ตอนที่ 303 คับแค้นใจแค่ไหนกัน / ตอนที่ 304 เพราะฉันชอบ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 303 คับแค้นใจแค่ไหนกัน

 

 

“ฉันไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร อยู่ดีๆ นายจะมาเป็นห่วงเป็นใยฉันทำไม ซูเหิง คู่หมั้นนายก็ยังยืนอยู่ตรงนี้นะ พอเธอหึงขึ้นมา ต่อหน้านายก็แสร้งทำเป็นอ่อนหวานใจกว้าง แต่พอลับหลังนาย คนแรกที่จะโดนเธอเล่นงานก็คือฉัน ถึงจะพูดว่าฝีมือเธอจะไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แต่เวลาโดนพวกแมลงวันมาตอมมันทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนสุดๆ! เพราะงั้นจะพูดอะไรก็ให้ระวังปากหน่อย”

 

 

ซูเหิงนึกไม่ถึงเลยว่าเฉินฝานซิงจะปากคอเราะรายขนาดนี้ แต่ละคำที่เธอพูดมาเล่นเอาเขาพูดไม่ออกเลยจริงๆ

 

 

เขาแค่บอกว่าเป็นห่วงเธอ แต่กลับถูกเธอเตือนว่าให้พูดจาระวังปาก…

 

 

ก่อนหน้านี้คำพูดพวกนี้ไม่เคยหลุดออกมาให้ได้ยิน เธอไม่ใช่คนที่จะพูดจาอะไรอย่างนี้

 

 

เฉินเชียนโหรวเห็นว่าบรรยากาศดูกดดัน เธอจึงรีบเอ่ยขึ้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

 

“พี่คะ รถของพี่คันนี้…”

 

 

ตั้งแต่ผ่านประตูเข้ามา เธอก็สะดุดตากับรถไม่คุ้นตาที่จอดอยู่ตรงลานบ้าน แม้มันจะถูกซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางความมืด แต่ก็ไม่อาจหลบซ่อนความเรียบหรูของมันไปได้

 

 

เฉินฝานซิงกรีดยิ้มขึ้นอย่างเย็นเยือก เป็นไปตามคาด

 

 

“เพิ่งจะได้เงินมาไว้ในมือยี่สิบกว่าล้าน ฉันเลยฉลองด้วยการซื้อรถให้ตัวเองสักคัน…อ้อ ซื้อสดด้วยนะ”

 

 

สีหน้าของเฉินเชียนโหรวบึ้งตึงลงทันที

 

 

นั่นมันเงินของเธอนะ!

 

 

ยังจะซื้อสดอีก!

 

 

เอาเงินของเธอมาซื้อของอวดรวย นี่มัน…ไร้ยางอายที่สุด!

 

 

สักวันเถอะ เธอจะต้องทำให้เฉินฝานซิงชดใช้กลับมาเป็นเท่าตัว

 

 

อาทิเช่น ซิงเฉินกั๋วจี้…

 

 

 

 

 

เมื่อสีหน้าดูไม่ได้ของเฉินเชียนโหรวแปรเปลี่ยนไปเป็นความได้ใจอย่างน่าสงสัยเรียกให้เพลิงโทสะที่ยังไม่ทันจะมอดดับดีลุกช่วงขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

“เพราะเสียเงินไปยี่สิบล้านไป ก็เลยคิดจะฮุบซิงเฉินกั๋วจี้?”

 

 

เหตุผลที่เฉินเต๋อฝานพูดถึงซิงเฉินกั๋วจี้ในเย็นนี้ ต้องเป็นเพราะเฉินเชียนโหรวยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง

 

 

เฉินเชียนโหรวนึกไม่ถึงว่าพี่สาวจะจี้ได้ตรงจุดขนาดนี้ เธอจึงกลอกตาตีสีหน้าไขสือ

 

 

“พี่คะ พี่พูดเรื่องอะไรอยู่เหรอ ใครๆ ก็รูว่าซิงเฉินกั๋วจี้เป็นของพี่…”

 

 

เฉินฝานซิงหรี่มองด้วยสายตาถากถาง

 

 

“ในมือเธอ ของของฉันมันยังน้อยไปรึไง”

 

 

“นี่มันอะไรกัน เชียนโหรว? เธออยากได้ซิงเฉินกั๋วจี้?”

 

 

ได้ฟังดังนั้น คิ้วของซูเหิงก็ตีขมวด ดูเหมือนว่าตอนนี้เฉินเชียนโหรวจะช็อกไปชั่วขณะ เธอรีบส่ายหน้าด้วยความร้อนรน

 

 

“พี่เหิง ตอนนี้ฉันยังอยู่ในวงการ แถมยังเป็นนักวิจัยน้ำหอมในบริษัทพี่อีก ฉันจะไปรับช่วงต่ออีกบริษัทหนึ่งได้ยังไง ฉันจะอยากได้ซิงเฉินกั๋วจี้ไปเพื่ออะไร”

 

 

จากนั้นซูเหิงจึงหันกลับไปมองเฉินฝานซิง “ฝานซิง เธอเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”

 

 

เฉินฝานซิงยกมือขึ้นปัดผม เสียงหัวเราะเย็นดังขึ้นในใจไม่ขาดสาย

 

 

เธอพูดอะไร เขาก็ยังคงเชื่อแบบนั้นจริงๆ สินะ

 

 

“พี่ กะ…เกิดอะไรขึ้นกับที่คอของพี่ โดนแมลงกัดรึเปล่า”

 

 

เสียงของเฉินเชียนโหรวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จู่ๆ เธอก็นึกวิธีที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้ไปได้

 

 

เฉินฝานซิงได้ยินดังนั้น การกระทำของเธอก็ชะงักไปชั่วครู่

 

 

สายตาของซูเหิงเคลื่อนมาหยุดลงที่เธอ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเข้ากับตำหนิสีแดงเข้มบนลำคอขาว

 

 

นั่นมัน…

 

 

เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 

 

ในสมองเขาพลันนึกไปถึงภาพที่ไปเห็นด้านนอกของห้างเมื่อวาน

 

 

ภาพที่เธออยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง กระหนุงกระหนิงกันอย่างคู่รัก

 

 

เป็นไปได้ไง!

 

 

เขาเบิกตาโพลงจ้องเธอเขม็ง ก่อนจะมองไปยังเธออย่างไม่เชื่อสายตา

 

 

เธอยกมือขึ้นไปปิดลำคอ เรียวคิ้วขมวดชนกันอย่างเงียบๆ อยู่สองวินาที ความหงุดหงิดฉายชัดขึ้นในแววตา เธออดทอดสายตาไปยังรถที่จอดสนิทอยู่ในที่ที่ไม่ไกลกันนักไม่ได้

 

 

ป๋อจิ่งชวนคอยมองกระจกมองหลังอยู่อย่างไม่คลาดสายตา เขาปรับระดับของมันเพื่อให้เห็นร่างของเฉินฝานซิงได้อย่างพอดิบพอดี

 

 

เมื่อเห็นว่ามือของเธอกำลังประกบอยู่ที่ลำคอ มุมปากเขาก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย

 

 

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เขายกมือขึ้นกดลงไปบนพวงมาลัย แตรรถดังขึ้นหนึ่งครั้งสั้นๆ เป็นการส่งเสียงทักทายไปยังเฉินฝานซิง

 

 

หัวใจเธอกระตุกวูบ ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะถูกฉาบทับด้วยรอยยิ้มแสนหน่ายใจ

 

 

ผู้ชายคนนี้ การที่ไม่ยอมให้เขาได้ลงมาช่วยเหลือเธอ มันจะทำให้เขาคับแค้นใจแค่ไหนกันนะ

 

 

ในที่สุดก็คิดหาวิธียืนยันการมีตัวตนของตัวเองขึ้นมาจนได้

 

 

 

 

 

ตอนที่ 304 เพราะฉันชอบ

 

 

ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มจางๆ นั้น สะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาของซูเหิง เขาไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่อยู่บนรถจะใช่ชายคนเดียวกับที่เขาเห็นไปเมื่อวานหรือเปล่า แต่การส่งเสียงแตรทักทายกันเช่นนี้ จะมองอย่างไรก็ดูเหมือนเป็นการหยอกเย้ากัน

 

 

หยอกเย้า…

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่ง สองคำที่แสนคลุมเครือนี้จะถูกหยิบมาใช้กับคนที่เคยใสซื่อมาตลอดอย่างเฉินฝานซิง

 

 

เฉินฝานซิงละสายตากลับมา มือที่เคยวางแนบอยู่บนลำคอบัดนี้ลดต่ำลง เธอไม่ได้ปิดซ่อนตำหนิน่าสงสัยนั่นอีกต่อไป

 

 

“มันคืออะไรเธอดูไม่ออกเลยจริงๆ เหรอ แอ๊บแบ๊วเกินไปรึเปล่า” 

 

 

การที่เธอไม่ปฏิเสธอะไรทำให้เฉินเชียนโหรวแอบได้ใจอยู่ไม่น้อย เธอลอบมองซูเหิง ในตอนนี้เรียวคิ้วของเขาดูขึงตึงยากจะคาดเดาอารมณ์ได้

 

 

“พี่คะ พี่พูดแบบนี้มัน…”

 

 

“ฉันทำไม” เฉินฝานซิงตัดบทเสียงแข็ง สายตาเยือกเย็นของเธอแทบทำเอาคนที่ได้เห็นต้องขวัญผวา

 

 

เฉินเชียนโหรวขบริมฝีปาก แขนที่ควงซูเหิงอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้น “ฉันหวังว่าพี่จะไม่เผลอไปทำอะไรโง่ๆ นะ…”

 

 

“เชียนโหรว เข้าบ้านไปก่อน”

 

 

เสียงราบเรียบไร้ความขุ่นข้องของซูเหิงดังขึ้นตัดบทเฉินเชียนโหรว

 

 

“พี่เหิง…”

 

 

“เด็กดี เข้าไปก่อน”

 

 

ซูเหิงดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย เขาตบลงเบาๆ บนไหล่ของเธอแล้วพูดกับเธอด้วยเสียงอ่อนหวาน

 

 

แม้ว่าเฉินเชียนโหรวจะไม่ยอม แต่เมื่อซูเหิงพูดถึงขนาดนั้นเธอจึงทำได้เพียงยอมจำนน

 

 

เมื่อเฉินเชียนโหรวเข้าบ้านไปแล้ว เฉินฝานซิงเองก็ปลีกตัวออกมาจากทางเดินและมุ่งหน้าไปยังรถที่จอดอยู่

 

 

เธอคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่เสวนากับซูเหิงอีกต่อไป

 

 

“ฝานซิง!”

 

 

เมื่อเห็นเฉินเชียนโหรวเข้าบ้านไปแล้ว ซูเหิงจึงเร่งตามเข้ามาขวางหน้าเฉินฝานซิงเอาไว้

 

 

เฉินฝานซิงชะงักเท้าลงด้วยสีหน้าเย็นชา

 

 

“ฝานซิง” ซูเหิงรู้สึกได้ถึงความอดทนอันน้อยนิดของเธอ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเธอด้วยเสียงขุ่น “เกลียดกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

 

เกลียด?

 

 

เฉินฝานซิงเคลื่อนสายตาขึ้นคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

 

 

“พอพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของชายหญิง ถ้าเข้ากันได้ก็คบกัน แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็แยกทาง ดังนั้นการเลิกรากันไปจึงเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา แต่การที่คนเราจะเกลียดใครสักคนมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ฉันยังไม่ถึงขั้นที่จะเปลืองความรู้สึกไปกับนายมากนัก เพียงแต่นายเป็นคนที่ได้สัมผัสกับฟางเส้นสุดท้ายของฉัน เพราะงั้นฉันเลยจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ หรือต้องให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งหลังจากที่ถูกนายทิ้งฉันไปล่ะ”

 

 

สีหน้าเขาดูเศร้าหมองลง เขาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วเคลื่อนดวงตาขึ้นมองเธอ สายตาเขากลับไปมองดูตำหนิสีแดงบนลำคอของเธออีกครั้ง

 

 

นี่เธอยอมให้คนๆ นั้นสัมผัสเธอจริงๆ!

 

 

เป็นไปได้ยังไงกัน!

 

 

ในใจเขาพลันปวดหนึบ ดวงตาสีเข้มหดเล็กลง ทันใดนั้นเขาได้คว้าหมับเข้าไปตรงข้อมือเธออย่างแรง เขาร้อนใจจนคำรามออกมาอย่างฉุนเฉียว

 

 

“เธอคบอยู่กับใคร สรุปว่าเธอไปทำอะไรมา ถึงเธอจะเกลียดฉัน แต่เธอก็ไม่ควรย่ำยีศักดิ์ศรีตัวเองแบบนี้!”

 

 

เฉินฝานซิงหรี่ตาลงมองเขาในทันใด ก่อนจะออกแรงสะบัดแขนของตัวเองให้หลุดออกมา

 

 

“ย่ำยีศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อนาย?”

 

 

นัยน์ตาของซูเหิงเย็นยะเยือก “เธอรักนวลสงวนตัวมาตลอดไม่ใช่เหรอ ต้องหลังแต่งงานเท่านั้นถึงจะทำได้ไม่ใช่รึไง แต่เพราะฉันถอนหมั้นกับเธอ เธอถึงได้กลายเป็นแบบนี้…คิดจะใช้วิธีย่ำยีศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อลงโทษฉัน?!”

 

 

เธอยกยิ้มเย็นก่อนจะตอกกลับไปว่า “นายจะหลงตัวเองไปหน่อยแล้ว! นายไม่ได้เก่งกาจและน่าพิสมัยขนาดนั้น!”

 

 

“ถ้างั้นแล้วทำไม…”

 

 

“เพราะว่าฉันชอบ”

 

 

ต่อหน้าซูเหิงที่กำลังเสียสติ เฉินฝานซิงตอบเขากลับไปด้วยสี่คำนั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

 

และมันก็สำเร็จตอนนี้ซูเหิงเงียบสนิท

 

 

เขามองเธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา เสียงแหบพร่านั้นกดต่ำลงยิ่งกว่าเก่า “เธอว่าไงนะ”

 

 

“ไม่มีใครจะมาส่งผลต่อการตัดสินใจของฉันได้ทั้งนั้น ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรมันล้วนเกิดจากความชอบของฉัน ฉันชอบเขา ชอบให้เขาสัมผัสฉัน ต่อหน้าเขาฉันทำลายกฎเกณฑ์ของตัวเองลงได้อย่างง่ายดาย…”