ช่วงนี้ชีวิตประจำวันของฟีเรนเทียค่อนข้างเรียบง่าย

 

ในหนึ่งสัปดาห์จะแวะไปยังร้านค้าเพลเลสเพื่อรับรายงานจากเครย์ลีบันประมาณสามวัน ตารางงานหลักๆ มีเพียงแค่นั้นเวลาที่เหลือก็แวะไปหาเฟเรสที่วัง หรือไม่ก็ใช้เวลาไปกับการเล่นกับพวกลูกพี่ลูกน้อง

 

วันนี้เธออยู่ระหว่างทางเที่ยวชมจัตุรัสอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจะแวะไปยังสำนักงานของร้านค้าเพลเลส

 

ไวโอเล็ตที่ถูกส่งตัวไปทำงานที่ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน เพราะทางนั้นงานยุ่งมาก วันนี้ก็มารอเธออยู่ที่สำนักงานหลังจากไม่ได้แวะมาเสียนาน

 

“เรื่องซื้อธัญพืชจากทางใต้เรียบร้อยดีมั้ยคะ”

 

“ค่ะ ทางเซอเชาว์กับทางใต้ของอาณาจักรกำลังอยู่ในช่วงเพาะปลูกกันได้อย่างอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว ก็เลยสามารถหาซื้อได้ในราคาที่งามมากทีเดียวค่ะ”

 

เธอพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มให้มากความ

 

ปีนี้การเพาะปลูกทางใต้ยังคงให้ผลผลิตที่ยอดเยี่ยมเหมือนอย่างที่เธอจำได้ไม่มีผิดแต่เครย์ลีบันกลับถามเธอด้วยเสียงกึ่งสงสัย เมื่อเห็นว่าเธอดูจะไม่ได้มีปฏิกิริยาตกใจอะไรนัก

 

“หรือว่า ทราบอยู่แล้วหรือครับ”

 

“อะไรเหรอคะ”

 

“เรื่องที่ปีนี้ทางใต้จะเพาะปลูกได้ดีมากกว่าทุกปีน่ะครับ”

 

มีไหวพริบเร็วจริงๆ นะเนี่ย

 

แต่เธอเพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระ แสร้งแสดงสีหน้าทำเป็นไม่รู้จริงๆ ว่าพูดถึงเรื่องอะไร

 

“ข้าไม่ใช่นักพยากรณ์เสียหน่อย จะไปรู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไงล่ะคะ”

 

“แต่ปฏิกิริยาเมื่อครู่นี้…”

 

“ข้าแค่เชื่อตั้งแต่แรกว่า ไวโอเล็ตกับเครย์ลีบัน และพนักงานมากความสามารถของร้านค้าเพลเลสจะสามารถจัดการงานได้อย่างยอดเยี่ยมเท่านั้นเองค่ะ”

 

“อา…”

 

คำชมอย่างกะทันหันของเธอทำเอามุมปากของเครย์ลีบันที่ได้แต่ทำหน้าเหม่อลอยกระตุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

เขารีบร้อนพยายามกลั้นมุมปากที่เอาแต่จะกระตุกยิ้มอยู่หลายครั้ง แต่นัยน์ตาที่ปกติจะคมกริบดุดันกลับผ่อนคลายลงแบบนั้น มันแสดงความรู้สึกออกมาให้เห็นหมดแล้ว ไม่ว่าจะกลบเกลื่อนยังไงก็ไร้ประโยชน์

 

อย่างไรก็ตาม เครย์ลีบันเป็นพวกใจอ่อนกับคำชมมากจริงๆ

 

เธอปล่อยให้เครย์ลีบันสงบจิตสงบใจของตัวเอง ก่อนจะหันมาถามไวโอเล็ตแทน

 

“ ‘กลุ่มการค้าเรด’ ที่พูดถึงเมื่อคราวก่อนได้สืบมาแล้วหรือยังคะ ไวโอเล็ต”

 

“ค่ะ แต่ไม่มีข้อมูลอะไรพิเศษเลย…ขออภัยด้วยค่ะ”

 

ไวโอเล็ตส่งรายงานบางๆ ให้เธอ ในขณะที่พูดขอโทษอย่างไร้ข้อแก้ตัว แต่เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“ไม่ใช่ความผิดของไวโอเล็ตหรอกค่ะ กลุ่มการค้าเรดไม่ใช่สถานที่ที่ลงมือดำเนินการอะไรมากมายอยู่แล้วละค่ะ”

 

มันเป็นคำสั่งที่เธอสั่งไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

“หามาได้เท่านี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วค่ะ ไวโอเล็ต”

 

ดูเหมือนไวโอเล็ตเองก็เป็นพวกใจอ่อนกับคำชมง่ายเช่นกัน

 

ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยเพราะฉะนั้นไหนๆ ก็ชมแล้ว เธอเลยตั้งใจชมเพิ่มอีกหน่อย

 

“เล่นทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทำเอาข้าไม่มีงานทำจนเบื่อเลยนะคะเนี่ย”

 

“ชะ…ชมกันเช่นนั้น…”

 

“จะทำงานให้หนักขึ้นครับ”

 

ไวโอเล็ตหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ส่วนเครย์ลีบันตอบอย่างจริงใจคล้ายกับตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

 

“แล้วก็เครย์ลีบัน”

 

“ครับ ท่านฟีเรนเทีย”

 

“ลอรีลไปเที่ยวทางตะวันออก เลยซื้อของขวัญมาฝากเครย์ลีบันน่ะค่ะ ยังไงก็ส่งคนจากร้านค้าแวะไปเอาที่คฤหาสน์หน่อยนะคะ”

 

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ลอรีลไปเที่ยวทริปยาวทางตะวันออกซึ่งเป็นบ้านเดิมของคุณหญิงดิลลาร์ดซึ่งเป็นมารดาของนาง

 

นางซื้อของขวัญกลับมาฝากเธอ ท่านพ่อ แล้วก็เครย์ลีบันด้วย แต่ยังไงก็มีคนคอยจับตามองอยู่มากมาย นางจึงไม่อาจมอบของขวัญให้เครย์ลีบันด้วยตัวเองได้

 

เพราะถึงจะเป็นพี่น้องต่างมารดา แต่สำหรับคนนอกแล้ว เครย์ลีบันกับตระกูลดิลลาร์ดไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งสิ้น

 

“…ครับ ทราบแล้วครับ”

 

เครย์ลีบันชะงักไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าตกลง

 

ถึงแม้เจ้าตัวจะพูดว่า ‘เป็นแค่คนแปลกหน้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน’ ก็ตาม แต่ไม่รู้สินะ

 

เครย์ลีบันที่เธอเฝ้าจับตามองมาคนนี้ เขาเป็นคนที่รักใคร่ในตัวน้องสาวอย่างลอรีลมากกว่าที่เจ้าตัวคิด

 

หลังจากบอกลาเครย์ลีบันกับไวโอเล็ต เธอก็กลับมายังคฤหาสน์

 

เธอก้าวลงจากรถม้า ไม่เข้าไปในบ้านทันที แต่เลือกที่จะออกมาเดินเล่นในสวนแทน

 

พายุที่เกิดขึ้นจากการหย่าร้างของชานาเนสและคนทรยศอย่างเวสตินผ่านพ้นไป คฤหาสน์ก็กลับมาสงบสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง

 

ไม่สิ ที่จริงมันสงบมากเกินไปจนรู้สึกเบื่อนิดหน่อย…

 

“ฮึก! โฮ!”

 

ระหว่างทางเดินเข้าไปในสวนป่าสน ก็พลันได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กตัวเล็กๆ ดังขึ้น

 

เจ้าของเสียงคุ้นเคยนั่นคือเครนีย์

 

พอเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ที่ได้ยินเสียงร้องไห้ มันก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ เครนีย์กำลังนั่งคู้ตัวกอดอะไรบางอย่างในขณะที่ร้องไห้เสียงดัง

 

“เจ้าร้องไห้ทำไมอีกเนี่ย”

 

เสียงของเธอทำให้เด็กน้อยเงยหน้าที่มุดอยู่บนหัวเข่าขึ้น ใบหน้าของเขาดูไม่น่ามองเอาเสียเลย

 

น้ำตา น้ำมูก เปรอะเลอะไปทั่วใบหน้าของเด็กน้อย ผมก็ยุ่งเหยิงเละเทะไปด้วยหยาดเหงื่อ

 

เขาสะอื้นไม่หยุด ตัวร้อนจนใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาแดงก่ำไปหมด

 

“ฮึก! เทีย เทีย…”

 

ทันทีที่พบว่าเป็นเธอ เครนีย์ก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเธอเอาไว้แน่น

 

ก่อนจะเริ่มร้องไห้เสียงดังจนคอแทบแตก

 

“ฮือ! ฮึก! โฮ!”

 

แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ยังหลากหลายเลยนะเนี่ย

 

ฟีเรนเทียเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว จึงรู้ดีว่าเครนีย์เด็กน้อยขี้แยชอบร้องไห้คนนี้ ไม่ใช่เด็กที่แค่ปลอบแล้วเขาจะสงบลงได้

 

ดังนั้นเธอจึงยอมแพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ามองให้แน่ชัดว่าสิ่งที่เครนีย์กอดอยู่คืออะไร

 

“หนังสือนี่นา หนังสือที่ข้าให้ยืมไปเมื่อวานไม่ใช่หรือ”

 

แต่สภาพของหนังสือมันแปลกไปพิกล

 

“นี่มัน ทำไมมันฉีกกระจุยแบบนี้ล่ะ”

 

พอลองมองให้ละเอียด ถึงได้พบว่ามันไม่ได้ฉีกขาดธรรมดา

 

หน้ากระดาษถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทั้งยังเต็มไปด้วยรอยเท้าสีดำราวกับถูกใครใช้เท้าเหยียบมา

 

“ขะ…ขอโทษนะ…ขอโทษ…”

 

พอเห็นเธอมองสำรวจสภาพหนังสือ เสียงร้องไห้ของเครนีย์ก็ยิ่งดังมากกว่าเดิม