ตอนที่ 202 ชายชราออกเดินทาง

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

“ห้องสี่ของท่านจบการศึกษาแล้วไม่ใช่หรือ” อวิ๋นเจี่ยวพูด ตั้งแต่เปิดห้องเรียนพิเศษขึ้นมา อาจเป็นเพราะเจ้าสำนักสวีเคยสั่งกำชับเอาไว้ ดังนั้นทางสำนักเทียนซือจึงไม่ได้มอบหมายภารกิจให้พวกเธอเป็นพิเศษ

“หลังจากคาถาเสวียนซินของท่านถึงระดับหกแล้วก็ไม่ได้ขยับอีกเลยไม่ใช่หรือ ออกไปฝึกฝนหน่อยก็ดี!” มัวแต่เรียนในตำราคงไม่ได้ ต้องมีประสบการณ์ด้วย! อีกทั้งหลายวันนี้กำลังจะเปิดเรียน เสวียนเหมินค่อนข้างขาดแคลนคน

ชายแก่ปากกระตุกเล็กน้อย ห้องสี่จบการศึกษาไปอย่างยากลำบาก จะให้เขาได้พักผ่อนหน่อยไม่ได้หรือไง สีหน้าของเขาเหี่ยวย่นลงมาทันที แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะว่าคัดค้านก็ไม่มีประโยชน์ เขาค้อนเธอด้วยความขุ่นเคืองทีหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “เอาเถอะ เช่นนั้นพวกเราเตรียมตัวออกเดินทางกัน ข้าไปเรียกอาจารย์ปู่”

“ท่านเรียกอาจารย์ปู่ทำไม” อวิ๋นเจี่ยวพูด

“ไม่ใช่!” ชายแก่เบิกตาโตอย่างตกตะลึง “เจ้าหนู เจ้าไม่พาอาจารย์ปู่ไปด้วยอีกแล้ว? เจ้าไม่กลัวเขาฆ่าอิ้งหลุนหรือ” ซื้อผักต้องใช้เงินนะ!

“ข้าหมายถึง…” อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นมองเขา “ข้ากับอาจารย์ปู่จะไม่ไป”

ชายแก่ผงะ มองไปยังเธอด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เจ้า…เจ้า…”

“ท่านไปคนเดียว!”

“เจ้าหนู!” ชายแก่ระเบิดออกทันที “ไม่จริงใช่หรือไม่! เจ้าให้ข้าไป…คนเดียว?”

“มันเป็นภารกิจของท่านเพียงคนเดียวอยู่แล้ว!”

“ไม่ได้นะ เจ้าหนู!” เขาไม่เคยไปคนเดียวมาก่อน

“ก่อนที่ข้าจะเข้ามาเป็นลูกศิษย์ในสำนักชิงหยาง ท่านยังกล้าไปคนเดียว อีกทั้งยังทำมากว่าหลายสิบปี เหตุใดตอนนี้ทำไม่ได้” อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “หรือว่า ท่านคิดว่าวิชาที่อาจารย์ปู่ถ่ายทอดให้พวกเราสู้สิ่งที่ท่านใช้มาก่อนหน้านี้ไม่ได้?”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” สิ่งที่เขาใช้ก่อนหน้านี้นับว่าเป็นวิชาเสวียนเหมินไม่ได้แม้แต่น้อย!

“เช่นนั้นทำไมไปไม่ได้”

“…”

จริงสิ! อย่างน้อยเขาก็ฝึกฝนมานานขนาดนี้ อีกทั้งยังมีตำแหน่งยมราชติดตัว เขาจะกลัวอะไรกัน!

ทันใดนั้น ไป๋อวี้รู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมาทันที เขาตบเข้าที่หน้าอกของตนเอง “ได้! เช่นนั้นข้าจะไปเอง! แค่การขับไล่ปีศาจ! เจ้าวางใจ ไม่ถึงสามวันข้าจะกลับมา!” พูดจบก็หันหลังเดินเข้าห้องตนเองไปเก็บของ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมห่อสัมภาระขนาดใหญ่

เจ็ดวันหลังจากนั้น เขาลอยกลับมา…

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

เธอมองดูวิญญาณสามตัวที่ยืนกันอย่างเป็นระเบียบในข่ายพลัง ทันใดนั้น อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น

“ตกลงไปทำอะไรมา”

ทำไมตอนออกจากอารามยังเป็นคน แต่เมื่อกลับมาถึงเป็นผี!

(╰_╯)

“ข้า…ข้าก็ไม่รู้” ชายแก่พยายามม้วนตัวเป็นก้อน ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความน่าสงสาร “ข้าไม่แม้แต่จะรู้ว่าเกอดอะไรขึ้นก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว จากนั้นก็ถูกเจ้าดึงกลับมา!”

“พวกท่านไม่รู้ว่าตัวเองตายอย่างไร” คิ้วของอวิ๋นเจี่ยวขมวดเล็กน้อย เธอรออีกฝ่ายอยู่ในอารามเป็นเวลาเจ็ดวัน เห็นอีกฝ่ายยังไม่กลับมา ยันต์ส่งสารก็ติดต่อไม่ได้ ถึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ปู่ สุดท้ายอาจารย์ปู่บอกเธอว่า ตะเกียงวิญญาณของเขาดับไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงวางข่ายพลังเรียกวิญญาณเรียกเขากลับมา แต่ไม่คิดว่าจะมีถึงสาม

“พวกเขายังเป็นวิญญาณที่มีชีวิต” เยี่ยยวนยื่นขนมมาให้ชิ้นหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น

“วิญญาณที่มีชีวิต!” อวิ๋นเจี่ยวผงะ “อาจารย์ปู่หมายความว่า ชายแก่ยังฟื้นกลับมาได้”

“ไม่แน่” เยี่ยยวนพูดต่อ “มีคนใช้วิชากักขังร่างกายของพวกเขาเอาไว้ ทำให้วิญญาณของพวกเขาหลุดออกมา หากไม่รีบกลับเขาร่าง คงได้กลายเป็นวิญญาณจริงแน่”

สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวเคร่งเครียดขึ้นในทันที เธอพลางวางข่ายพลังช่วยรักษาพลังชีวิตที่หลงเหลืออยู่ของพวกเขา พลางถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ร่างกายของพวกท่านอยู่ไหน”

“น่าจะ…อยู่ที่ภูเขาอวี๋ซาน” ชายแก่ตอบ

“ภูเขาอวี๋ซาน? ท่านไม่ได้ไปขับไล่ปีศาจทางใต้หรือ ทำไมถึงวิ่งไปภูเขาอวี๋ซานได้” ภูเขาอวี๋ซานอยู่ทางเหนือ ซึ่งอยู่คนละทิศกันอย่างสิ้นเชิง

“สหายอวิ๋น เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า!” วิญญาณที่มีหนวดเคราเต็มหน้าด้านข้างชายแก่ลอยเข้ามา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าเป็นคนเรียกพี่ไป๋ไปช่วยที่ภูเขาอวี๋ซานเอง!”

“ไม่! เป็นเพราะข้าทำให้พวกท่านเดือดร้อน!” ทันที่ที่เขาพูดจบ วิญญาณของชายหนุ่มหน้าไม่คุ้นก็ลอยเข้ามา “หากไม่ใช่ข้าฆ่ามังกรน้ำร้ายกาจนั้น พวกท่านก็คงไม่ต้องจมน้ำเพื่อช่วยข้า เรื่องนี้เป็นเพราะข้าเอง!”

“ท่านคือ…” อวิ๋นเจี่ยวมองดูคนทั้งสาม ตาโจวเธอรู้จัก แต่ว่าชายหนุ่มคนนี้เธอกลับไม่คุ้นหน้า

“เจ้าหนู เขาคือถังเฉินแห่งตระกูลถังไง!”

“…” ใคร นายท่านถังเธอพอจะรู้จัก

ชายแก่เห็นเธอทำหน้าฉงน จึงรีบลอยเข้าใกล้ พร้อมพูดด้วยเสียงกระซิบ “ตอนที่ขึ้นทะเบียน สองร้อยตำลึง!”

“อ่อ…” เธอถึงได้นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่ซื้อห้องพักแขกต่อจากเธอในราคาสองร้อยตำลึง หลังจากที่พวกเธอขึ้นทะเบียนแล้วก็ไม่ได้พบกันอีกเลย “ทำไมพวกท่านถึงอยู่ด้วยกันได้” อีกทั้งยังกลายเป็นเช่นนี้

ทั้งสามคนสบตากัน ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดออกมา

ชายแก่ไปขับไล่ปีศาจจริง อีกทั้งภารกิจนั้นก็เป็นเพียงภารกิจเล็กๆ เขาไม่ได้ใช้เวลามากมายก็จัดการเรียบร้อย แต่กลับได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากตาโจวพอดี อีกฝ่ายบอกเขาว่าภูเขาอวี๋ซานมีปีศาจร้ายกาจปรากฏตัว ไม่อาจรับมือคนเดียวได้

ชายแก่อยู่ในช่วงความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาจึงเดินทางไปโดยไม่คิดคำนึงแม้แต่น้อย แต่ผลสุดท้ายนั้น พวกเขากลับบุกเข้าไปในหนองน้ำแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้งได้พบกับมังกรน้ำร้ายกาจตัวหนึ่ง มังกรน้ำนั้นไม่ใช่ปีศาจ เผ่าพันธุ์ของพวกมันมีสายเลือดของเทพ สามารถแปลงร่างกลายเป็นมังกร คนทั่วไปไม่อาจรับมือกับมันได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาควรจะถอนตัวกลับมารายงานสำนักเทียนซือ แต่บังเอิญว่าถังเฉินกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่บริเวณใกล้เคียง เขาก็ได้พบกับมังกรน้ำร้ายกาจตัวนี้เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาไปถึง ถังเฉินกำลังต่อสู้กับมังกรน้ำ อีกทั้งเขายังสามารถฆ่ามังกรน้ำร้ายกาจตัวนั้นได้สำเร็จ

แต่เนื่องจากสูญเสียพลังลมปราณไปจนหมดสิ้น ในขณะที่เขากำลังจะจมลงในหนองน้ำอันเป็นที่พักอาศัยของมังกรน้ำนั้น ชายแก่กับตาโจวเห็นเข้าพอดี พวกเขาจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปช่วยคนเอาไว้ แต่ไม่คิดว่า ไม่เพียงแต่ช่วยคนไว้ไม่ได้ ทั้งสามยังตกลงไปด้วยกัน สุดท้ายจึงกลายเป็นเช่นนี้

“มังกรน้ำร้ายกาจตัวนั้นกลืนกินแหล่งพลังลมปราณบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังปักหลักอยู่ในหนองน้ำนับหลายปี มันต้องการกลายร่างเป็นมังกร จึงกลืนกินวิญญาณของผู้คนที่ผ่านไปมาไม่น้อย” ถังเฉินพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง “มันหลบซ่อนตัวได้ดีมาก ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในถึงจะสืบเจอตัวมัน มิเช่นนั้นมันคงได้ทำร้ายคนอีกมากมาย เพียงแต่…” เขามองไปยังชายแก่และตาโจวด้วยความรู้สึกผิด “เดือดร้อนพวกท่าน”

“เฮ้อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า” ชายแก่ปลอบใจเขา ก่อนจะหันไปพูดกับอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู ข้ารู้สึกว่าภายใต้หนองน้ำนั้นมีบางอย่างแปลกประหลาด ด้านใต้ต้องมีบางอย่างซ่อนเอาไว้เป็นแน่ ดังนั้นวิญญาณของพวกข้าถึงได้หลุดออกจากร่างเช่นนี้”

“อืม” อวิ๋นเจี่ยวตอบรับคำหนึ่ง สีหน้าของเธอเคร่งเครียด สักพักจึงหยิบยันต์เก็บวิญญาณออกมา

“วิญญาณของพวกท่านไม่อาจหลุดออกจากร่างเป็นเวลานาน พวกท่านเข้าไปในยันต์ก่อน ข้าจะพาพวกท่านไปตามหาร่างของตนเอง”

ทั้งสามคนพยักหน้า ก่อนจะกลายร่างเป็นควันจางลอยเข้าไปในยันต์

อวิ๋นเจี่ยวเองก็ไม่ได้รีรอ เธอลากอาจารย์ปู่พุ่งตรงไปยังทิศทางของหนองน้ำที่ชายแก่บอก

ยังดีที่การคมนาคมของเสวียนเหมินพัฒนาไม่น้อย อีกทั้งมีอาจารย์ปู่คอยช่วยเหลือ พวกเธอมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว