อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะมองไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายชี้ ทันใดนั้นแสงสว่างห้าสีส่องประกายขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นข้างหู พวกเธอเห็นเพียงแต่บริเวณกำแพงหินด้านหน้าไม่ไกลนัก มีวัตถุแปลกประหลาดจำนวนมากขดตัวอยู่ วัตถุนั้นมีลักษณะเหมือนสายฟ้าหรือเถาวัลย์ พวกมันกำลังพัวพันซึ่งกันและกันราวกับมีชีวิต อีกทั้งยังกระแทกขึ้นไปด้านบนอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนจะถูกข่ายพลังนั้นกระแทกกลับมา ส่งเสียงดังแปลกประหลาดและประกายหลากสี

พลังโหดเหี้ยมที่ไม่อาจบรรยายได้กำลังส่งออกมาอย่างไม่ขาดสายจากทางนั้น

“นี่คือ…”

“แหล่งพลังลมปราณ!” เยี่ยยวนพูดขึ้น

ไม่เพียงแต่อวิ๋นเจี่ยว แม้แต่วิญญาณทั้งสามล้วนตกอยู่ในความตะลึง เหล่าเส้นเล็กยาวหลากหลายสีสันนี้คือแหล่งพลังลมปราณ?! มิน่าพลังลมปราณในสถานที่แห่งนี้ถึงได้อุดมสมบูรณ์อย่างมาก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพรรณพืชวิเศษ ดูจากจำนวนของเส้นเหล่านี้ อย่างน้อยต้องมีสี่ถึงห้าเส้น! มังกรน้ำร้ายกาจนั้นชักจะโลภมากเกินไปแล้ว มันบังอาจกักขังแหล่งพลังลมปราณสี่ห้าเส้นไว้ในนี้

แหล่งพลังลมปราณไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย หลายพันหมื่นปีก็ไม่แน่ว่าจะมีหนึ่งเส้น หากมันอยู่ภายใต้พื้นดินจะทำให้มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาไม่ขาดสายได้ การก่อตั้งสำนักของเสวียนเหมินนั้นมักจะเลือกก่อตั้งไว้บนแหล่งพลังวิญญาณ เพื่อช่วยการฝึกฝนของลูกศิษย์ภายในสำนัก

ดังนั้นจึงมีน้อยคนอย่างมากที่จะขุดแหล่งพลังลมปราณออกมากิน หนึ่งเป็นเพราะแหล่งพลังลมปราณอุดมไปด้วยพลังลมปราณที่เข้มข้นเกินไป สองคือได้ไม่คุ้มเสีย หากไม่ได้บ้าคลั่งถึงระดับหนึ่ง ไม่มีใครจะกระทำการเช่นนี้ แต่สถานที่แห่งนี้กลับมีถึงห้าเส้น

“กลับร่างก่อน พลังชีวิตของพวกท่านประคองไปได้อีกไม่นาน!” อวิ๋นเจี่ยวมองดูแหล่งพลังลมปราณเหล่านั้นอย่างมีนัยยะ ก่อนจะพูดเตือนขึ้น

“อ่อๆ!” ชายแก่จึงตั้งสติขึ้นมาได้ เขามองไปยังอีกสองคนที่เหลือก่อนจะพูดขึ้น “ตาโจว ถังเฉิน ข้าช่วยให้พวกเจ้ากลับร่างไปก่อน” พูดจบ เขาก็กระตุ้นป้ายยมราชบนตัว ก่อนจะจิ้มไปยังหน้าผากของคนทั้งสอง

นาทีถัดมา วิญญาณของคนทั้งสองก็ลอยกลับเข้าร่างไป ชายแก่เองก็กลายร่างเป็นควันจางลอยเข้าร่างของตนเองไป ไม่ถึงชั่วครู่ คนที่นอนอยู่บนพื้นทั้งสามลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะ…อาเจียนออกมาเป็นเลือด

“โอย…โอย เจ็บๆ…กระดูกข้า!” ชายแก่ถึงได้นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาล่วงหล่นลงมาจากหน้าผาสูง ถึงแม้ร่างกายผู้ฝึกฝนจะแตกต่างจากคนธรรมดา แต่ก็ไม่อาจต้านทานความสูงระดับนี้ได้ หากจะบาดเจ็บคงไม่แปลก เมื่อวิญญาณกลับเข้าร่างครานี้ ความรู้สึกเจ็บปวดบนร่างกายจึงปรากฏขึ้น เขารู้สึกเพียงกระดูกแต่ละชิ้นกำลังร้องโหยหวน อวัยวะภายในทั้งหลายล้วนเคลื่อนที่

“เจ้าหนู…เร็ว! ฝังเข็มให้ข้าที” เขาเจ็บจะตายอยู่แล้ว “เจ้ามีพกยาฟื้นฟูใช่หรือไม่ เร็ว…มิเช่นนั้นข้าจะหลุดออกจากร่างอีกแล้ว”

อาการของตาโจวและถังเฉินก็ไม่ต่างกันมาก ถังเฉินถึงแม้จะอายุน้อย แต่ก่อนหน้านี้เขารับมือกับมังกรน้ำร้ายกาจ ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ครานี้ก็เหลือเพียงลมหายใจที่รวยรินเท่านั้น

ไป๋อวี้ร้องโหยหวนอยู่ครึ่งวัน ก่อนจะพบว่าอวิ๋นเจี่ยวไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ แต่กลับเดินข้ามพวกเขาไป มองไปยังรอบด้าน ราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง “เจ้าหนู?”

อวิ๋นเจี่ยวหันหน้ากลับมามองคนที่นั่งหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดอยู่บนพื้น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกท่านแน่ใจว่าถูกมังกรน้ำร้ายกาจนั้นผลักลงมา?”

“ใช่!” ชายแก่พยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนที่มังกรน้ำร้ายกาจนั้นตาย มันลากถังเฉินลงมายังสถานที่แห่งนี้ พวกเขาคิดจะช่วยเหลืออีกฝ่ายแต่กลับถูกลากลงมาด้วย ทำไมนางถึงถามเช่นนี้

“ถึงจะเป็นเช่นนี้…” สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวยิ่งเคร่งเครียด เธอกวาดตามองคนทั้งสาม “ร่างกายของพวกท่านอยู่ที่นี่ เช่นนั้น…มังกรน้ำล่ะ?”

ชายแก่: “…”

ตาโจว: “…”

ถังเฉิน: “…”

(⊙_⊙)

โฮ่ง…

พวกเธอยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยา ทันใดนั้นเสียงคำรามดังกึกก้องทั่วก้นผา! รอบด้านที่เงียบสงบแต่เดิมนั้น กลับสั่นสะเทือนขึ้นมา

ทุกคนต่างรู้สึกเพียงใจหายวูบ

เฮ้ย!

หินภูเขาจำนวนมากมายล่วงหล่นลงมาราวกับฝนตก อวิ๋นเจี่ยวรีบคว้ายันต์ป้องกันออกมาหลายใบ กางออกเป็นเกราะป้องกันโปร่งใส คุ้มกันคนทั้งสามที่อยู่บนพื้น

เพียงแต่การสั่นสะเทือนรอบด้านรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พื้นดินแยกออกจากกันทีละนิด พรรณพืชวิเศษล่วงหล่นลงไป ก่อนจะมีกองวัตถุสีขาวจำนวนมากเผยออกมาจากใต้ดิน

ทุกคนมองดูอย่างใกล้ชิดถึงได้พบว่าวัตถุสีขาวเหล่านั้นล้วนเป็นโครงกระดูก ภายใต้พรรณพืชวิเศษเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยโครงกระดูกมนุษย์สีขาว คนทั้งหลายต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนจะมีความโกรธเคืองผุดขึ้นมา นี่ต้องตายไปกี่คน ถึงได้มีกระดูกมากมายเช่นนี้

โฮ่ง…

เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้แม้แต่กำแพงหินทั้งสองด้านก็สั่นสะเทือนขึ้นมา นาทีถัดมาพวกเธอกำแพงหินแตกออก ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังก้อง ร่างขนาดใหญ่ยักษ์พุ่งตรงออกมาจากด้านใน

มันคือสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายงูขนาดใหญ่ ร่างของมันกว้างราวเจ็ดแปดเมตร ยาวหลายร้อยเมตร เมื่อมันปรากฏตัวก็แทบจะกินพื้นที่ก้นผาทั้งหมด ร่างกายของมันมีเกล็ดสีเดียวกับกำแพงหิน หัวเป็นม้า ตัวเป็นงู หางเป็นปลา เล็กเหมือนเหยี่ยว นี่คือ…

มังกร?!

อีกฝ่ายราวกับสังเกตพวกเธอมาเป็นเวลานาน มันส่งเสียงคำรามเหมือนดั่งมังกรขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะอ้าปากกว้างและพุ่งตรงเจ้ามาหาพวกเธอ

“นี่…นี่คือมังกรน้ำร้ายกาจตัวนั้น!” คนทั้งสามที่เพิ่งฟื้นขึ้นมานั้นเบิกตากว้างพร้อมทั้งสีหน้าเหลือเชื่อ

“มัน…มันกลายเป็นมังกรแล้ว! มังกรหิน!” ในขณะที่มังกรตัวนั้นกำลังพุ่งเข้ามากลืนกินคนตรงหน้า

“ยังไม่ใช่” เยี่ยยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้น

เขายกมือขึ้นสะบัดอย่างตามใจ ทันใดนั้นผนึกหนึ่งปรากฏอยู่ด้านบน ก่อนจะล่วงลงมา

ปัง…

คนที่เหลือได้ยินเพียงเสียงดังก้อง มังกรน้ำร้ายกาจที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นกลับล่วงลงไปกับพื้น อีกทั้งยังลึกลงไปในพื้นเล็กน้อย ก่อนที่จะหมดลมหายใจไป…

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

ชายแก่: “…”

ตาโจว: “…”

ถังเฉิน: “…”

(⊙_⊙)

เนื่องจากการปรากฏตัวของมังกรน้ำร้ายกาจ พวกเธอหล่นลงไปกับพื้นพร้อมกับปากที่อ้าไม่หุบเพราะความตกตะลึง

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาคือใคร พวกเขาอยู่ไหน

ความรู้สึกชนะอย่างง่ายดายนี้คือประสบการณ์อะไร

ชายแก่ที่คุ้นชินกับเหตุการณ์ตั้งสติขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เขาหันไปพูดกับคนทั้งสอง “ตาโจว พวกเจ้า…ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

“…ฮะ?” ทั้งสองคนทำหน้าฉงน เป็นอะไร ใครเป็นอะไร เรื่องอะไร

( ̄△ ̄;)

อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้ามองดูมังกรน้ำร้ายกาจที่จมอยู่ใต้ดิน ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าบนหัวของมังกรน้ำตัวนี้มีโหนกสองอัน แต่มันยังไม่มีเขามังกรโผล่ออกมา

มิน่าอาจารย์ปู่ถึงบอกว่ายังไม่ใช่! ดูท่าทางมังกรน้ำนี้ยังไม่ได้กลายร่างเป็นมังกรอย่างเต็มที่ ดังนั้นตัวของมันจึงไม่มีพลังเทพแม้แต่น้อย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังกำแพงหินที่เต็มไปด้วยแหล่งพลังลมปราณ เห็นเพียงแต่แหล่งพลังลมปราณหลากสีนั้นยังคงพัวพันกันอยู่บริเวณนั้น ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

เพียงแต่ยังคงเคลื่อนย้ายไปกระแทกข่ายพลังที่อยู่ด้านบน

เดี๋ยวก่อน!

ข่ายพลัง?

อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ มังกรน้ำร้ายกาจตายไปแล้ว แต่ข่ายพลังกลับไม่มีผลกระทบแม้แต่น้อย?!

หรือว่า…คนที่วางข่ายพลังคือคนอื่น?