บทที่ 209 เป็นความผิดของฮูหยินใหญ่

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 209

เป็นความผิดของฮูหยินใหญ่

หวายฉ่าวนั้นมีความสามารถที่จะทำให้คนอื่นโมโหได้จริงๆ ดูจากการที่เขาใช้วิธีซื้อถูกขายแพงเช่นนี้แล้ว มีหรือที่ หลินซีเหยียนจะดูไม่ออก แต่ทว่าพอผู้ที่เป็นเป้าหมายถูกทำให้โมโหครั้งนี้เป็นมหาเสนาบดีหลินแล้ว ก็ทำให้นางนั้นรู้สึกชอบใจขึ้นมา

หลังจากที่มหาเสนาบดีหลินและฮูหยินอวี้ได้ไปส่งหวายฉ่าวกลับไปนั้น ก็ได้มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาจากตำหนัก ฮูหยินอิน

สีหน้าของนางนั้นดูรีบร้อนมาก ในเวลานี้พอนางเห็นมหาเสนาบดีหลินแล้ว ก็เหมือนกับมีพระมาโปรด ดวงตาของนางก็ได้สว่างขึ้นมาทันทีแล้วกล่าว “นายท่านเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินอินกำลังจะตายแล้วเจ้าค่ะ”

อะไรนะ? สำหรับฮูหยินอินแล้ว มหาเสนาบดีหลินนั้นยังมียังคงมีความรู้สึกอ่อนไหวให้กับนางอยู่ โดยเฉพาะไม่นานมานี้อีกฝ่ายนั้นต้องผ่าตัดท้องเพื่อนำลูกของเขาออกมา

ในเวลานี้เขาไม่สนใจเรื่องของจานฝนหมึกโบราณอีกแล้ว แต่ได้รีบตามสาวใช้ไปเพื่อไปหาฮูหยินอิน

หลินซีเหยียนนั้นก็พอได้รางๆว่าน่าจะเป็นแผนของอีกฝ่าย นางจึงได้ไม่รีบร้อนตามไปดู

ส่วนหญิงสาวอีกคนที่ยังอยู่ในห้องนั้น ฮูหยินอวี้ที่ถูกทิ้งโดยมหาเสนาบดีหลิน ก็ได้จ้องไปที่แผ่นหลังของมหาเสนาบดีหลินด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง

“ฮูหยินอวี้จะไม่ไปดูเสียหน่อยเหรอเจ้าคะ?” หลินซีเหยียนก็ได้พูดพร้อมกับริมฝีปากของนางที่ได้โค้งอย่างมีความสุข “พวกท่านทั้งคู่ต่างก็เป็นภรรยาของมหาเสนาบดีหลิน อีกทั้งฮูหยินอินก็ยังมีบุตรชายอีกด้วย ไม่ใช่ว่าฮูหยินอวี้นั้นจำเป็นต้องไปสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายหรอกเหรอ?”

ในเวลานี้มีเพียงหลินซีเหยียนกับฮูหยินอวี้ที่ยังอยู่ในห้องนั้น ฮูหยินอวี้จึงได้เผยสีหน้าที่แท้จริงของนางออกมา นางนั้นมีสีหน้าที่เยือกเย็นแต่ก็ยังมีความดุดันที่น่าตกใจ

“ที่คุณหนูรองว่ามานั้นก็ถูก ในฐานะฮูหยินใหญ่แล้วข้าจะต้องไปดูนางเสียหน่อย”

ไปดูเสียหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนังนั่นกันแน่!

พอพูดถึงเรื่องของเด็กนั่นแล้ว ก็ได้ปรากฏแววตาเย็นชาขึ้นมาในดวงตาของฮูหยินอวี้ หากไร้ซึ่งการอนุญาตจากนางแล้ว เด็กนั่นจะมีชีวิตรอดไม่ได้? นอกจากเฉิงอวี้ของนางแล้ว จะต้องไม่มีนายน้อยคนอื่นอีกในบ้านมหาเสนาบดี

“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราจะไม่ไปดูหน่อยเหรอเจ้าคะ?” ชิงอวี่ก็ได้มายืนอยู่ข้างหลังหลินซีเหยียนแล้วถาม

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวและปรากฏแววตาตื่นเต้นหน่อยๆในดวงตาของนาง “ฮูหยินอินนั้นคิดจะหลอกใช้ข้าทั้งที ถ้าข้าไม่ไปแล้ว นางจะเล่นละครได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินที่กล่าว ก็ได้ปรากฏแสงในดวงตาของชิงอวี่ ฮูหยินอินนั้นทำดีกับคุณหนูแค่ต่อหน้า แต่กลับวางแผนเคลื่อนไหวลับหลังนาง ถ้าคุณหนูนั้นเป็นแค่คนธรรมดาๆก็คงจะไม่ทันได้ระวังตัวเป็นแน่

ช่างโชคร้ายที่ฮูหยินอินนั้นประเมินคุณหนูต่ำไป

ชิงอวี่ก็ได้มองไปที่ตัวตนที่อยู่ตรงหน้านาง แล้วดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความชื่นชม

บนกระดานหมากขนาดใหญ่นี้ ไม่สามารถบอกได้ว่าใครที่จะตกเป็นเหยื่อและใครที่จะกลายเป็นผู้ล่าในตอนท้าย

แต่นางนั้นเชื่อตลอดว่าคุณหนูของนางนั้นจะต้องเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด

เมื่อมาถึงตำหนักของฮูหยินอิน ก็พบว่ามีผู้คนมากมายมาที่นี่รวมถึงหลินรั่วจิ่งด้วย

เมื่อเห็นหลินซีเหยียนจากไกลๆ หลินรั่วจิ่งก็ได้เข้าไปทักทายอย่างเป็นมิตร “พี่รอง ท่านเองก็มาดูฮูหยินอินเหมือนกันเหรอเจ้าคะ?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มแทนคำตอบ

ในขณะที่หลินรั่วจิ่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้นเอง เสียงของฮูหยินอินก็ได้ดังลั่นขึ้นมา เพราะว่าตัวนางนั้นยังไม่ได้เข้าไปด้านใน นางจึงได้ยินเสียงใครบางคนร้องออกมาอย่างไม่ชัดเจนเท่านั้น

มีเสียงดังขึ้นมาว่า “ช่วยลูกของข้าด้วย” ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง “เอาลูกน้อยของข้าคืนมา”

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวด นี่เป็นเสียงของฮูหยินอินแน่นอน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับลูกของนางกัน? หากนึกถึงเรื่องของเมื่อวานนี้ยามที่นางได้พาชีวิตน้อยๆนั้นมาสู่โลกนี้ด้วยตัวของนางเอง ในเวลานั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนอกจากอ่อนแอเท่านั้น

นางจึงไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กคนนั้นจะต้องมาจากไปก่อนที่เขาจะได้ลืมตามาดูสีสันของโลกเช่นนี้

แต่แล้วนางก็ต้องเชื่อกับความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ในห้องนั้นอย่างช่วยไม่ได้

บนเตียงเด็กใหม่เอี่ยมในห้องนั้น ก็จะพบชีวิตน้อยๆที่งดงามและบอบบางสิ้นชีวิตไปแล้ว ผิวนุ่มๆของทารกที่สูญเสียอุณหภูมิไปเนื่องจากความตาย เหลือเอาไว้แต่เพียงความเย็นเท่านั้น

เอามือของนางจับไปที่ข้อมือของทารกน้อย หลินซีเหยียนก็ได้นิ่งเงียบ เวลาการตายของเด็กคนนั้นแปลกมากเกินไป หรือว่าจะเป็นฝีมือของฮูหยินอินเพื่อที่จะทำลายฮูหยินอวี้กัน?

แล้วสายตาที่สงสัยก็ได้มองไปที่ฮูหยินอิน ในเวลานี้ ฮูหยินอินนั้นหน้าซีดและผมของนางก็ได้ยุ่งเหยิงลงมาปิดแก้มทั้งสองข้างของนาง อีกทั้งยังดูซูบซีดนัก

เป็นฝีมือของฮูหยินอินจริงๆเหรอ แม้แต่หลินซีเหยียนเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ!

“ทำไมถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้? ข้ามหาเสนาบดีจะต้องตามหาความจริงให้ได้”

มหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่ร่างน้อยๆที่สูญเสียลมหายใจไปแล้ว ความเจ็บปวดและโกรธในดวงตาของเขานั้นทำให้ผู้คนนั้นประหลาดใจแต่ก็พอจะเข้าใจได้ อย่างไรเสียเขานั้นก็อายุมากแล้วแต่ยังอุตส่าห์ได้ลูกชาย

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องยากลำบากเช่นไร……

เมื่อมีอายุมากแล้วมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

เรื่องนี้ได้ทำให้ตาและรอยยิ้มของหลินซีเหยียนโค้งลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยความคิดที่น่ากลัวในหัวของนางนั้น ถ้าหากเป็นเรื่องจริงแล้ว ฮูหยินอินนั้นก็จะเป็นคนที่เลือดเย็นเสียยิ่งกว่ามหาเสนาบดีหลินเสียอีก

ฮูหยินอินที่ยังคงอยู่ในภวังค์นั้น ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เย็นชาของหลินซีเหยียนทำให้นางรู้สึกสะดุ้งขึ้นมา แล้วนางก็ได้ปลอบใจตัวเอง ว่าตัวนางนั้นจัดการทุกอย่างได้อย่างแนบเนียนแล้ว ไม่มีใครนอกจากนางและซิ่งเอ๋อที่ทราบเรื่องนี้

ส่วนซิ่งเอ๋อนั้น นางจะต้องหาเวลาจัดการนางทีหลัง

หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว ฮูหยินอินก็ได้เริ่มร้องอีกครั้ง “ข้านั้นไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ทำไมฮูหยินถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย? ทำไมท่านถึงยังไม่ยอมปล่อยข้าไปอีก”

นี่เป็นคำพูดที่เสียดแทงจิตใจมาก หากว่าถูกเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของฮูหยินอวี้คงได้พังทลายแน่

ฮูหยินอวี้และหลินรั่วจิ่งนั้นต่างก็มีสีหน้าบูดบึ้ง ในเวลานี้พวกนางต่างก็รู้ว่าพวกนางนั้นถูกปรักปรำ

หลินรั่วจิ่งนั้นเป็นลูกสาวของฮูหยินอวี้ ในฐานะฮูหยินใหญ่ของที่นี่แล้ว ฮูหยินอวี้ก็ได้คอยให้ความช่วยเหลือนางต่างๆนานา ทำให้นางไม่อาจปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามปรักปรำแม่ของนางเสียๆหายๆได้

นางจึงได้กล่าวอย่างใจดีและนุ่มนวล “ฮูหยินอินนั้นเพิ่งจะคลอดลูกแต่ก็ต้องมาเสียลูกไป ในเวลานี้คงจะเสียใจและ ช็อคอย่างมากจนไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา!”

ฮูหยินอินก็ได้ร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อนางได้ยินประโยคนี้ แล้วนางก็ได้เงยหน้าหน้าขึ้นมา ดวงตาที่แดงและบวมเป่งของนางนั้นดูแย่มาก “เป็นฝีมือของนางแน่ๆ นางได้ลงมือทำอะไรบางอย่างกับอาหารที่ข้าทาน สาวใช้ของข้าก็ได้เตือนข้าแล้ว แต่ข้านั้นเชื่อใจในฮูหยินใหญ่จึงได้ทานเข้าไป”

ในระหว่างที่นางพูดอยู่นั้น ฮูหยินอินนั้นพูดออกมาไม่ค่อยจะเป็นประโยคนักเพราะนางนั้นกำลังร้องไห้อยู่

มหาเสนาบดีหลินก็ได้รีบมานั่งข้างๆนาง แล้วลูบไปที่ไหล่ของนางแล้วปลอบอย่างอ่อนโยน “อย่าได้เสียใจไปเลย แล้วก็ค่อยๆพูดก็ได้ ไม่ว่าคนที่ฆ่าเด็กคนนั้นจะเป็นใคร ข้าจะไม่ปล่อยมันไปแน่ๆ”

แล้วในเวลานี้มหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่ฮูหยินอวี้

ฮูหยินอวี้ก็ได้หน้าซีดขึ้นมา “เจ้าพูดอะไรหลักลอย เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”

ฮูหยินอินก็ได้เสียใจหนักกว่าเดิมเมื่อนางได้ยินที่ ฮูหยินอวี้กล่าว “ท่านพี่ หลังจากที่ข้าทานขนมหวานที่ฮูหยินใหญ่นำมาให้ ข้าก็เริ่มรู้สึกแน่นหน้าอกและเจ็บที่ท้องขึ้นมา ข้ายังจำความรู้สึกนั้นได้ดีอยู่เลย”

“อินเอ๋อไม่ต้องร้องไห้นะ ข้าเชื่อเจ้า” มหาเสนาบดีหลินที่ตาขุ่นมัวก็ได้จ้องมองไปที่ฮูหยินอวี้แล้วกล่าว “อวี้เอ๋อ บอกข้ามาว่าทำไมเจ้าถึงได้วางยาในอาหารของนางด้วย!”

“ท่านพี่ ท่านจะฟังความของนางข้างเดียวแล้วมาสงสัยข้าเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ?” แล้วริมฝีปากของฮูหยินอวี้นั้นก็ได้ดูแย่เสียยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก

แม้จะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งนั้นจะถูกคาดการณ์เอาไว้แล้ว