บทที่ 210 ทวงความยุติธรรม

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 210

ทวงความยุติธรรม

สีหน้าของมหาเสนาบดีหลินนั้นเย็นชามาก และเหมือนว่าเขานั้นจะให้ฮูหยินอวี้นั้นเป็นคนบาปในใจของเขา

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้ว หลินรั่วจิ่งก็ได้เดินมาหามหาเสนาบดีหลิน “ทำไมท่านพ่อถึงได้ลำเอียงเช่นนี้ ท่านพ่อลืมไปแล้วเหรอว่าลูกของฮูหยินอินนั้นเกิดมาในโลกนี้ได้อย่างไร?”

เรื่องนี้ไม่เพียงแต่มหาเสนาบดีหลินจะจำได้ดีแล้ว แต่คนอื่นๆก็ยังไม่กล้าที่จะลืมด้วย!

อย่างไรก็ดีด้วยวิธีการผ่าท้องเพื่อเอาลูกออกมาเช่นนี้ถือเป็นวิธีการที่ฝืนลิขิตของสวรรค์มาก

การที่เด็กคนนี้ต้องมาตายหลังจากที่คลอดเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะความประสงค์ของสวรรค์ที่ลิขิตเอาไว้แล้วก็เป็นได้?

ในชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่มหาเสนาบดีหลินเองก็ยังต้องลังเล

ฮูหยินอินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่นางก็ไม่อาจที่จะพูดอะไรออกไปได้ ในเมื่อเรื่องได้มาถึงตรงจุดนี้แล้ว ในเวลานี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามประสงค์ของสวรรค์ไป ยิ่งพูดมากก็ยิ่งเสีย นางจึงทำได้แต่ต้องอดทนเท่านั้น

ถึงนางนั้นจะทนได้ แต่หลินซีเหยียนทนไม่ได้ ต่อให้เป็นประสงค์จากสวรรค์จริงนางก็ไม่กลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ของพวกนี้มีตัวตนจริงๆหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย

“ที่น้องห้าพูดมาก็ไม่ถูกเสียทีเดียว! การที่ท่านหมอผีได้เข้ามาช่วยชีวิตน้องชายของพวกเรานั้นก็เป็นเพราะสวรรค์นั้นให้พรเด็กคนนั้นอยู่ ไม่อย่างนั้นใครกันที่จะกล้าฝืนลิขิตสวรรค์ ในเวลานี้ผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์และสวรรค์ให้การช่วยเหลือนั้นกลับต้องมาตายเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเราควรจะหาสาเหตุให้พบหรอกเหรอ?”

หลังจากที่ได้ยินที่หลินซีเหยียนพูด ผู้คนที่กลัวว่าจะ ฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์นั้นต่างก็ผงกหัวเห็นด้วยในทันที

“ที่ซีเหยียนว่ามาก็มีเหตุผล ฮูหยินอวี้ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง!” มหาเสนาบดีหลินก็ได้หรี่สายตาของเขาแล้วกล่าวพึมพำ

ฮูหยินอวี้ก็ได้ยิ้มและกล่าวด้วยเสียงอ่อยๆ “ได้เจ้าค่ะ ตัวข้านั้นได้ส่งขนมไปให้ฮูหยินอินจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่ขนมธรรมดาๆ ท่านพี่จะไปตรวจสอบดูก็ได้ มันยังมีเหลืออยู่ในตำหนักของข้า”

“ท่านพ่อ ลูกมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูด” มองไปที่ร่างที่สั่นไหวของฮูหยินอวี้แล้ว หลินรั่วจิ่งก็ได้เดินมาข้างหน้าเพื่อช่วยนางให้พ้นจากเรื่องปวดหัวนี้ “ท่านพ่อ ในสายตาของข้าแล้ว ท่านแม่นั้นหาใช่คนโง่ไม่ หากท่านแม่คิดจะลงมือจริงๆแล้วล่ะก็ นางก็คงไม่ใส่ยาเอาไว้ในขนมที่ตัวเองส่งหรอกเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินที่พูด หลินซีเหยียนก็พบว่าดวงตาของฮูหยินอินนั้นกะพริบตาปริบๆ จึงไม่แปลกที่นางจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ จึงคิดว่าจุดต้นตอของปัญหาจะต้องอยู่ที่นี่เป็นแน่

เมื่อนึกถึงฮูหยินอวี้ที่อยากจะกำจัดฮูหยินอินและเด็กในท้องของนางแล้ว ก็เชื่อว่านางคงไม่โง่พอที่จะลงมือด้วยตัวเองแน่ ไม่อย่างนั้นนางจะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิดแน่นอนหากมีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อคิดถึงเรื่องต่างๆแล้ว ก็เป็นไปได้ว่า…..

หากคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นบทละครที่ฮูหยินอินนั้นเขียนและกำกับด้วยตัวเองแล้ว ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลขึ้นมา

ตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องที่อาหารกับขนมถูกวางยานั้น ก็เป็นเรื่องที่ซิ่งเอ๋อสาวใช้ของฮูหยินอินนั้นบอกกับนางเอง

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นางก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฮูหยินอินนั้นช่างเป็นนักเล่นหมากรุกที่เก่งกาจจริงๆ เดิมทีนางนั้นคิดว่าฮูหยินอินนั้นทำเพื่อปกป้องลูกของตัวเอง จึงได้ร่วมมือกับนางเพื่อกำจัดฮูหยินอวี้ แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าฮูหยินอินนั้นจะหลอกใช้นางมาโดยตลอด!

แล้วรอยยิ้มที่มุมปากของนางนั้นก็ได้เด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไร้ซึ่งอุณหภูมิในดวงตาของหลินซีเหยียน นางนั้นไม่ใช่คนที่ใจดีนักที่จะปล่อยให้ถูกหลอกใช้ง่ายๆเช่นนี้

“ถ้าไม่มีหลักฐานใดๆในเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะบอกได้ว่าใครเป็นคนร้าย!”

ในขณะที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบนั้น หลินซีเหยียนก็ได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นนี้สามารถสะกดอารมณ์โกรธของคนรอบๆตัวนางได้อย่างง่ายดาย

“ถ้าอยากที่จะรู้ว่าใครเป็นคนร้าย ถ้าเช่นนั้นมันก็สำคัญที่จะรู้ว่าสาเหตุการตายของทารกน้อยนั้นเป็นเพราะอะไร ข้านั้นก็ไม่อยากที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ข้าก็ได้รู้จักกับท่านหมอผีมานาน ข้าจึงได้ศึกษาเรื่องนี้มาบ้าง”

ฮูหยินอวี้ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาเย็นชาและอยากจะฆ่านางเสีย นางนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าหลินซีเหยียนนั้นจะช่วยนางหรอก อย่างไรเสียสาเหตุที่แม่ของหลินซีเหยียนต้องตายนั้นก็เป็นเพราะนางเอง

นางนั้นอาจจะไม่เชื่อ แต่มหาเสนาบดีหลินเชื่อ “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จัดการตรวจสอบเดี๋ยวนี้เลย”

ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้เดินไป ฮูหยินอินก็ได้กล่าวขึ้นมา “ท่านพี่ ลูกของเรายังเล็กนักท่านยังมีกะใจจะปล่อยให้คุณหนูรองใช้มีดผ่าเขาอีกเหรอเจ้าคะ?”

มหาเสนาบดีหลินนั้นเป็นถึงขุนนางที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวและอยู่เหนือคนเป็นหมื่นนั้น ก็เคยเห็นการชันสูตรศพมากมายแล้ว เมื่อเขาต้องมองดูลูกชายตัวน้อยของตัวเองที่กระดูกยังไม่ทันแข็งแรงแล้ว เขาก็ได้รู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาในหัวใจของเขา

ในเวลานี้หลินซีเหยียนก็ได้กล่าว “ฮูหยินอินไม่จำเป็นต้องกังวลเช่นนั้นก็ได้ ข้าต้องการเลือดแค่นิดหน่อยจากเด็กคนนี้เท่านั้น”

โดยไม่รอให้ฮูหยินอินได้พูดอะไร หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวต่อ “เลือดเพียงนิดเดียวก็จะสามารถหาสาเหตุการตายของเด็กคนนี้ได้แล้ว หรือว่าฮูหยินจะไม่อยากที่จะรู้ว่าฆาตกรเป็นใครเพื่อล้างแค้นให้เด็กคนนี้หรอกเหรอ?”

แล้วฮูหยินอินก็ได้สีหน้าซีดเผือดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นางก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธหลินซีเหยียนได้ นางจึงทำได้แค่ล้มพับอย่างอ่อนแรงไปที่อ้อมแขนของมหาเสนาบดีหลิน “ในเมื่อคุณหนูรองมั่นใจนัก อินเอ๋อก็ทำได้แค่ยอมรับเท่านั้น”

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วหยิบเอาเข็มเงินออกมาสามเข็มจากในแขนเสื้อของนาง จากนั้นก็หยิบเอาแก้วชาจากในห้องมาแล้วรินน้ำใส่ลงไป

“ท่านมหาเสนาบดีหลิน ข้าขอเลือดจากท่านหน่อย”

“ท่านพี่รองเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าการชันสูตรศพนั้นจะต้องทำการตรวจสอบสาเหตุการตายจากศพหรอกเหรอ? แต่การที่เอาเลือดจากญาติผู้ตายนั้นแบบที่พี่กำลังทำอยู่นั้น ไม่ใช่ว่าทำเพื่อตรวจสอบว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกแท้ๆหรอกเหรอเจ้าคะ?”

หลังจากที่หลินรั่วจิ่งพูดจบ ก็ได้ปรากฏแสงออกมาจากดวงตาของนาง “เป็นไปได้ว่าลูกของฮูหยินอินที่ตายนั้นอาจจะไม่ใช่ลูกของท่านพ่องั้นเหรอ?”

ในฐานะผู้ชายแล้วถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างถึงที่สุดที่ผู้หญิงของตัวเองนั้นสวมเขาให้ตัวเองเช่นนี้!

มหาเสนาบดีหลินก็ได้ลุกขึ้นยืนทันทีด้วยสีหน้าที่เคลือบแคลงใจบนใบหน้าของเขา “เอ้า เอาเลือดข้าไป”

ฮูหยินอินก็รู้สึกสับสนขึ้นมา นางนั้นไม่เข้าใจว่าคุณหนูรองที่มักเข้าข้างนางมาตลอดนั้น ทำไมนางถึงได้….คิดจะลากนางลงไปในนรกเช่นนี้

ซึ่งเกรงว่าคงจะไม่มีใครตอบคำถามนี้ให้นางได้ และนางก็จะไม่มีวันรู้จนกระทั่งนางตาย!

ฮูหยินอวี้นั้นแม้จะน่ารังเกียจ แต่นางก็ยังมีศีลธรรมอยู่บ้าง กลับกันเพื่อที่ให้สำเร็จเป้าหมายแล้วฮูหยินอินกลับเลือกที่จะฆ่าลูกน้อยของตัวเองโดยไม่ปรานี และนางยังคิดที่จะหลอกใช้หลินซีเหยียนมาโดยตลอดอีก คิดว่าหลินซีเหยียนจะปล่อยให้คนเช่นนี้อยู่ต่องั้นเหรอ?

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังเดินไปหามหาเสนาบดีหลินนั้น ฮูหยินอินก็ได้แอบกระซิบข้างหูของหลินซีเหยียน “ช่วยข้าเถอะนะ ข้ารู้สาเหตุว่าทำไมแม่ของท่านถึงได้ตาย”

หลินซีเหยียนก็ได้กำหมัดแน่น แต่ก็ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆบนใบหน้าของนาง “ถ้าเจ้ากล้าที่จะหลอกข้าล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตายอีก”

ด้วยบทสนทนาสั้นๆ นอกจากหลินซีเหยียนกับฮูหยินอินแล้ว ก็ไม่มีบุคคลที่สามที่ทราบเรื่องนี้อีก

หลินซีเหยียนก็ได้หยิบแก้วชามา แล้วหยดเลือดของมหาเสนาบดีหลินกับทารกน้อยลงไป เมื่อผลการทดสอบปรากฏออกมาทุกคนต่างก็ตกตะลึง เด็กคนนี้เป็นลูกของมหาเสนาบดีหลินจริงๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจผิด ท่านมหาเสนาบดีหลินถึงจะแก่แต่ก็ยังแข็งแรงจริงๆ”

เมื่อฮูหยินอินได้ยินที่กล่าว ดวงตาของนางก็ได้แดงขึ้นมาอีกครั้งและกล่าว “คุณหนูสอง แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าลูกชายของข้าตายอย่างไร?”

“พบเส้นด้ายติดอยู่ที่ปากและจมูก แต่ไม่พบพิษอะไร ด้วยเหตุนี้ 80% จึงน่าจะมาจากถูกปิดปากและจมูกด้วยหมอนหรือใกล้เคียงกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฮูหยินอินก็ได้เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “ท่านพี่ ลูกของเราตายอย่างน่าเวทนาอะไรเช่นนี้!”

อารมณ์ของมหาเสนาบดีหลินที่เพิ่งดีขึ้นก็ได้ร่วงหล่นลงมาราวกับรถไฟเหาะตีลังกานั้น เมื่อตกลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว เขาก็ได้เดินออกไปหาคนรับใช้ที่กำลังคุกเข่าอยู่นอกห้อง “เจ้าเป็นคนที่ข้าวางใจให้มาดูแลลูกชายข้า แล้วบอกข้ามาสิว่านี่มันอะไรกันใครเป็นคนทำบอกมา?”