ตอนที่ 307 ซังอวี๋ซังหว่าน / ตอนที่ 308 บริษัทเอเจนซี่

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 307 ซังอวี๋ซังหว่าน

 

 

เธอสูดหายใจเข้าหนึ่งเฮือกพลางกัดฟัน ก่อนที่จะมองไปยังป๋อจิ่งชวน ทันใดนั้นเอง ภายในแววตาก็ฉายประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา

 

 

“อยากจะให้ของขวัญฉันเหรอ ได้สิ ฉันชอบอัลปาก้า”

 

 

คิ้วบนหน้าผากที่เนียนขาวของป๋อจิ่งชวนขมวดมุ่นในทันที ใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขาเผยให้เห็นท่าทีรังเกียจอย่างชัดเจน

 

 

“อัลปาก้า?”

 

 

เฉินฝานซิงยิ้ม “ใช่แล้ว อัลปาก้า ชอบมากเลย”

 

 

พูดจบ เธอก็เปิดประตูแล้วลงจากรถไป

 

 

ป๋อจิ่งชวนรีบตามไป

 

 

พวกเขาได้พบกับคู่แม่ลูกที่เจอกันบริเวณล็อบบี้คอนโดโดยบังเอิญเมื่อวาน

 

 

ไฟที่สว่างจ้าในล็อบบี้ส่องกระทบบนพื้นที่ผ่านการขัดมันอย่างละเมียดละไม ทำให้บริเวณนั้นดูสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม

 

 

หวันหว่านเหยียบแสงไฟที่ตกกระทบบนแผ่นกระเบื้องเล่น เดินเหยียบลงไปบนแผ่นกระเบื้องทีละแผ่น ทีละแผ่นจนไปถึงหน้าประตู

 

 

คนเป็นแม่ดูเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงคมชัดหนักแน่น ไม่มีอาการลุกลี้ลุกลน

 

 

เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงและป๋อจิ่งชวนเดินเข้ามา หนูน้อยแหงนศีรษะเล็กๆ ของเธอขึ้นไปมอง ก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดขาของเฉินฝานซิง

 

 

“จุนน้าคนฉวย”

 

 

เฉินฝานซิงเห็นแก้มนิ่มๆ ที่แสนน่ารักของเธอ ไหนจะมีดวงตาแป๋วแหววคู่นั้น ทำให้อ่อนระทวยไปทั้งใจ

 

 

“สวัสดีตอนค่ำจ้ะ”

 

 

เธออุ้มหวันหว่านขึ้นมา อดเอาแก้มไปถูกับใบหน้าอมชมพูสุดนิ่มของเธอไม่ได้

 

 

“จุนอาคนหย่อ…”

 

 

หวันหว่านที่กำลังซบอยู่บนบ่าของเฉินฝานซิงส่งยิ้มไปทางป๋อจิ่งชวน เผยให้เห็นฟันขาวที่เรียงซี่สวยงาม

 

 

ป๋อจิ่งชวนเม้มริมฝีปากเบาๆ พลางพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

ราวกับกำลังปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ ทั้งเข้มงวดและจริงจัง

 

 

ขณะนั้นเอง แม่ของหวันหว่านวางสายโทรศัพท์ หันกลับไปเห็นบุคลลที่ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาทั้งสองคน

 

 

“หม่าม้า จุนน้า…เจออีกแย้ว…”

 

 

“สวัสดีค่ะ หวันหว่านไปกวนพวกคุณอีกแล้ว”

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้า มองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยสายตานิ่งเรียบ

 

 

ร่างสูงบาง ผิวขาวเนียน ไม่แต่งเติมแป้ง รูปหน้าชัดเจนเป็นสง่า แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยนแบบผู้หญิง หน้าตาละม้ายคล้ายกับหวันหว่านที่อยู่ในอ้อมกอดไม่น้อย

 

 

“พวกคุณพักอยู่ที่นี่เหรอ” เฉินฝานซิงอุ้มหวันหว่านเดินเข้าไปด้านในล็อบบี้พลางเอ่ยถาม

 

 

หญิงสาวพยักหน้า “ใช่แล้ว อยู่ชั้นสิบสี่ค่ะ”

 

 

“อย่างนี้นี่เอง” เฉินฝานซิงพยักหน้า

 

 

“เอาล่ะ หวันหว่าน ต้องลงมาแล้ว คุณน้าเหนื่อยแล้ว”

 

 

“…ค่ะ”

 

 

หวันหว่านพยักหน้าด้วยท่าทางเชื่อฟัง พร้อมกับอ้าแขนจ้ำม่ำที่เต็มไปด้วยเนื้อของเธอโผเข้าหาหญิงสาว

 

 

หญิงสาวรับเด็กน้อยเข้ามาอุ้มไว้ในอ้อมแขน

 

 

ป๋อจิ่งชวนเดินตามหญิงสาวทั้งสองคนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ ด้วยความเบื่อหน่ายจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอบหมายงานให้กับอวี๋ซง

 

 

หลังจากที่ทั้งหมดเข้าไปในลิฟต์ หญิงสาวทั้งสองคนก็เริ่มแนะนำตัว

 

 

“…ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนใต้ ฉันเชื่อซังอวี๋ ชื่อจริงของหวันหว่านคือซังหว่าน…”

 

 

เฉินฝานซิงคิ้วขมวด “ซังหว่าน? หวันหว่านใช้แซ่เดียวกับคุณเหรอ”

 

 

ซังอวี๋ส่ายหน้า “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว หวันหว่านเป็นน้องสาวของฉัน”

 

 

ได้ยินแบบนี้ เฉินฝานซิงจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหวันหว่านและซังอวี๋ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แต่ว่าก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ดี

 

 

“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันอุปทานไปเอง”

 

 

ซังอวี๋อมยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดูแลหวันหว่านมาตั้งแต่เด็ก เธอเองก็เรียกฉันว่าแม่มาตลอด ฉันชินไปแล้ว”

 

 

เฉินฝานซิงอมยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เค้นถามอะไรต่อ ถึงแม้จะมีข้อสงสัยอีกมากมายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เธอเองก็ไม่ได้ชอบเมาท์มอย ขุดคุ้ยเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว

 

 

ลิฟต์หยุดที่ชั้นสิบสี่ เฉินฝานซิงเอ่ยลาหวันหว่าน จากนั้นหันไปทางซังอวี๋ พร้อมกับพูดขึ้นมาเบาๆ “มีเวลามาเล่นที่บ้านได้นะคะ ฉันพักอยู่ชั้นสิบหก”

 

 

“ค่ะ”

 

 

 

 

ตอนที่ 308 บริษัทเอเจนซี่

 

 

เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง ป๋อจิ่ชวนก็โอบเธอเข้าจากด้านหลัง

 

 

เฉินฝานซิงสะดุ้งโหยงรีบหันไปมองเขาทันที “เป็นอะไรไป”

 

 

“คุณชอบเด็กขนาดนี้เลยเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมกับเกี่ยวปอยผมไว้หลังหู “ก็พอได้ น่ารักดี”

 

 

ป๋อขิ่งชวนพึมพำ “ผมว่า ลูกของเราต้องน่ารักกว่าแน่”

 

 

แผ่นหลังแนบติดกับแผงอกที่อบอุ่นของป๋อจิ่งชวน เสียงทุ่มต่ำดังอยู่ข้างหูเบาๆ ทำเอาเฉินฝานซิงหน้าแดงหูแดง

 

 

ดีที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี เฉินฝานซิงจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง

 

 

เธอหันกลับไปจูบที่คางของป๋อจิ่งชวนเบาๆ หลังจากที่กล่าว “ราตรีสวัสดิ์” ด้วยรอยยิ้มไปแล้ว เธอก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างรวดเร็ว

 

 

ป๋อจิ่งชวนเองก็ไม่ได้รั้งเธอไว้ มาลองนับดูดีๆ วันนี้เขาได้กำไรไปไม่น้อย

 

 

จะมาทำตัวได้คืบเอาศอกอีกไม่ได้

 

 

เฉินฝานซิงเข้าห้องไป อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นก็โทรหาฉู่อี้ทันที…

 

 

 

 

ห้องประชุมซิงเฉินกั๋วจี้

 

 

ภายในห้องประชุมที่โอ่อา การตกแต่งภายในที่เรียบหรู เวลาเก้าโมงเช้า รอบโต๊ะประชุมมีคนนั่งจนเต็มทุกที่ บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความอึดอัด

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน เฉินฝานซิงสวมชุดทางการสีเบจ เสื้อสูทเข้ารูปปกคลุมเอวที่เรียวบางของเธอ กระโปรงทรงสอบยาวเสมอเข่าสีเดียวกับเสื้อรับกับขาที่เรียวยาวคู่นั้นและรองเท้าส้นสูง เธอเดินยืดอกเข้าห้องประชุมด้วยท่าทางผ่าเผย

 

 

 ฝีเท้าของเธอมั่นคง เสียงรองเท้าดังกระทบพื้นราวกับกำลังเคาะห้องหัวใจของผู้คนทีละครั้งทีละครั้ง

 

 

ผู้คนที่นั่งอยู่ต่างก็อดยืดหลังตรงไม่ได้ สายตาจับจ้องไปทางเฉินฝานซิงที่กำลังนั่งลงไปยังตำแหน่งหัวโต๊ะตัวยาวตัวนั้น

 

 

เฉินฝานซิงนั่งลงตรงตำแหน่งหลัก สายตาเย็นชาสอดส่องไปยังทุกคน ก่อนจะเก็บกลับมา

 

 

“ขอบคุณทุกคนที่เดินเคียงข้างกั๋วจี้ซิงเฉินมาจนถึงตอนนี้…”

 

 

น้ำเสียงราบเรียบของเฉินฝานซิงดังขึ้นช้าๆ เพียงแค่ประโยคเดียวกลับทำให้จิตใจของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ร้อนรนขึ้นมาได้ น้ำเสียงนี้ ทำไมถึงได้ฟังดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่เลย

 

 

“การประชุมในวันนี้ จุดประสงค์หลักคือประกาศเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือทิศทางในการดำเนินกิจการของซิงเฉินกั๋วจี้ในอนาคต…”

 

 

เฉินฝานซิงหยุดไปเล็กน้อย ทุกสายตาจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา ไม่มีใครกล้าหายใจแรง

 

 

ทิศทางการดำเนินธุรกิจ?

 

 

มันยังไงกัน?

 

 

นี่กำลังจะประกาศปิดกิจการ หรือบริษัทถูกบริษัทไหนเทคโอเวอร์ไปแล้วหรือเปล่า

 

 

ท่ามกลางสายตาเฝ้ารอของทุกคน เฉินฝานซิงค่อยๆ พูดออกมาอย่างช้าๆ อีกครั้ง

 

 

“ต่อไป บริษัทจะไม่เจรจาสัญญาและข้อพิพาทการประชาสัมพันธ์กับบริษัทอื่นอีก”

 

 

ทุกคนต่างก็ข้องใจ แล้วพวกเขาจะทำอะไร

 

 

เดิมทีก็เป็นธุรกิจที่อยู่ได้โดยการช่วยบริษัทอื่นแก้ไขปัญหา ถ้าไม่ทำธุรกิจกับบริษัทอื่น จะให้พวกเขาทนอดอยากปากแห้งกันหรือยังไง

 

 

“ถ้าอย่างนั้นขอถามประธานเฉินหน่อย ต่อไปพวกเราจะทำอะไรกัน”

 

 

“รับแค่งานพีอาร์นักแสดง”

 

 

คำพูดของเฉินฝานซิงกระชับฉับไว รวดเร็วจนไม่เหลือที่ให้พูดแทรกได้

 

 

ผู้คนเริ่มส่งเสียงงึมงำ

 

 

“หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ บริษัทพีอาร์เปลี่ยนเป็นบริษัทเอเจนซี่ จะทำสัญญากับแค่ศิลปินเท่านั้น รวมถึงการปั้นศิลปินด้วยตัวเองด้วย”

 

 

คำอธิบายที่เข้าใจชัดเจนทำให้ทั้งห้องประชุมเริ่มส่งเสียงโวยวายขึ้นมาทันที

 

 

“แนวทางกิจการของบริษัทเอเจนซี่โดยพื้นฐานแล้วมีรูปแบบการทำงานแบบเดียวกับพวกเราเมื่อก่อน แต่ว่าจะต้องมีทรัพยากรและคอนเนคชั่นที่แข็งแกร่งพอตัว ก่อนหน้านี้ขอบเขตการพีอาร์ของเราค่อนข้างกว้าง ถึงแม้จะมีความเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงบ้าง แต่ยังไงก็สู้บริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้ ตอนนี้ จู่ๆ จะมาลดขอบเขตกิจการ บริษัทจะต้องเผชิญกับปัญหาไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแน่ และจะต้องเกิดความเสียหาย ประธานเฉิน คุณลองพิจารณา…”

 

 

“ฉันพิจารณาดีแล้ว ส่วนเรื่องพนักงานในบริษัท ใครเต็มใจอยู่ต่อ ฉันจะจัดอบรบให้ ส่วนใครไม่เต็มใจอยู่ต่อ ก็จะไม่บังคับ รบกวนช่วยประกาศออกไปด้วย”