ตอนที่ 311 นั่นเป็นเรื่องที่ต้องทำทั้งชีวิต
ใบหน้างดงามที่โค่นผู้คนล้มได้ของป๋อจิ่งชวนเหวอไปชั่วขณะ
‘คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่า ฉันบอกคุณว่าอยากได้อัลปาก้ามันหมายความว่ายังไง’
เฉ่าหนีหม่า?
ผู้หญิงคนนั้น กำลังด่าเขา?
ทันใดนั้นเอง เขาก็รีบโทรกลับไปหาเฉินฝานซิงอีกครั้ง
“คุณด่าผมงั้นเหรอ”
เฉินฝานซิงชะงักไปครู่หนึ่ง ตอบสนองช้าจริงๆ
เธอที่นั่งพิงอยู่หน้าโต๊ะทำงาน อมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกปฏิเสธ
“ฉันด่าคุณที่ไหนกัน ฉันด่าคุณว่าอะไรเหรอ”
“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย
เฉินฝานซิงกลั้นหัวเราะ คิดว่าจะต้องมีคำหยาบคายลอดออกมาจากปากของเขาแน่
“คุณได้ใจไปเถอะ ผมจะให้คุณชดใช้เข้าสักวัน จดไว้ก่อน ถึงเวลาค่อยคิดบัญชีทีเดียวเลย”
ดูเหมือนว่าจะรู้ว่าเฉินฝานซิงกำลังยิ้มอยู่ ป๋อจิ่งชวนเงียบไปครู่หนึ่งถึงจะพูดออกมา แต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความสุขอย่างสุดซึ้ง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฝานซิงค่อยๆ จางลง มือข้างหนึ่งกอดแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ไว้ พลางพูดขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“พักนี้บริษัทมีเรื่องยุ่งๆ ช่วงไม่กี่วันนี้คุณไม่ต้องมารับฉัน มีเวลาผ่อนคลายไปพักใหญ่ ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว”
ได้ยินดังนั้น ป๋อจิ่งชวนคิ้วขมวดมุ่น “ต่อไปคุณต้องมาเป็นคุณนายป๋อ ที่คุณต้องทำไม่ใช่งาน แต่คือการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้สนุกสนาน”
เฉินฝานซิงยกมุมปากเบาๆ “คุณเป็นแบบนี้จะทำให้ฉันได้ใจจนเสียคน”
“นั่นเป็นเรื่องที่ผมต้องทำไปทั้งชีวิต”
น้ำเสียงของป๋อจิ่งชวนนิ่งเรียบ ดูเหมือนกำลังพูดเรื่องปกติเรื่องหนึ่งอยู่
เฉินฝานซิงรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาไม่น้อย รอยยิ้มในดวงตาก็ค่อยๆ อ่อนโยนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอาแบบนี้แหละ ฉันรู้ว่าคุณก็ยุ่งเหมือนกัน ต่อไปคุณก็ไม่ต้องตามใจฉันขนาดนั้นตลอดก็ได้”
ป๋อจิ่งชวนเองก็ยุ่งไม่แพ้กัน ตั้งแต่ที่เขารับช่วงบริหารบริษัทต่อ เรื่องมากมายต้องผ่านมือเขาหมด
ตอนนี้บริษัทกำลังมีโครงการใหญ่ อีกทั้งยังมีโครงการที่รอพัฒนาในอนาคต ตอนนี้ทั้งหมดล้วนแต่ต้องเริ่มลงมือแล้ว
ทางเฉินฝานซิงก็ยุ่งมาก เพิ่งวางสายโทรศัพท์ได้ไม่นาน ผู้จัดการแผนกหลายคนก็มาเคาะประตู เพื่อประชุมหารือเรื่องการทำงานต่อ
งานเดินสายช่วงนี้ของฉู่อี้ถูกจัดไว้ให้อยู่ในช่วงบ่ายทั้งหมด เฉินฝานซิงส่งให้เย่หมิงไปช่วยเสี่ยวเจ้าดูแลฉู่อี้ ปกติแล้ว ขอแค่ให้ฉู่อี้ได้นอนหลับจนเต็มอิ่ม เขาก็จะทำงานตามหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม
เนื่องจากมีงานยุ่งตลอด จนทำให้เธอเกือบลืมไปว่าช่วงนี้ยังมีเรื่องงานเลี้ยงมหาวิทยาลัยอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าหากไม่โดนสวี่ชิงจือลากออกมากินมื้อเที่ยงท่ามกลางงานที่ยังกองค้างอยู่แล้วพูดถึงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ
หลังจากสวี่ชิงจือกินจนอิ่มท้อง ก็นั่งมองเธอนิ่งๆ ในขณะที่มือถือแก้วน้ำอยู่ “ก่อนหน้านี้มัวแต่อิดออดไม่ยอมให้คำตอบที่แน่นอนกับฉันสักที เอายังไง สรุปว่างานเลี้ยงมหาวิทยาลัยเธอจะไปไหม”
เฉินฝานซิงเงียบไปไม่นานนักก็พยักหน้าเบาๆ “ไป ตอนนี้บริษัทมีแพลนว่าจะเซ็นสัญญาณกับศิลปิน ไปมหา’ลัยมองหาคนที่พอมีคุณสมบัติเหมาะสมแล้วจะได้คิดหาวิธีทาบทามด้วย”
“ดี ถ้างั้นถึงเวลาเธอต้องหนักแน่นหน่อยนะ ตอนนั้นฉันแนะนำให้เธอไป เพราะคิดว่าเธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหนี เธอควรที่จะกล้าๆ มั่นๆ เข้าไว้ตั้งแต่แรก อย่าผูกมัดตัวเองเพียงเพราะคนอื่น”
“ฉันรู้”
–
ถึงแม้ว่าจะเคยตกอับหรือเฉิดฉายมาก่อนก็ตาม ความทรงจำที่มีคุณค่าที่สุด ความใฝ่ฝันไร้ที่สิ้นสุดที่สวยงาม ล้ำค่าที่สุด ก็ยังคงเป็นช่วงวัยรุ่นที่เคยผ่านมา
ไม่ว่าใครทั้งนั้น
งานเลี้ยงมหาวิทยาลัย T ที่เหล่าอดีตนักศึกษาต่างก็ตั้งตารอ
หวังว่าจะได้เจอเพื่อนเก่าในวันวาน หวังว่าจะได้เจอผู้เป็นรักแรกในวันวาน หวังว่าจะได้หวนระลึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ที่ขาดไม่ได้ก็คือบรรยากาศในการเข้าสังคม
ใครมีชีวิตที่ดีกว่า ใครประสบความสำเร็จมากกว่า ใครจะได้รับการนับหน้าถือตามากที่สุดวันนั้น แล้วใครกันจะกลายเป็นตัวตลกที่น่าขบขันที่สุดในงาน
ตอนที่ 312 ไม่อยากเจอเธออีก
อินรุ่ยเจวี๋ยนั่งอยู่ในห้องทำงานของป๋อจิ่งชวน หลังจากที่ใส่หูฟังที่มีระบบกันเสียงรบกวนภายนอกอย่างดี เล่นเกมจบไปหนึ่งตา เมื่อหันหน้ามามองก็เห็นป๋อจิ่งชวนยังคงนั่งดูเอกสารด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อย่างเดิม
เมื่อเห็นเขากำลังหยิบเอกสารเลื่อนไปวางด้านข้าง อินรุ่ยเจวี๋ยจึงรีบถือโอกาสนี้พูดขึ้นมาด้วยความรีบร้อน
“พี่ป๋อ พรุ่งนี้งานเลี้ยงมหาวิทยาลัยแล้วนะ พี่น่าจะได้รับบัตรเชิญด้วยสินะ พี่ไปหรือว่าไม่ไปน่ะ”
“…” ป๋อจิ่งชวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หยิบเอกสารขึ้นมาหนึ่งชุด
“ฉันถามอาซ้อแล้ว เธอก็ไป ไปกับสวี่ชิงจือ”
ป๋อจิ่งชวนเงยหน้าขึ้นมา
หนังตาของอินรุ่ยเจวี๋ยกระตุกเบาๆ จากนั้นก็นั่งพิงโซฟาเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ พลางพูดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจมากนัก “พี่น่าจะยังไม่รู้ ตอนนั้นอาซ้อถูกมหา’ลัยสั่งให้ออกกลางคัน ผลสรุปว่าเป็นไงพี่ลองทายดูสิ อาซ้อกลับได้รับเชิญจากมหา’ลัยให้ไปร่วมงานด้วย…”
ในที่สุดคิ้วของป๋อจิ่งชวนก็ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย อินรุ่ยเจวี๋ยพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ลี่ถิงเซิน หมอนั่นก็น่าจะได้ด้วยล่ะมั้ง…”
–
ด้านหน้าของหน้าต่างฝรั่งเศสบานใหญ่ ลี่ถิงเซินอยู่ในชุดสูทสีดำหมึก ท่าทางสบายๆ และเป็นระเบียบไม่วุ่นวาย หลังตรงไหล่ผึ่ง เสื้อเชิ้ตสีโทนเดียวกันทำให้เขาดูมีสง่าราศีและน่าค้นหา ทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกน่าเกรงขาม
นิ้วมือที่เรียวยาวทั้งห้าของเขากำลังหมุนโทรศัพท์ไปมาอยู่ช้าๆ ริมฝีปากเรียวบางถูกเม้มจนเป็นเส้นตรง ลักษณะใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยน ดวงตาที่รียาวคู่นั้นทอดมองลงไปยังมุมหนึ่งตรงชั้นล่างผ่านกระจกใสราวกับมีเทือกเขาขวางกั้นไว้อยู่
เน่เฟิง เลขาที่อยู่ด้านข้างรออยู่นานจึงถามออกมาหนึ่งประโยค “ประธานลี่ ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้จะบินไปเซ็นสัญญากับมิสเตอร์บาร์ตันที่อังกฤษหรือว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงมหาวิทยาลัยครับ”
เรื่องสัญญาที่อังกฤษกับมิสเตอร์บาร์ตันได้เจรจากันไปแล้ว เหลือเพียงแค่เซ็นสัญญา ถ้าเกิดตกลงกันได้ จะได้รับลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาฉาย รายได้ขั้นต่ำก็หลายร้อยล้านเลยทีเดียว
เน่เฟิงที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจมาตลอด สำหรับเขาแล้ว พรุ่งนี้จะต้องเลือกบินไปอังกฤษอย่างแน่นนอน
แต่ในตารางงาน บินไปอังกฤษพรุ่งนี้ กับงานเลี้ยงมหาวิทยาลัย T เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เขาก็ไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจแทนประธานลี่
โทรศัพท์ที่กำลังหมุนไปมาในมือค่อยๆ หยุดลง ร่างสูงโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในขณะที่ลี่ถิงเซินหมุนตัว เสียงทุ้มต่ำเย็นชาก็ดังขึ้นพร้อมกัน
“ไปงานเลี้ยงมหาวิทยาลัย”
เน่เฟิงรู้สึกตกตะลึงด้วยความประหลาดใจไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับเข้าสู่ความสงบนิ่งได้อีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
“ถ้าอย่างนั้น ท่านประธานลี่ จะให้ผมช่วยนัดคุณผู้หญิงซู่เอ่อร์ไหมครับ”
“อืม”
–
ชั้นสองของบ้านสกุลเฉิน
หลินเฟยเฟยเอามือปิดปากด้วยสีหน้าอิจฉา “พระเจ้าช่วย เชียนโหรว น่าอิจฉาสุดๆ ไปเลย ชุดราตรีชุดนี้จะสวยเกินไปแล้ว”
เฉินเชียนโหรวยิ้มมุมปากด้วยท่าทางพึงพอใจ
เธออยู่ในชุดราตรีปาดไหล่สีแดงเลือดหมู แขนเสื้อเส้นเล็กๆ ที่พาดอยู่บนไหล่ทั้งสองเส้นช่วยขับผิวให้ดูขาวผ่องยิ่งกว่าเดิม ช่วงไหล่ที่กระชับเข้ารูปราวกับใช้มีดลับอย่างปราณีต บริเวณหน้าอกมีริ้วระบายอย่างง่ายๆ ติดอยู่ ด้านหลังออกแบบเป็นตัววีเว้าลงไปเผยให้เห็นแผ่นหลังที่บอบบาง
สำหรับคนที่มักจะเสียเงินก้อนโตไปกับการดูแลตัวเองอยู่บ่อยๆ แน่นอนว่ารูปร่างและผิวพรรณจะต้องดีเป็นธรรมดา
มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม ไปที่ไหนก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
เฉินเชียนโหรวยังคงยืนหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาอยู่หน้ากระจกเพื่อชื่นชมความงาม หลินเฟยเฟยนั่งอยู่ข้างเตียงเฝ้ามองด้วยสายตาชื่นชมพลางเอ่ยขึ้น
“เธอว่า เฉินฝานซิงจะไปงานเลี้ยงไหม เชียนโหรว พูดตามตรงนะ ตอนนี้ฉันไม่หวังให้เธอไปเลยจริงๆ เธอน่ากลัวเกินไป…ตั้งแต่ที่เลิกกับพี่ซู เธอก็ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน…ไม่สิ บางทีเธออาจะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอยู่แล้วก็ได้ เพียงแค่ตอนแรกความสนใจของเธอไปอยู่บนตัวของพี่ซูหมด เพราะงั้นก็เลยไม่ได้ใส่ใจพวกเราเท่าไหร่…ตอนนี้…พวกเราเดือดร้อนเพราะเธอไปตั้งมากมาย…ฉันล่ะไม่อยากจะเจอเธออีกจริงๆ…”