ตอนที่ 305 ฝันหวานไปหน่อยแล้ว / ตอนที่ 306 ผมอยากให้ของขวัญคุณ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 305 ฝันหวานไปหน่อยแล้ว

 

 

เมื่อมองเห็นความจริงจังบนสีหน้าเรียบเฉยนั้น ลูกกระเดือกของเขาก็ขยับขึ้นลงสองครั้งอย่างฝืดเคือง

 

 

“เธอพูด…ว่าเธอชอบเขา?”

 

 

ตลอดหลายปีมานี้ เขาไม่เคยได้ยินเฉินฝานซิงพูดจาแบบนี้กับเขาเลยสักครั้ง

 

 

เฉินฝานซิงมองเขาอย่างเฉยเมย เธอไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา และไม่คิดจะอยู่ต่อความยาวสาวความยืดกับเขาอีกต่อไป

 

 

“มันเป็นใคร ไอ้คนที่นั่งอยู่ในรถนั่นน่ะเหรอ”

 

 

เหมือนกับว่าตอนนี้เขากำลังฉุนขาด อย่างไรเสียวันนี้เขาจะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้

 

 

“เขาเป็นใครมันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย และนายก็ไม่คู่ควรที่จะได้รู้จักเขาด้วย”

 

 

เฉินฝานซิงไม่อยากจะเสวนากับเขาต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว เธอเดินเฉียดร่างของเขามาและตรงไปเปิดประตูรถก่อนจะก้าวขึ้นไป

 

 

ซูเหิงยืนอึ้งอยู่กับที่ไปค่อนวัน จนกระทั่งรถคันนั้นขับเฉียดร่างของเขาไป เขาถึงจะได้สติกลับมาอีกครั้ง เขารีบหมุนตัวไปมอง ทว่ากลับเห็นเพียงแต่ซีกหน้าข้างหนึ่งของชายที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับ

 

 

ราวกับว่าใครคนนั้นกำลังมองเขาอยู่ เพียงแต่ในนาทีที่เขาหันมามอง มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครคนนั้นหันกลับไปพอดี

 

 

แม้ว่าเขาจะยังคงไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือใคร แต่ซูเหิงกลับสัมผัสได้ชัดเจนว่าชายคนนั้นแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

 

 

นั่นมันผู้ชายที่เห็นเมื่อวาน

 

 

แต่เขาเป็นใครกันล่ะ

 

 

เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านสกุลเฉิน บรรยากาศห้องรับแขกนั้นดูกดดันอย่างไรชอบกล

 

 

ซูเหิงรับรู้ได้ว่าความจงชังในตัวของเฉินฝานซิงและความคับแค้นใจของพวกเขาได้ทวีความหนักหน่วงขึ้น

 

 

เขาไม่มัวพูดพร่ำทำเพลง หลังจากที่กล่าวลาทุกคนเสร็จก็ขับรถออกมาจากบ้านสกุลเฉินอย่างรวดเร็ว

 

 

ตอนที่เฉินเชียนโหรวเดินออกมาส่งเขา เธอสังเกตได้ว่าสีหน้าเขาดูผิดแผกไป เธอจึงเอ่ยถามเขาด้วยความกังวลไปว่าเฉินฝานซิงได้พูดอะไรกับเขาบ้าง แต่ผลที่ได้คือซูเหิงกลับส่ายหน้าแล้วไล่ให้เธอรีบกลับเข้าไปพักผ่อนก่อนจะวจากไป

 

 

เธอเดินพาใบหน้าเศร้าหมองราวกับดอกไม้เฉากลับมายังห้องรับแขก ผู้ใหญ่อีกสามคนในบ้านเองก็ดูใบหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

 

 

เมื่อลองเปรียบเทียบกันดูแล้ว คนที่หน้าหม่นหมองมากกว่าใครก็เห็นจะเป็นหยางลี่เวย

 

 

“คุณแม่คะ นี่เรา…ต้องยกบริษัทกับร้านค้าพวกนั้นให้ฝานซิงจริงๆ เหรอคะ”

 

 

เธอว่าพลางหันมองเฉินเต๋อฝาน ราวกับอยากให้เขาช่วยพูดอะไรออกมาสักหน่อยในตอนนี้

 

 

เมื่อเฉินเชียนโหรวได้ยินคำนั้นเข้า ดวงตาของเธอก็หรี่เล็กลงในทันที

 

 

วันนี้เรียกให้เธอมาคุยเรื่องซิงเฉินกั๋วจี้ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้พูดถึงบริษัทกับร้านค้านั่นขึ้นมา

 

 

เธอขมวดคิ้วมองเจียหรงหรง แต่ก็กลับเห็นว่าผู้เป็นย่าเองก็กำลังอยู่ในสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่มีทาง! บริษัทกับร้านค้านั่นคือสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้นหลังจากที่แต่งเข้ามาแล้ว! ตายไปแล้วมันก็ต้องตกเป็นสมบัติของสกุลเฉิน! สินเดิม? ฝันหวานไปหน่อยแล้ว!”

 

 

หยางลี่เวยแอบนึกยินดีขึ้นในใจ แต่ก็ยังถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ “แต่เมื่อกี้จากที่เฉินฝานซิงพูดไว้ ดูเหมือนว่าจี…พี่สาวจะได้เซ็นเอกสารไว้กับทนายความ เพียงแค่รอให้ถึงวันที่เฉินฝานซิงมีสถานภาพสมรสตามกฎหมาย บริษัทและร้านค้านั่นก็จะตกเป็นชื่อของเธอทันที นี่…”

 

 

เจียหรงหรงเม้มปาก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็น่าหนักใจอยู่พอสมควรจนเธออดยกนิ้วขึ้นมานวดคลึงตรงหว่างคิ้วไม่ได้

 

 

หลังจากที่นิ่งเงียบไปเนิ่นนาน เธอถึงค่อยๆ พูดออกมา “เธอไม่น่าจะแต่งงานเร็วขนาดนั้น ก่อนที่เธอแต่งงาน เราก็ค่อยส่งคนไปจัดการทนายนั่น”

 

 

หลายปีมานี้ หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นตายไป เธอจึงได้ฮุบสมบัติพวกนั้นมาเป็นสมบัติของสกุลเฉินอย่างที่มันควรจะเป็น แต่เธอนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นยังจะทิ้งลูกไม้นี่เอาไว้

 

 

เมื่อได้ยินเจียหรงหรงพูดเช่นนั้น หยางลี่เวยและเฉินเชียนโหรวก็อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

อันที่จริงเรื่องเหล่านี้พวกเธอจะออกแรงพร้อมทั้งใช้เงินสักนิดสักหน่อยด้วยตัวเองก็ได้ แต่ถ้าหากทำลงไปแล้วแล้วเกิดช่องโหว่ตามมาในภายหลัง ก็จะทำให้คนสกุลเฉินพลอยซวยไปด้วย

 

 

แต่ในเมื่อตอนนี้มีหญิงชราคอยสนับสนุน พวกเขาจะทำอะไรก็ค่อยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย

 

 

ซิงเฉินกั๋วจี้ยังเอาไม่อยู่ ยังคิดจะมาเอาอย่างอื่นไปอีก ฝันหวานเกินไปแล้วจริงๆ

 

 

 

 

ป๋อจริงชวนขับรถด้วยความเร็วสูง ไม่นานนักรถของเขาก็ขับมาจนถึงตี้หัวฮวาถิง

 

 

รถเคลื่อนตัวลงจอดสนิท หลังจากที่เครื่องยนต์ถูกดับลง ไฟในตัวรถเองก็ดับลงตามไปด้วย

 

 

เฉินฝานซิงแอบแปลกใจกับการกระทำที่ดูรีบเร่งของเขา ครั้นจะหันไปถาม เสียงใสๆ ของบางสิ่งก็ได้ดังขึ้น กริ๊ก

 

 

นั่นคือเสียงเข็มขัดนิรภัยที่ถูกปลดออก

 

 

 

 

 

ตอนที่ 306 ผมอยากให้ของขวัญคุณ

 

 

“คุณ…”

 

 

หลังจากที่เสียงของเธอดังขึ้น ร่างทั้งร่างก็ถูกแรงมหาศาลผลักเข้าอย่างจัง

 

 

การจู่โจมอย่างกระชั้นชิดทำให้งดวงตาเฉินฝานซิเบิกโพลงด้วยความตกใจ จากนั้นเอวของเธอก็ถูกโอบรัดไว้แน่น ในขณะเดียวกัน ใบหน้าหล่อเหลาไร้เทียมทานก็ปะทะเข้ามาแล้วค่อยๆ กดทับลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างแม่นยำ

 

 

ผ่านไปเป็นเวลานาน…

 

 

ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงคืบ ลมหายใจร้อนผ่าวบริเวณจมูกของเขาวนเวียนอยู่รอบตัวทั้งคู่ เฉินฝานซิงมองเข้าไปในดวงตาของเขา ประกายในดวงตาคู่นั้นกำลังสะท้อนทิวทัศน์ยามค่ำคืนนอกหน้าต่าง ทั้งดุดันและลึกซึ้ง

 

 

ในใจของเฉินฝานซิงสั่นกลัวอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

“จู่ๆ คุณเป็นอะไรไป” นัยน์ตาของเธอสั่นระริก พลางเอ่ยถามเขาเบาๆ

 

 

เปลวไฟในดวงตาของป๋อจิ่งชวนลุกโชน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

 

ดวงตาดำขลับจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น ท่ามกลางความเงียบ รอยยิ้มภายในแววตายิ่งเผยให้เห็นชัดขึ้นอย่างน่าประหลาด

 

 

“ผมก็ชอบคุณ…” มือของเขาลูบไล้ไปบนเอวของเธอ “ชอบมาก”

 

 

เฉินฝานซิงหัวใจเต้นรัว ขณะนั้นเอง เธอก็นึกออกทันทีว่าคำพูดเมื่อครู่ของเขามีที่มาที่ไปอย่างไร

 

 

เขาได้ยินแล้ว

 

 

“ฉันต้องลงไปแล้ว วันนี้คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ…”

 

 

เฉินฝานซิงหันไปเปิดประตูรถด้วยใบหน้าแดงก่ำ ปรากฏว่าป๋อจิ่งชวนกลับดึงเธอกลับเข้าไปหาอีกครั้ง

 

 

หน้าผากของเธอชนเข้ากับแผงอกอันอบอุ่นของเขาอย่างจัง ทำให้รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย

 

 

“คุณจะทำอะไร”

 

 

“ทำอะไรเหรอ”

 

 

“ผมอยากให้ของขวัญคุณ”

 

 

เฉินฝานซิงไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่นัก “ไม่ใช่วันสำคัญอะไรสักหน่อย คุณจะให้ของขวัญฉันทำไม”

 

 

“ตามขั้นตอน คบกัน มอบของขวัญ เดท จากนั้นก็ขอแต่งงานงาน ผมจะขอคุณแต่งงาน ให้เร็วที่สุด”

 

 

“…” เฉินฝานซิงถึงกับหมดคำพูด

 

 

คุณช่วยทำซึ้งอะไรสักหน่อยจะได้ไหม

 

 

ทำตามขั้นตอนดื้อๆ แบบนี้ ไม่อยากจะใช้ชีวิตคู่กันแล้วใช่ไหม

 

 

เธอยังไม่ทันได้คบหากันให้ดีๆ ก็กลายเป็นแบบนี้เสียได้

 

 

แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรแล้วนะ

 

 

อาภัพอับโชคจริงๆ!