เซี่ยยวี่หลัวรื้อดูในตะกร้าครู่หนึ่ง เพราะต้องรีบไปทำซาลาเปาที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน นางหยิบผ้าหนึ่งพับและขนมสองกล่องออกมาจากตะกร้า แล้วจึงออกไป
เซียวยวี่ล้างมือเสร็จแล้ว เพิ่งเดินออกมาเช่นกัน เซี่ยยวี่หลัวขอความคิดเห็นจากเซียวยวี่ “คือ ข้าจะมอบผ้าพับหนึ่งและขนมสองกล่องให้หัวหน้าหมู่บ้าน เจ้าคิดว่าอย่างนี้ได้หรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวเลือกผ้าสีเหลืองนวลมาหนึ่งพับ นางอธิบาย “ที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านมีหลานสาวที่อายุไล่เลี่ยกับจื่อเมิ่งไม่ใช่หรือ? เด็กเล็กน่าจะชอบสีสันสดใสเช่นนี้ ข้าจึงมอบผ้าพับนี้ให้”
ในเมื่อมีเหตุผลในการเลือก แล้วยังจะถามเซียวยวี่ไปทำไม
เซี่ยยวี่หลัวขมวดคิ้วทีหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองเอ่ยถามโดยไม่จำเป็น
เซียวยวี่ไม่เห็นตอนเซี่ยยวี่หลัวขมวดคิ้ว เขากล่าวอย่างเรียบสงบ “ได้! ไปกัน”
ทั้งสองคนเดินออกจากประตูบ้านโดยที่คนหนึ่งอยู่ข้างหน้าอีกคนอยู่ข้างหลัง
เซี่ยยวี่หลัวถือของอยู่ เซียวยวี่จึงเป็นคนใส่กุญแจประตูใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดจะหยุดรอเขา เดินตรงไปข้างหน้า เซียวยวี่ใส่กุญแจประตูใหญ่เสร็จ เซี่ยยวี่หลัวก็เดินไปไกลห้าถึงหกหมี่แล้ว
เซียวยวี่เร่งฝีเท้า รีบเดินไปสองถึงสามหมี่ จนถึงตำแหน่งที่ห่างจากเซี่ยยวี่หลัวสองหมี่ เซียวยวี่จึงผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง เดินตามอยู่ด้านหลังเซี่ยยวี่หลัวอย่างไม่เร็วและไม่ช้าเกินไป
เซี่ยยวี่หลัวเดินอยู่ด้านหน้า มีคนเดินตามด้านหลัง ช่างรู้สึกประหลาดนัก โดยเฉพาะคนที่ตามอยู่ด้านหลังจะเป็นอดีตสามีของนางในอนาคต ความรู้สึกนั้นยิ่งแปลกประหลาดไปใหญ่
ยังดีที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลมาก ในภายหลังเซี่ยยวี่หลัวเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไม่น้อย ไม่นานก็ถึงบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน เซียวยวี่ที่อยู่ด้านหลังรักษาระยะห่างสองหมี่กับนางมาตลอด
ไม่ไกลและไม่ใกล้เกินไป
จนถึงตอนเห็นบ้านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ใกล้แค่คืบ เซี่ยยวี่หลัวจึงผ่อนลมหายใจยาวทีหนึ่ง
นางแทบจะรู้สึกปวดเมื่อยกระดูกสันหลังอยู่แล้ว
ยังไม่ทันเข้าประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเด็กๆ ดังจากด้านใน เมื่อเห็นเซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวมา เด็กสี่คนเข้ามาหาและเอ่ยเรียกพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่อย่างว่าง่าย
บุตรชายของเซียวจิ้งยี่นามว่าเซียวเหลียน มีบุตรสองคน คนโตเป็นบุตรชาย ชื่อเซียวฉงเหวิน ปีนี้อายุเก้าขวบกว่าแล้ว คนเล็กเป็นบุตรสาว ชื่อเซียวฉงหวู่ ปีนี้อายุแปดขวบพอดี เกิดปีเดียวกับเซียวจื่อเซวียน เพียงแต่คนหนึ่งเกิดต้นปี เซียวจื่อเซวียนเกิดเดือนแปด อายุน้อยกว่าเซียวฉงหวู่ครึ่งปี
เพราะทั้งสี่คนอายุไม่ได้ห่างกันมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งต่างก็เป็นเด็กว่าง่ายรู้ความ เซียวจิ้งยี่เองก็คอยกำชับให้หลานชายและหลานสาวของตัวเองเล่นกับสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนดีๆ เด็กสี่คนเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน
กวั่นซื่อเดินออกมาจากห้องครัว ยิ้มพร้อมกล่าว “ยวี่หลัวมาแล้วหรือ ข้านวดแป้งเสร็จแล้ว กำลังพักแป้งอยู่ พวกเรากินมื้อเที่ยงเสร็จ ก็จะได้ทำซาลาเปาพอดี”
เซี่ยยวี่หลัวรีบยื่นส่งสิ่งของสองอย่างที่นางเลือกมาให้ “ท่านป้า ไม่รู้ว่าควรเอาอะไรมา จึงนำผ้าพับหนึ่งมาให้ฉงหวู่ตัดเสื้อเจ้าค่ะ นี่เป็นขนมสองกล่อง ให้เด็กสองคนกินเป็นอาหารว่างเจ้าค่ะ”
ผ้าหนึ่งพับและขนมสองกล่อง นี่เป็นของที่มีแต่คนมีเงินถึงจะมอบให้แก่กัน สิ่งของสองอย่างนี้ ในสายตากวั่นซื่อ ถือเป็นของดีเสียยิ่งกว่าอะไร
เซี่ยยวี่หลัวมอบผ้าหนึ่งพับและขนมให้ พอจะดูออกว่าแม่หนูคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา รู้จักวางตัว ของขวัญล้ำค่าเกินไป กวั่นซื่อจึงไม่รับ “มาแค่ตัวก็พอ เจ้าจะมอบของมากมายขนาดนี้ทำไม รีบนำกลับไป เก็บไว้ให้จื่อเมิ่งกับเจ้าตัดเสื้อผ้าสวยๆ สักสองตัว”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “หากไม่ใช่เพราะได้ท่านป้าช่วยเหลือ ไม่แน่ว่าข้าอาจต้องออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวจริงๆ ! ดังนั้นของเหล่านี้ถือเป็นคำขอบคุณจากข้า ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องรับไว้นะเจ้าคะ”
พูดถึงเรื่องออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว เซียวยวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วอีกครั้ง
ประโยคที่ว่าออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว เหตุใดถึงออกจากปากนางได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง?
กวั่นซื่อเข้าใจทันที เซี่ยยวี่หลัวกำลังขอบคุณที่นางไปส่งข่าว กวั่นซื่อจึงไม่คิดเกรงใจ เช็ดมือทีหนึ่ง ก่อนรับไว้ “เช่นนั้นก็ได้ ป้าจะรับไว้ ต่อไปหากมีเรื่องลำบากอะไรก็มาหาป้า ป้าจะช่วยเจ้าเอง”
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะมีเรื่องอะไรได้ ทว่า ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านให้คำมั่นสัญญาที่ดีถึงเพียงนี้กับนาง ย่อมต้องขอบคุณ “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณอะไรกัน เจ้ากับเซียวยวี่นั่งพักก่อน ข้าจะไปทำอาหารที่ห้องครัว”
เซี่ยยวี่หลัว “ท่านป้า ข้าไปช่วยเจ้าค่ะ! ”
“ไม่ต้อง ลูกสะใภ้ของข้าอยู่บ้าน ประเดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ก็จะเป็นศึกใหญ่ของเจ้า อีกเดี๋ยวเจ้าต้องเหนื่อยแล้ว” กวั่นซื่อกล่าวด้วยอารมณ์ขำขัน
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มทีหนึ่ง ก่อนขานตอบว่าได้
เซียวยวี่ถูกเซียวจิ้งยี่เรียกไปดื่มน้ำชาด้านใน เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากเผชิญหน้ากับเซียวยวี่ จึงอยู่ในลานบ้านดูเด็กสี่คนเล่นซ่อนหา
เล่นซ่อนหากันไปหลายรอบ ทีแรกยังต้องใช้เวลาระดับหนึ่งถึงจะหาเจอ แต่หลังจากคุ้นเคย ก็หาเจออย่างรวดเร็ว เด็กสี่คนเริ่มรู้สึกไม่สนุก จึงไม่มีแก่ใจจะเล่นอีก
เซี่ยยวี่หลัวเห็นดังนั้น จึงลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นบนกายทีหนึ่ง ยิ้มพร้อมกล่าว “ถ้าอย่างไรพี่สะใภ้ใหญ่สอนพวกเจ้าเล่นการละเล่นที่สนุกยิ่งกว่าแล้วกัน! ”
พอได้ยินว่ามีการละเล่นรูปแบบใหม่ เด็กสี่คนจึงรีบเข้ามาล้อมอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัวทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราจะเล่นอะไรงั้นหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ที่พวกเราจะเล่นวันนี้เรียกว่านกอินทรีจับลูกไก่น้อย! ”
“นกอินทรีจับลูกไก่น้อย? พี่สะใภ้ใหญ่ อะไรคือนกอินทรีจับลูกไก่น้อยขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่เขารู้ว่านกอินทรีที่บินอยู่บนท้องฟ้าจะจับลูกไก่ตัวน้อยไปกิน
เซี่ยยวี่หลัวบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง “มีแม่ไก่ตัวหนึ่ง มันออกลูกไก่จำนวนมาก ระหว่างที่มันกำลังพาลูกไก่ออกหาอาหารข้างนอก จู่ๆ บนท้องฟ้าก็มีนกอินทรีที่ดุร้ายตัวหนึ่งบินมา นกอินทรีจะกินลูกไก่ แม่ไก่ไม่ยอม ดังนั้นแม่ไก่จึงปกป้องลูกไก่ไว้ด้านหลัง ไม่ให้นกอินทรีจับได้ ลูกไก่ที่อยู่ด้านหลังแม่ไก่จะปลอดภัย แต่หากออกจากอ้อมกอดของแม่ไก่ แยกตัวโดดเดี่ยว หรือช้าเกินไป ก็จะถูกนกอินทรีจับไป เข้าใจหรือไม่? ”
นางบอกเล่าอย่างชัดเจน เด็กสี่คนรีบกล่าวว่าเข้าใจแล้ว
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบสอนพวกเราเล่นเถอะขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนอดรนทนรอไม่ไหวแล้ว ดึงเซี่ยยวี่หลัวจะให้นางสอนพวกเขาเล่น
เซี่ยยวี่หลัวย่อมต้องเป็นแม่ไก่ เลือกให้เซียวฉงเหวินเป็นนกอินทรี ยืนเรียงแถวกันเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงเริ่มอธิบายกติกาการเล่น
นางอธิบายพลางทำท่าทางประกอบให้เด็กๆ เข้าใจมากขึ้น ทั้งยังเตือนเหล่าลูกไก่ตัวน้อยด้านหลังให้ตามติดฝีก้าวของนาง ต้องตามติดด้านหลังนาง เช่นนั้นถึงจะรับประกันความปลอดภัยได้
ส่วนนกอินทรีก็ต้องกางกรงเล็บที่ดูดุร้าย พุ่งเข้าโจมตีอย่างดุดันครั้งแล้วครั้งเล่า
หากนกอินทรีสามารถจับลูกไก่น้อยทั้งหมดได้ภายในเวลาที่กำหนด ถือว่านกอินทรีเป็นฝ่ายชนะ