ตอนที่ 203 ข่ายพลังกลางหน้าผา

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

บริเวณตรงหน้าคือหนองน้ำขนาดใหญ่ที่หลบซ่อนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หนองน้ำนั้นกว้างสุดลูกหูลูกตา ระดับน้ำดูเหมือนไม่ลึกมาก แต่พื้นผิวน้ำกลับลอยเต็มไปด้วยกิ่งไม้และวัชพืชมากมาย มองเพียงผิวเผินไม่แตกต่างจากพื้นที่ราบมากนัก แต่เมื่อคนหลงเหยียบเข้าไปจะจมอยู่ในโคลนตม ไม่อาจหลุดพ้นขึ้นมาได้

อวิ๋นเจี่ยวแปะยันต์ตัวเบาไว้บนตัว ก่อนจะมุ่งตรงไปยังใจกลางของหนองน้ำพร้อมอาจารย์ปู่ เดินไปได้เพียงไม่กี่นาที บริเวณตรงหน้าก็ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมา อีกทั้งยังมีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่ ต้นไม้ในหนองน้ำนั้นระเนระนาด เผยให้เห็นโคลนตมเป็นชั้นข้างใต้ บ่งบอกถึงสถานที่แห่งนี้ผ่านศึกต่อสู้อย่างดุเดือดมาก่อน

“เจ้าหนู ทางนั้นๆ พวกข้าตกลงไปยังหน้าผาตรงนั้นจึงวิญญาณหลุดออกจากร่าง” ชายแก่หดร่างวิญญาณของตนลง ก่อนจะเบียดตัวออกมาจากยันต์เก็บวิญญาณ เขาเกาะอยู่ที่ขอบย่ามข้างตัวของอวิ๋นเจี่ยว พร้อมกับชี้นิ้วไปทางขวา

อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองตาม พบว่าบริเวณไม่ไกลนั้น มีหน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งหน้าผาแห่งนั้นราวกับถูกหนองน้ำแห่งนี้ตัดขาดไป นางเดินเข้าไปดู พบว่าด้านในอบอวลไปด้วยหมอกควัน ลึกจนมองไม่เห็นด้านล่าง

“สหายอวิ๋นระวังตัว” ตาโจวก็เบียดตัวออกมาเกาะอยู่ขอบย่ามข้างชายแก่ เขาพูดเตือนขึ้น “ด้านล่างของหน้าผานี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไร”

อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า มองดูหน้าผาลึกนั้นด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปมองเยี่ยยวนที่อยู่ด้านข้าง “อาจารย์ปู่ ท่านมองเห็นด้านล่างไหม”

สีหน้าของเยี่ยยวนหนักใจเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัว “พลังลมปราณเข้มข้นและมีจำนวนมาก ไม่อาจแยกแยะสิ่งที่อยู่ข้างใต้ได้ ไม่ต้องเป็นกังวล ลงไปดูก็รู้”

พูดจบ บริเวณเอวของอวิ๋นเจี่ยวรู้สึกแน่นขึ้น ก่อนที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายโอบนางกระโดดลงไปด้านล่างแล้ว ข้างหูดังก้องไปด้วยเสียงลม นางตกใจอย่างมาก เอื้อมมือเกาะคนข้างตัวไว้แน่นทันที ในขณะที่กำลังจะเหยียบลงบนพื้นดิน อาจารย์ปู่กลับชะงักอยู่กลางอากาศอย่างกะทันหัน

“อืม?” อีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นราวกับสัมผัสอะไรบางอย่างได้

“ทำไมเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวผงะ นาทีถัดมานางรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดบางอย่างในเมฆหมอกนั้น “การเคลื่อนไหวของข่ายพลัง!” นางรีบสัมผัสบริเวณรอบด้าน ก่อนจะชี้ไปทางขวา “ทางนั้น!”

เยี่ยยวนพานางลอยไปยังจุดที่ชี้ทันที เมื่อเข้าใกล้พวกนางถึงได้พบว่าบริเวณนั้นเป็นกำแพงหินด้านหนึ่ง ด้านบนสามารถมองเห็นแสงของข่ายพลังกำลังส่องประกาย เพียงแต่ค่อนข้างลึกลับ หากไม่เข้าใกล้คงไม่อาจพบเห็นได้

“มีข่ายพลังจริงด้วย!” ชายแก่อุทานออกมา เขามองไปยังข่ายพลังนั้น แต่กลับรู้สึกเพียงความวิงเวียน เขาเงยหน้าขึ้นพูด “เจ้าหนู เจ้ารู้ว่านี่คือข่ายพลังอะไรหรือไม่”

อวิ๋นเจี่ยวเดินเข้าไปดูข่ายพลังนั้นอย่างใกล้ชิด ก่อนจะพบว่าข่ายพลังนั้นถึงแม้จะซ่อนอยู่ในที่ลึกลับ แต่รูปแบบของข่ายพลังกลับไม่ชัดเจน เพียงแค่แผ่ขยายไปตามกำแพงหินและเมฆหมอก ทำให้ไม่อาจมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของมันได้ นางส่ายหัวพร้อมพูดขึ้น “สถานที่แห่งนี้มีหมอกมาก ข้าไม่อาจมองเห็นข่ายพลังทั้งหมดได้ นอกเสียจาก…”

นางยังพูดไม่ทันจบ คนข้างตัวก็ยกมือขึ้นทีหนึ่ง ทันใดนั้นเกิดลมกรรโชกแรง พัดพาเอาเมฆหมอกบริเวณรอบด้านลอยหายไปจนหมดสิ้นราวกับเครื่องดูดฝุ่น

นาทีถัดมา กำแพงหินที่สมบูรณ์ก็ปรากฏต่อหน้า แต่กลับทำให้ทั้งคนและวิญญาณที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ

“นี่…นี่คือ…” ตาโจวเบิกตาโต สีหน้าเหลือเชื่ออย่างมาก

แม้แต่ถังเฉินที่รอคอยอยู่ในยันต์อย่างเชื่อฟังยังเบียดตัวออกมา ร่างวิญญาณขนาดเล็กทั้งสามเกาะอยู่บริเวณขอบย่ามอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับจ้องมองกำแพงหินด้วยความตะลึง “นี่คือ…ข่ายพลัง?!”

เห็นเพียงแต่กำแพงหินทั้งด้านนั้นมีข่ายพลังขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ เมื่อไม่มีการปิดบังของเมฆหมอก ทำให้สามารถมองเห็นข่ายพลังที่แผ่ขยายไปทั่วทั้งกำแพงหินราวกับใยแมงมุมได้อย่างชัดเจน คาถาข่ายพลังที่ซับซ้อนกำลังหมุนเวียนอยู่ในกำแพงหินอย่างไม่ขาดสาย หากเมื่อครู่พวกเขาลอยต่ำลงอีกเพียงเล็กน้อยคงได้ตกอยู่ในข่ายพลังอย่างแน่นอน

“เจ้าหนู…” ชายแก่เงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นเจี่ยว “นี่คือข่ายพลังอะไร เจ้ารู้จักหรือไม่”

“ไม่รู้จัก!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว นางมองดูข่ายพลังขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างละเอียด มันเป็นข่ายพลังที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน “ข้าพอจะเดาออกว่าข่ายพลังนี้เป็นผนึก…หรือข่ายพลังกักขัง อีกทั้งยังมีขังพลังลมปราณ กลืนกินวิญญาณ…” หากต้องการกำจัดทิ้งคงต้องใช้เวลา

“ข่ายพลังกักขังพลังลมปราณ!” เยี่ยยวนพูดขึ้น

อวิ๋นเจี่ยวผงะ “อาจารย์ปู่เคยเห็นข่ายพลังนี้?”

“อืม” คิ้วของเยี่ยยวนขมวดมุ่น เขาเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “เป็นข่ายพลังเมื่อนานมาแล้ว ใช้สำหรับกักขังแหล่งพลังลมปราณ”

“แหล่งพลังลมปราณ!” ถังเฉินเคยบอกว่ามังกรน้ำร้ายกาจนั้นได้กลืนกินแหล่งพลังลมปราณไป ทำให้มันมีพลังมหาศาล แต่ว่ามันไม่ได้กลืนกินไปแล้วเหรอ เหตุใดถึงตั้งวางข่ายพลังเช่นนี้ไว้ หรือว่า…

“ด้านในนี้ยังมีแหล่งพลังลมปราณอื่นถูกกักขังไว้?!” วิญญาณทั้งสามตกตะลึง

“เข้าไปดูก็รู้แล้ว” อวิ๋นเจี่ยวพินิจดูข่ายพลังอย่างละเอียด ก่อนจะชี้ไปทางด้านซ้าย “อาจารย์ปู่ ประตูเป็นของข่ายพลังอยู่ทางนั้น พวกเราเดินลงไปจากทางนั้น”

เยี่ยยวนที่กำลังจะใช้คาถาทำลายข่ายพลัง “…”

เขาวางมือลงอย่างเงียบๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะตอบรับ “อืม!” จากนั้นจึงลอยไปยังทิศทางที่นางชี้ อืม เชื่อฟังศิษย์หลานเดินทางอ้อม!

เมื่อทั้งสองคนเดินทะลุข่ายพลังไป พวกเขาเดินตรงลงไปด้านล่าง ก่อนจะพบว่าทิวทัศน์ด้านล่างนั้นแตกต่างจากหนองน้ำด้านบนอย่างสิ้นเชิง เห็นเพียงกำแพงหินที่ว่างเปล่านั้นแต่เดิมนั้นกลับปีนป่ายไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด ดอกไม้มากมายผลิบานจนกลายเป็นกำแพงดอกไม้ อีกทั้งยังเจือปนไปด้วยพลังลมปราณเข้มข้น!

นี่คือ…พรรณพืชวิเศษ!

อวิ๋นเจี่ยวพบว่าพรรณพืชวิเศษเหล่านี้มีอายุไม่น้อย ล้วนเป็นพรรณพืชที่หายาก นางก้มลงมองด้านล่าง ก่อนจะพบว่าภายใต้ของข่ายพลังกักขังพลังลมปราณนั้นยังมีข่ายพลังที่คุ้นเคยอีกอันอยู่ ซึ่งก็คือข่ายพลังกลืนกินวิญญาณ ตอนที่พวกชายแก่ตกลงมานั้น คงต้องข่ายพลังนี้จึงทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง

หากไม่ใช่ไป๋อวี้มีป้ายยมทูตอยู่กับตัว ร่างวิญญาณแข็งแกร่งกว่าวิญญาณอื่นๆ นางคาดว่าในขณะที่พวกเขาถูกกระชากวิญญาณออกมานั้นก็คงถูกข่ายพลังนี้ตีสลายไปแล้ว

สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวดำลง ก่อนจะดึงเยี่ยยวนไว้ “อาจารย์ปู่ ร่างกายของชายแก่น่าจะอยู่ด้านล่าง”

เยี่ยยวนพยักหน้า ก่อนจะเร่งความเร็วลงไป ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที พวกนางมาถึงด้านล่าง พรรณพืชวิเศษด้านล่างมีมากยิ่งกว่าด้านบน นอกจากเจริญเติบโตไปทั่วพื้นที่แล้ว พลังลมปราณรอบด้านก็เข้มข้นมากกว่าปกติ พลังลมปราณเหล่านั้นก็มุดเข้าร่างกายของอวิ๋นเจี่ยวเอง โดยที่นางไม่ต้องชักนำแม้แต่น้อย

เพียงแค่ช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ นางก็รู้สึกว่าเส้นชีพจรเสวียนที่ในร่างกายของนางถูกเติมเต็มไปไม่น้อย นี่คือ…โหมดชาร์จเร็วห้านาทีเหรอ

อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้คิดลึกลงไป ชายแก่ที่อยู่ในย่ามก็อุทานขึ้น “เจ้าหนู พวกเราอยู่ทางนั้น!”

นางหันหน้าไปตาม ก่อนจะพบร่างกายที่คุ้นเคยของทั้งสามคนกำลังนอนอยู่ไม่ไกลนัก ร่างกายของพวกเขานอนทับพรรณพืชวิเศษจำนวนไม่น้อย ทำให้โดดเด่นเป็นอย่างมาก

อวิ๋นเจี่ยวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปทันที นางหยิบยันต์ชักนำวิญญาณพร้อมปล่อยวิญญาณของทั้งสามคนออกมา ในขณะที่กำลังจะให้พวกเขากลับร่างนั้น ถังเฉินกลับตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“นั่น…นั่นคืออะไร!”