บทที่ 291 เขาคือคนของผม / บทที่ 292 เปลี่ยนคน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 291 เขาคือคนของผม / บทที่ 292 เปลี่ยนคน โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 291 เขาคือคนของผม

โจวเหวินปินจัดแจงเสื้อผ้า กลั้นความโมโหเดินเข้าไป

กวาดตามองแวบหนึ่ง ในมือเยี่ยไป๋มีเอกสารมอบหมายงานจริงๆ

โจวเหวินปินสีหน้าเคร่งขรึมลง รีบพลิกดูเอกสารและสัญญาพวกนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบปากกาหมึกซึมด้ามหนึ่งออกมา เซ็นชื่อตัวเองกำกับลงบนเอกสารหลายแผ่นนั้น

โจวเหวินปินสูดหายใจเข้าลึก “เสร็จแล้วใช่ไหม?”

“ขอบคุณมาก!” เยี่ยหวันหวั่นรับเอกสารมาด้วยความพอใจมาก

“ยังไม่รีบไปอีก!” โจวเหวินปินโมโหเดือดดาล

สามปีเต็ม ไม่ง่ายเลยกว่าที่ชั่วขณะเมื่อกี้เขาเกือบจะจับกดลั่วเฉินได้ ปรากฏว่าโดนไอ้เด็กแสบนั่นมาขัดจังหวะเสียได้

ไอ้เด็กแสบเยี่ยไป๋ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เขายังมีเวลาจัดการอยู่ แต่ลั่วเฉินวันนี้พูดยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อยไป

ลั่วเฉินรู้อยู่แล้วว่าวันนี้โจวเหวินปินไม่มีทางปล่อยตัวเองไปง่ายๆ เห็นโจวเหวินปินสีหน้าหงุดหงิดรำคาญจะส่งแขก การมอบหมายงานของทั้งสองคนก็เสร็จสิ้นแล้ว และเมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นออกไป เขาต้องกลับมาอยู่เพียงลำพังกับโจวเหวินปินอีกครั้ง สีหน้าก็ซีดเซียวขึ้นมาทันใด…

เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังโจวเหวินปินเซ็นชื่อเสร็จ ชายคนนั้นก็ไม่ยืดเยื้อ ลุกขึ้นยืนอย่างสบายใจ

ลั่วเฉินเหมือนด่ำดิ่งลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง หัวใจจมลงไปถึงก้นบึ้ง…

ในวินาทีที่ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน นัยน์ตาเป็นประกายคู่นั้นกลับมองมาที่ตัวเขา ทำให้ใจเขาสั่นคลอนวูบหนึ่ง

ต่อมาก็ได้ยินชายคนนั้นมองเขาพลางถาม “ลั่วเฉินใช่ไหม? ตามผมมาเถอะ!”

ลั่วเฉินสบตากับอีกคนโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน พลันประหลาดใจอยู่ตรงนั้น

อีกฝ่ายกำลัง…พูดกับตัวเองอยู่?

ไม่เพียงแต่ลั่วเฉินที่อึ้งไป แม้แต่โจวเหวินปินสีหน้าก็เปลี่ยนทันทีเช่นกัน “เยี่ยไป๋! นี่นายหมายความว่ายังไง?”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดเคาะเบาๆ ลงบนข้อความหนึ่งบนเอกสาร “หรือเมื่อกี้ผู้อำนวยการโจวไม่เห็น?”

“เห็นอะไร?” โจวเหวินปินทำหน้าเหลืออด

ชายหนุ่มอมยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มเหลือบมองเขา พูดตอบอย่างเกียจคร้านว่า “ลั่วเฉิน ตอนนี้เป็นคนของผม”

“นาย…พูดอะไร?” สีหน้าโจวเหวินปินแข็งทื่อทันที

หนุ่มวัยรุ่นที่อยู่ข้างๆ ก็อึ้งไปเช่นเดียวกัน เหมือนไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเขา…

“ผมบอกว่า ตอนนี้ลั่วเฉินเป็นศิลปินของผมแล้ว!” ชายหนุ่มพูดซ้ำอีกรอบ

โจวเหวินปินได้ยินก็หัวเราะหยันติดต่อกัน “หึๆ คนของนาย? พูดจาซะใหญ่โต ลั่วเฉินเซ็นสัญญาอยู่ภายใต้ชื่อของฉันตั้งแต่สามปีที่แล้ว! นายมีสิทธิ์อะไรมาเซ็นสัญญาเขา?”

ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องสมควรแล้ว “สัญญายืนยันเมื่อกี้ก็เขียนไว้ชัดเจนแล้วนี่”

เมื่อกี้โจวเหวินปินไม่ได้อ่านเอกสารพวกนั้นโดยละเอียด เวลานี้ได้ยินก็ก้าวตรงเข้ามา หยิบกองเอกสารพวกนั้นมาพลิกดู ปรากฏว่ายิ่งอ่านสีหน้ายิ่งแย่ เกือบจะคำรามออกมาแล้ว “มันเป็นไปไม่ได้!”

เยี่ยหวันหวั่นยักไหล่ “เรื่องนี้ประธานฉู่เป็นคนรับปากผมด้วยตัวเอง ในเอกสารท่านประธานก็เซ็นชื่อแล้ว ถ้าผู้อำนวยการโจวไม่เชื่อก็โทรไปถามเองได้”

โจวเหวินปินจ้องมองเอกสารตาเขม็งอยู่นาน สุดท้ายโยนเอกสารลงบนโต๊ะเสียงดัง จับจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม กัดฟันพูดว่า “ฉันถามแน่นอน!”

เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รีบร้อน เดินอย่างสบายๆ ไปที่โซฟาแล้วนั่งลงไป รินชาให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ยกฝาครอบแก้วขึ้นแล้วค่อยๆ แกว่งใบชาเบาๆ ก่อนจิบอย่างสบายใจไปหนึ่งอึก “ตามสบายเลยหัวหน้าโจว แต่ว่ารีบหน่อยนะครับ แผลของศิลปินผมต้องรีบจัดการโดยด่วน”

ในขณะเดียวกัน ลั่วเฉินยืนห่างไปไม่กี่ก้าว มองชายหนุ่มบนโซฟาที่ปรากฏตัวที่นี่โดยไร้สัญญาณเตือนด้วยจิตใจเหม่อลอย

………………………………………………

บทที่ 292 เปลี่ยนคน

เห็นเยี่ยไป๋พูดคำอวดดีว่า ‘ศิลปินของผม’ แบบนี้ออกมาต่อหน้าเขา ความโมโหของโจวเหวินปินพลันโหมกระพือ

ตลอดมาเขาอยู่ที่กวงเย่าพูดคำไหนคือคำนั้น ไหนเลยจะยอมปล่อยเด็กหัวขนเหยียบหัวยั่วโมโหอยู่แบบนี้ จึงต่อสายโทรหาฉู่หงกวงทางนั้นทันที อีกทั้งยังโทรแบบวิดีโอคอลอีกด้วย

โจวเหวินปินเป็นผู้จัดการนักแสดงมือทองของกวงเย่ามีเดีย รายได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของกวงเย่าทั้งหมดล้วนมาจากนักแสดงในสังกัดของเขา แค่กงซวี่เพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ตำแหน่งของเขามั่นคงราวภูผา น้ำหนักคำพูดของเขาที่สาขาใหญ่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว

  คนหนึ่งเป็นคนเก่าแก่ของบริษัท คนหนึ่งเป็นผู้จัดการอายุน้อยที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ฉู่หงกวงจะเอนเอียงไปทางไหนแทบจะไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัด

ความหวังของลั่วเฉินเพิ่งจะถูกจุดก็ถูกน้ำเย็นสาดเข้าใส่ทันใด

“ฮัลโหล ประธานฉู่!”

“เจอกับเยี่ยไป๋แล้วหรือยัง? โอนงานเสร็จแล้วใช่ไหม?” ในจอวิดีโอคอล ฉู่หงกวงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แดงตัวใหญ่ในห้องทำงาน

โจวเหวินปินปรายตามองไปทางเยี่ยไป๋ด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่ครับ ผมกำลังจะโทรหาคุณเรื่องนี้พอดี!”

“ทำไมเหรอ เกิดปัญหาอะไรขึ้น?” ฉู่หงกวงย่อมเห็นเยี่ยไป๋ในวีดีโอด้วยเช่นกัน

“ประธานฉู่ ผมเห็นเอกสารโอนถ่ายงานแล้ว นักแสดงที่เขาเลือกเดิมทีเป็นคนในสังกัดของผม ทั้งยังเซ็นสัญญากันตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว ระยะสัญญาของพวกเรายังไม่ถึงกำหนด จะเปลี่ยนกลางคัน ผมว่านี่ไม่ค่อยจะถูกต้องนะ!” โจวเหวินปินพูด

ฉู่หงกวงนึกย้อนเล็กน้อย “คนที่ชื่อว่าลั่วเฉินนั่นใช่ไหม? ก็แค่นักแสดงไม่มีชื่อเสียงตัวเล็กๆ ให้เขาไปก็สิ้นเรื่องแล้ว มีอะไรไม่ถูกต้องรึไง?”

โจวเหวินปินพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ถ้าหากลงทุนลงแรงกับตัวนักแสดงที่เหมือนโคลนที่เกาะกำแพงไม่อยู่แบบนี้ จะเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรบริษัทมากเกินไปหรือเปล่า! เรื่องสายตาการมองคนของเยี่ยไป๋ ผมไม่กล้าตกลง!”

ลั่วเฉินที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของโจวเหวินปิน ริมฝีปากซีดขาวเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ส่วนผู้ชายข้างกายเขาที่ชื่อเยี่ยไป๋คนนั้นกลับเอาแต่ทำท่าสบายอารมณ์ สายตาเหล่มองของโจวเหวินปินมีความเยาะเย้ยอยู่ในที

“เขาเป็นคนเลือกคนเอง ฉันก็เซ็นตกลงไปแล้ว” ฉู่หงกวงเหมือนว่าไม่มีความคิดจะเปลี่ยนใจ ชัดเจนว่าเขาไม่ใส่ใจทรัพยากรเล็กน้อยแค่นั้น

นัยน์ตาของโจวเหวินปินฉายแววมาดร้าย พยายามเกลี้ยกล่อมอย่างสุดความสามารถ “ประธานฉู่ เยี่ยไป๋ทำแบบนี้เป็นการทำลายกฎระเบียบของบริษัท จะทำให้นักแสดงที่มีความสามารถคนอื่นๆ หวาดกลัว ผมในฐานะหัวหน้ายอมทนเห็นเขาทำเหลวไหลแบบนี้ไม่ได้จริงๆ!”

โจวเหวินปินพูดจบก็ทำท่าใจดีเข้าอกเข้าใจคนอื่น จัดการแก้ปัญหาปวดหัวให้ฉู่หงกวง “ประธานฉู่ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ? ผมยกหลินห้าวให้เขา บทตัวประกอบในละครเรื่องที่แล้วของหลินเฮ่าออกมายอดเยี่ยมมาก ดังขึ้นมาหน่อย ก็ถือโอกาสที่กำลังฮอตอยู่ ละครเรื่องต่อไปพยายามดันขึ้นอยู่ในระดับสองก็ไม่มีปัญหา…”

คำพูดของโจวเหวินปินรอบนี้เรียกได้ว่าเห็นแก่ผลประโยชน์องค์รวมของบริษัท ทั้งยังแสดงความใจกว้างของตัวเอง ทำให้คนอื่นไม่สงสัยถึงเป้าหมายแท้จริงอันสกปรกของเขา

เจ้าเยี่ยไป๋ คิดจะสู้กับเขาอย่างนั้นเหรอ!

“เยี่ยไป๋ โจวเหวินปินจะยกหลินเฮ่าให้นายแทน นายว่ายังไง?” ฉู่หงกวงสังเกตท่าทีของเยี่ยไป๋

“จะแลกคนเหรอ? ได้สิ!” ที่น่าแปลกใจก็คือเยี่ยหวันหวั่นกลับว่าง่ายอย่างคาดไม่ถึง

ดวงตาของโจวเหวินปินหรี่ลง ยอมตกลงง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ?

เขายังหลงคิดว่าเยี่ยไป๋คนนี้จะต้องฟ้องประธานฉู่เรื่องที่เขาใช้กำลังบีบบังคับลั่วเฉินแน่นอน

หลังจากได้ยินคำของชายหนุ่ม สีหน้าเคร่งเครียดของลั่วเฉินพลันว่างเปล่า หัวใจราวกับตกวูบลงจากกลางอากาศ…

……………………………………………..