน้าท้องน้อยของเธอพอดี เมื่อคิดว่าลูกในท้องเป็นลูกของเขา ความรู้สึกของเขากลับละเอียดอ่อนมากขึ้น “…ถ้าหากพ่อของเด็กในท้องยืนอยู่ตรงหน้าของคุณ คุณจะทำยังไง”