ตอนที่ 309 ของขวัญของคุณมาถึงแล้ว / ตอนที่ 310 รอบรู้เรื่องอัลปาก้า

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 309 ของขวัญของคุณมาถึงแล้ว

 

 

เมื่อเห็นภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงไม่ยอมรับ เฉินฝานซิงจึงหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น

 

 

“ฉันพาซิงเฉินกั๋วจี้มาถึงจุดนี้ได้ ก็ทำให้มันโดนเด่นขึ้นกว่าเดิมได้ ฉันล้อเล่นกับเรื่องอะไรก็ได้ แต่ไม่มีทางเอามันไปเสี่ยงแน่”

 

 

ระหว่างที่พูด เธอลุกขึ้นยืน สายตาเย็นชาสอดส่ายไปยังผู้คนรอบๆ ก่อนจะกลับหลังหันเดินออกจากห้องประชุมไป

 

 

และเป็นเพราะประโยคสุดท้ายไม่กี่ประโยคของเฉินฝานซิง ทำให้ทั้งห้องประชุมงียบสงัดลงในทันที

 

 

ถึงแม้การประชุมจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่การเปลี่ยนแนวทางกิจการของบริษัทที่มาอย่างกทะทันหันถือเป็นเรื่องใหญ่

 

 

เฉินฝานซิงมีเรื่องมากมายที่ต้องรีบจัดการ การรับจัดคิวดาราศิลปิน บริษัทยังคงรับงานนี้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอต้องการการเซ็นสัญญาระยะยาวกับศิลปิน

 

 

เนื่องจากการตัดสินใจที่ปุบปับของเฉินฝานซิง ทำให้แผนกต่างๆ หลายแผนกในบริษัทยอมรับไม่ได้ ขอบเขตการดำเนินกิจการที่เล็กลง ทำให้แผนกก่อนหน้านี้บางแผนกต้องถูกยุบทิ้งไป

 

 

บริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่งของบริษัท ขณะนี้เต็มไปด้วยเหล่าพนักงานที่ต่างก็กำลังคิดไม่ตกว่าต่อไปเฉินฝานซิงจะเอาอย่างไรต่อ ทุกคนล้วนแต่รอการแบ่งงานด้วยความไม่วางใจ

 

 

 ระหว่างนั้นเอง ด้านนอกอาคารซิงเฉินกั๋วจี้ รถตู้คันหนึ่งก็ค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ

 

 

พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตูสองคนขมวดคิ้วมุ่นพลางมองไปยังรถคันนั้นอย่างระวังตัว มือก็คอยจับด้ามกระบองที่เหน็บอยู่ที่เอวเอาไว้ตลอดเวลา

 

 

ไม่แปลกที่พนักงานรักษาความปลอดภัยจะมีท่าทีแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่รถคันนั้นมาจอด นี่ก็เป็นเวลาประมาณสิบนาทีแล้ว แต่ยังคงไม่เห็นใครลงมาเสียที

 

 

 ผ่านไปอีกสิบห้านาที ในที่สุดประตูรถก็ถูกเปิดออก จากนั้นก็มีคนลงมาจากรถ

 

 

พนักงานรักษาความปลอดภัยมองดูท่าทีของคนคนนั้น ใส่ชุดสูทรองเท้าหนังสุภาพเรียบร้อย ท่าทางเรียบหรู

 

 

อืม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดี

 

 

ท่าทางระวังตัวของพนักงานรักษาความปลอดภัยยังไม่ได้ทิ้งไปเสียทีเดียว ยังคงเฝ้าสังเกตชายหนุ่มต่อไป

 

 

จากนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งดูแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ไม่เพียงแค่พวกเขา แม้แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบริเวณสวนในอาคารก็อดไม่ได้ที่จะต้องชะงักฝีเท้า

 

 

“ผมมาหาประธานเฉินของพวกคุณ”

 

 

อวี๋ซงถูกยามสองคนดักไว้หน้าประตู พยายามดึงดันอธิบายให้พวกเขาทั้งสองคนฟังอย่างสุดแรงเกิด

 

 

ยามสองคนคิ้วขมวด คนหนึ่งกำกระบองไว้ในมือ แสดงออกถึงเจตนารมณ์อย่างชัดเจน

 

 

ไม่ให้เข้า!

 

 

อวี๋ซงหลับตาลงพลางสูดหายใจเข้าด้วยความอดกลั้น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์สายตรงไปถึงเฉินฝานซิง

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งโทรศัพท์จึงถูกรับสาย พร้อมกับมีเสียงเฉินฝานซิงตอบกลับมาหนึ่งคำ

 

 

“อืม?”

 

 

“คุณหนูเฉิน ผมอวี๋ซงครับ มีเรื่องอยากเจอคุณ…”

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้ว “งั้นคุณก็เข้ามาสิ”

 

 

“ได้ยินหรือยัง ให้ฉันเข้าไป”

 

 

อวี๋ซงเปิดสปีคเกอร์ ดังนั้นพนันกงานรักษาความปลอดภัยนั้นจึงได้ยินชัดเจนด้วยเช่นกัน

 

 

พลันเก็บกระบองไฟฟ้า และเปิดทางให้อวี๋ซงด้วยความพร้อมเพรียง

 

 

ทว่าสายตายังคงแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ห้องโถงใหญ่ที่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวค่อยๆ เงียบลง ทุกคนพากันมองไปทางอวี๋ซงที่กำลังเดินเข้ามา

 

 

“อ๊าย น่ารักจัง”

 

 

“อื้ม ขนตายาวจัง ตาโตมากเลย…”

 

 

“ใบหน้านั้นน่ารักจังเลย อ๊ะ กำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า”

 

 

“ท่าทางตอนเคี้ยวของดูน่าสนุกดีจริง แถมยังใส่เสื้อผ้าด้วย…”

 

 

“ขนฟูฟู ลูบๆ หน่อย อ๊ายย น่ารักจัง…”

 

 

มีหญิงสาวหลายคนอดส่งเสียงฮือฮาไม่ได้ บางคนก็ยืนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงนั้นด้วยความตื่นเต้น

 

 

ความชื่นชอบถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน

 

 

อวี๋ซงกัดฟันกรอด ฝืนเดินผ่านกลุ่มฝูงชนทีละก้าว ทีละก้าว

 

 

มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาต้องทำใจนานแค่ไหน ถึงจะเกลี้ยกล่อมให้ตัวเองยอมลงจากรถได้

 

 

มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าภายในใจของรู้สึกอย่างไร

 

 

มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าเขาอยากรู้แค่ไหนว่าคุณผู้ชายของเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

หลายวันมานี้เจอแต่เรื่องร้ายๆ อะไรแบบนี้ทั้งนั้น

 

 

หญ้าอ่อนในมือถูกแรงกระชากออกไป อวี๋ซงหันไปมองใครบางคนที่กำลังเชิดหน้าชูคอย่างก้าวด้วยท่าทางผ่าเผย

 

 

อดไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า

 

 

น่าขายหน้าจริงๆ!

 

 

 

 

 

ตอนที่ 310 รอบรู้เรื่องอัลปาก้า

 

 

น่าขายหน้าจริงๆ!

 

 

ทั้งสองคนจะรักกันก็รักกันไปสิ ทำไมจะต้องเดือดร้อนมาถึงคนอื่นด้วย

 

 

เมื่อเห็นอัลป้าก้าที่ตัวเกือบจะสูงกว่าเขาตรงหน้า เขาก็อดเบ้ปากรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ไม่ได้อยู่ดี

 

 

สองคนนี้!

 

 

นี่มันรสนิยมอะไรกันเนี่ย

 

 

มีใครที่ไหนเขาอยากจะได้อัลปาก้าเป็นของขวัญกัน

 

 

แถมอีกคนพออยากได้ก็รีบหามาให้?

 

 

ช่างเป็นการตามใจอย่างไร้เงื่อนไขจริงๆ

 

 

เหอะ เหม็นความรัก

 

 

ท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจของผู้คน อวี๋ซงพาอัลปาก้าเดินเข้าลิฟต์ไป

 

 

การรวมกลุ่มกันระหว่างคนหนึ่งคน และอัลปาก้าหนึ่งตัว ทั้งยังเดินเคียงข้างกันเข้าลิฟต์ไป ทำให้ผู้คนอดขำไม่ได้

 

 

เฉินฝานซิงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน กำลังหารือเรื่องรายละเอียดแนวทางการดำเนินกิจการกับแผนกต่างๆ ปรากฏว่าเมื่อเห็นอวี๋ซงจูงอัลปาก้าเข้ามา กาแฟที่อยู่ริมปากก็ถูกพ่นออกมาทันที

 

 

“คุณหนูเฉิน…”

 

 

เพียงสามพยางค์ของอวี๋ซง แต่ภายในแฝงไปด้วยความปวดร้าวหลายรูปแบบที่ยากจะใช้คำพูดอธิบายออกมาได้

 

 

คนทั้งห้องทำงานมองอัลปาก้าที่ถูกจูงมาโดยมือของอวี๋ซงกันตาค้าง สมองเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน

 

 

นี่เป็นสิ่งที่ควรปรากฎตัวในบริษัทเหรอ

 

 

“พวกคุณออกไปก่อนเถอะ อีกสิบนาทีค่อยมาต่อ”

 

 

เฉินฝานซิงหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดคราบกาแฟบนตัว ใบหน้าที่งดงามพยายามทำเป็นวางท่าทีสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร

 

 

ผู้จัดการแผนกทุกคนเก็บเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วพากันเดินออกไปอย่างเป็นระเบียบ

 

 

สายตามองไปยังอวี๋ซงแล้วมองกลับมายังเจ้าตัวใหญ่มหึมาที่อยู่ข้างเขา ใบหน้าเผยให้เห็นอารมณ์มากมายหลายรูปแบบ

 

 

อวี๋ซงรีบเบือนหน้าหันไปด้านข้าง พยายามจะแอบซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด

 

 

หันไปมองอัลปาก้าด้านข้างอีกรอบ ยังคงกินอยู่ เชิดหน้าชูคอกินอย่างเอร็ดอร่อย

 

 

รอจนทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว เฉินฝานซิงจึงหันไปมองอัลปาก้า ก่อนจะยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วยสีหน้าระอา

 

 

“นี่คือ…” เธอหลับตาลง ท่าทางหมดคำจะพูด

 

 

“นี่คือของขวัญที่คุณผู้ชายมอบให้คุณครับ” อวี๋ซงพูดหน้าตาเฉย

 

 

เธอรู้!

 

 

เฉินฝานซิงกัดฟันกรอด

 

 

เธอแค่พูดไปอย่างนั้น อีกอย่าง ตอนนั้นก็แค่ล้อเล่นก็เท่านั้น ทำไมเขาถึงได้เอามาให้จริงๆ

 

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูเฉิน อันนี้…เอายังไงดีครับ”

 

 

เฉินฝานซิงมองไปทางอัลปาก้าตัวนั้น ยังคงกินไม่หยุด!

 

 

แต่ว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนปุกปุย ดวงตาโตสีดำสนิท แล้วยังมีขนตาที่เป็นแพยาว ดูไปแล้ว…

 

 

ก็น่ารักดีเหมือนกัน

 

 

แต่ว่า มันไม่ควรจะอยู่ที่นี่นี่นา

 

 

ระหว่างนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

 

 

เป็นป๋อจิ่งชวน

 

 

“ได้รับของขวัญหรือยัง”

 

 

“…ได้รับแล้ว”

 

 

“งั้นก็ดี ต่อไปคุณอยากได้อะไรก็บอก ผมให้คุณได้หมด”

 

 

เฉินฝานซิงเม้นริมฝีปาก ก่อนจะกัดริมฝีปากล่าง พลางม้วนผม “แต่ว่า คุณจะให้ฉันเอามันไปไว้ที่ไหน”

 

 

“…”

 

 

ไม่มีเสียงตอบรับจากป๋อจิ่งชวนไปชั่วขณะ เขาเงียบอยู่ครู่ใหญ่

 

 

เห็นได้ชัดว่า ปัญหานี้เขาเองก็ไม่ได้คิดมาก่อนเหมือนกัน

 

 

เฉินฝานซิงถอนหายใจ “ช่างเถอะ…เอามันไปวางไว้ที่คฤหาสน์เซิ่งจิ่งได้ไหม”

 

 

“…อืม” ผ่านไปครู่หนึ่ง ป๋อจิ่งชวนตอบกลับมาหนึ่งคำ ก่อนจะพูดต่อว่า “เอาไว้ที่คฤหาสน์เซิ่งจิ่งแล้วกัน ยังไงสักวันหนึ่งคุณก็ต้องกลับไป ไว้ที่นั่นก็สะดวกดี”

 

 

เฉินฝานซิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ป๋อจิ่งชวน”

 

 

“หืม?”

 

 

“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่า ฉันบอกคุณว่าอยากได้อัลปาก้ามันหมายความว่ายังไง”

 

 

“…หมายความว่ายังไง”

 

 

เฉินฝานซิงชักสีหน้ากลับ “ไม่มีอะไร”

 

 

อวี๋ซงที่อยู่ด้านข้างขยับตัวเล็กน้อยด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

 

 

หลังจากที่เฉินฝานซิงวางสาย เธอก็หันไปมองที่อวี๋ซง ก่อนจะพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด “รบกวนผู้ช่วยอวี๋หน่อยได้ไหม ช่วยเอาเขาส่งไปที่คฤหาสน์เซิ่งจิ่งหน่อย”

 

 

อวี๋ซงพยักหน้า “ไม่มีปัญหาครับ”

 

 

 

 

หลังจากวางสาย ป๋อจิ่งชวนรู้สึกว่าคำถามสุดท้ายของเฉินฝานซิงมีบางอย่างแปลกๆ คิด ๆ ดูแล้ว เขาจึงรีบเสิร์ชคำว่า “อัลปาก้า”

 

 

เปิดหน้าเว็บสาระน่ารู้ ประโยคแรกที่เห็นก็คือ

 

 

[อัลปาก้า มีชื่อเรียกอีกอย่าง “ฉ่าวหนีหม่า[1]” (ม้าหญ้าโคลน)]

 

 

 

 

 

 

 

[1]ฉ่าวหนีหม่า ชื่อเรียกอีกชื่อของอัลปาก้า ซึ่งเป็นพ้องเสียงกับคำด่าในภาษาจีน