ภายใต้การแนะนำของเซ่าฮุยตลอดทาง ในที่สุดถังหยินก็มาถึงจวนผู้ว่ามณฑล ซึ่งความอลังการของมันนั้นมันก็ยากเหลือเกินที่จวนของเขาเองจะเทียบติด ทำให้ความประทับใจของถังหยินที่มีต่อเซ่าฮุยเปลี่ยนไปไม่น้อย

หลังจากเข้ามาถึงห้องโถงแล้ว เซ่าฮุยก็ให้คนรับใช้ยกชาให้เขาอย่างเป็นกันเอง ทำให้ถังหยินโบกมือและยิ้ม “ขอบคุณสำหรับน้ำชา ท่านเซ่า” หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องและพูดต่อ “ข้าวางแผนที่จะให้กองทัพเทียนหยวนของเราประจำการในพื้นที่มณฑลกวนหนานบริเวณตอนใต้ ข้าสงสัยว่าท่านเซ่าจะช่วยเรื่องนี้ได้หรือไม่”

“โอ้เมืองทางตอนใต้งั้นหรือ ?” เซ่าฮุยสะดุ้ง ด้วยเมืองทางตอนใต้นั่นคือเมืองชางซุย ที่นับได้ว่าอยู่ไม่ไกลจากจิงกวงเท่าไหร่ จึงทำให้เขากลืนน้ำลายและถามว่า “ท่านมีแผนจะให้ทหารประจำการใกล้เมืองชางซุยซักเท่าไหร่กัน ?”

“กองทัพเทียนหยวนทั้งหมดของข้า”

“แล้วมันเท่าไหร่ ? ”

“4 แสนนาย”

“ห๊ะ !” เซ่าฮุยตกใจ ด้วยสถานที่ตั้งของเมืองชางซุยนั้นสำคัญมาก หากแต่มันก็ไม่ใช่เมืองใหญ่โตนัก ดังนั้นมีหรือที่มันจะสามารถรองรับทหาร 4 แสนนายได้ ? เขาแสดงสีหน้าหนักใจและพูดว่า “ท่านถัง เมืองชางซุยอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 5 ลี้ก็จริง แต่ข้าเกรงว่ามันจะไม่สามารถรองรับทหาร 4 แสนนายที่เกรียงไกรของท่านได้ !”

ถังหยินหัวเราะก่อนที่จะตอบ “อย่างที่ข้าเคยพูดไปก่อนหน้านี้ กองทัพเทียนหยวนของข้าจะไม่เข้าไปในเมือง แต่อยู่นอกเมืองเท่านั้น ดังนั้นท่านเซ่าโปรดสบายใจได้ ทหารของข้าจะไม่รบกวนพลเมืองอย่างแน่นอน”

เซ่าฮุยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “เป็นอย่างนั้นเอง งั้นก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้างั้นแล้ว ท่านยังต้องการความช่วยเหลือจากข้าด้วยหรือ”

ถังหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “ตราบใดที่ท่านเซ่าช่วยข้าปิดข่าว ข้าก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการจัดการกองทัพของซ่งเทียน ! ลดความแข็งแกร่งของพวกมัน และเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับพวกเรา อีกทั้งยังสามารถใช้ชัยชนะที่เกิดขึ้นในการสร้างโอกาสเพื่อยึดครองเมืองหยานได้อีกด้วย ! อย่างไรก็ตาม ถ้าแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ ข้าเกรงว่าคงจะไม่มีใครสามารถแก้ไขเรื่องนี้และกอบกู้แคว้นเฟิงได้อีกแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเซ่าฮุยก็กลายเป็นจริงจังและพูดอย่างกังวลว่า “ท่านถังสบายใจได้ในเรื่องข่าวที่จะถูกควบคุมไว้อย่างดี แต่ถ้าต้องการให้ข้าส่งกองกำลังเข้าร่วม เห็นทีคงไม่ได้ ”

ถังหยินมีความสุขมากที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น เขาจับมือของเซ่าฮุยและพูดว่า “ถ้าท่านเซ่าสามารถทำสิ่งนี้ได้จริง ๆ ก็จะถือว่าท่านทำประโยชน์ให้กับแคว้นเฟิงของพวกเราแล้ว !”

เซ่าฮุยที่ได้ยิน เขาก็พลันยืนขึ้นและโค้งคำนับ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้านั้นย่อมต้องทำการเจตนารมณ์แห่งแคว้นเฟิงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษผู้ทรยศเหล่านี้และฟื้นฟูแคว้นเฟิงแห่งนี้ขึ้นมา !”

เมื่อได้รับการอนุมัติจากอีกฝ่ายแล้ว มันก็ทำให้หัวใจของถังหยินสงบลง หากแต่เขาก็รู้สึกโล่งใจได้เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น ด้วยแม้ว่าคำพูดของเซ่าฮุยจะฟังดูดี แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะทำตามที่พูดจริงหรือไม่ !

ถังหยินหัวเราะและกล่าวว่า “ความภักดีของท่านเซ่านั้นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และเพื่อความปลอดภัยของท่านเซ่าเอง ข้าก็จะให้ทหารม้าจำนวนหมื่นคนอยู่ในเมืองแห่งนี้ชั่วคราว เพื่อปกป้องท่านเซ่าและครอบครัว

แม้จะเรียกว่าการป้องกัน หากแต่ก็เป็นการทิ้งทหารม้านับหมื่นคนไว้ มันจึงถือได้ว่าเป็นการข่มขู่โดยใช้เขาและครอบครัวเป็นตัวประกันเช่นกัน

มีหรือที่เซ่าฮุยจะมองความตั้งใจของถังหยินไม่ออก ? และถึงแม้ว่าความไม่ไว้วางใจของถังหยินจะทำให้เขาอึดอัด หากแต่เขาก็เข้าใจสถานการณ์ของชายหนุ่ม ด้วยว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังต่อสู้กับ 2 แคว้นด้วยอำนาจและกำลังทหารจากเพียงมณฑลเดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว เขาก็จะไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกเลย !

เซ่าฮุยพยักหน้าและหัวเราะ “ท่านถังช่างรอบคอบเสียจริง เนื่องจากเป็นเช่นนั้น งั้นแล้วข้าก็เห็นด้วย เอาเป็นว่าตกลงตามที่ท่านถังกล่าวมาเลย !”

อืม อย่างน้อยเซ่าฮุยก็เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ ! ถังหยินหัวเราะเสียงดังลั่นฟ้าก่อนที่จะตัดสินใจพูด “ถ้าอย่างนั้น ทหาร 1 หมื่นนายของข้าคงต้องขอรบกวนท่านด้วยแล้ว”

“ฮ่ะฮ่ะ ท่านถังก็กล่าวเกินไปแล้ว”

ถังหยินได้นำทหารม้าหมื่นคนเข้าไปในเมือง แต่เมื่อเขากลับมาก็มีเพียงหยวนยู่เท่านั้นที่ตามมา

หลังจากกลับมา ถังหยินก็ไม่รอช้าอีกต่อไป สิ่งแรกที่เขาทำคือนำคนของเหลียง อู่และจี้หยางไปยังชุนโจว

เขาต้องการต่อสู้กับซ่งเทียนและกองทัพพันธมิตรจากแคว้นหนิงอย่างเต็มที่ หากแต่นั่นก็อาจทำให้เกิดช่องว่างขึ้นได้ ดังนั้นชายหนุ่มที่ไม่ไว้ใจคนของตระกูลเหลียง อู่และจี้หยางจึงได้ตัดปัญหาด้วยการทำเช่นนี้ และแม้แต่อู่เหมยเอง นางก็ถูกส่งกลับไปที่ชุนโจวเช่นกัน

หลังจากกลับมาถึงชุนโจวและจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ได้เรียกหาเหลียงฉีและอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้เขาฟัง ซึ่งเหลียงฉีก็ฉลาดมากพอที่เขาจะเข้าใจการกระทำของถังหยินได้อย่างง่ายดาย

ถังหยินคงไม่สามารถที่จะเชื่อได้สนิทใจเท่าไหร่ หากแต่จริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าเหลียงซิงอยู่ที่นี่ เขาก็อาจใช้ประโยชน์จากถังหยินเพื่อต่อสู้ในแนวหน้าหรืออะไรทำนองนั้น หากแต่ถ้าเป็นเหลียงฉี เรื่องที่ว่าก็คงไม่มีวันเกิดขึ้น

เมื่อตัดสินใจได้ ถังหยินก็บอกว่าพวกเขาจะแบ่งกัน ส่วนหนึ่งตั้งอยู่กับตน และส่วนที่เหลือของกองทัพก็ให้ไปที่อีกจุดหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะไม่มีทหารกวนหนานบนท้องถนนอีกต่อไป หากแต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่กองทัพ 4 แสนนายจะไม่ดึงดูดความสนใจบนท้องถนน

หลังจากพิจารณาดังนั้นแล้ว ถังหยินก็ตัดสินใจที่จะไม่ใช้ถนนเส้นหลักและใช้ถนนที่ไม่ค่อยมีใครเห็นเพื่อเดินอ้อมเมืองไปแทน ถึงแม้ว่าจะทำให้ช้าลงบ้าง หากแต่มันก็ปลอดภัยกว่ามาก

นอกจากนี้ เขาก็ยังสั่งให้ทั้งกองทัพพักผ่อนในตอนกลางวันและเดินทางในช่วงกลางคืนแทน เพื่อหลบเลี่ยงจากสายตาผู้อื่นและลดโอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลออกไป

เมืองชางซุยไม่ใหญ่มากนัก มีพื้นที่เพียงน้อยนิด อีกทั้งยังไม่มีคูน้ำล้อมรอบนอกเมืองด้วย จึงทำให้มีผู้อยู่อาศัยในเมืองไม่มากนัก หากแต่ก็มีผู้คนเดินเข้าออกในเมืองอย่างคึกคัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพ่อค้าหรือนักเดินทางที่ผ่านไปมา

ป่าใหญ่ทั้งสองนี้ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่มากครอบคลุมตลอดทางจนถึงที่สูงและหุบเขาเรียงราย ไม้ของต้นไม้นั้นหนาและแข็ง ซึ่งไม้ที่ใช้กันในมณฑลกวนหนานส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่เช่นกัน

และหลังจากกองทัพเทียนหยวนเข้าสู่ดินแดนเมืองชางซุย พวกเขาก็ได้แบ่งออกเป็น 2 กอง แอบตั้งทัพอยู่ในป่าทั้ง 2 ด้านของเมือง

กองทัพเทียนหยวนที่ประจำการอยู่ในป่าทางตะวันออกของเมืองชางซุย นำโดยเหลียงฉีและไป๋หยง ซึ่งปัจจุบันกองทัพชานชุยก็ได้เพิ่มจากเดิม 5 กองพลเป็น 9 กองพลแล้ว จึงมีจำนวนเกือบ ๆ แสนนายได้

อีกด้านนึง ทางฝั่งตะวันตกเองก็ประจำไปไว้ด้วยกองทัพจำนวน 3 แสนนายจากเทียนหยวนที่โดยถังหยิน ซึ่งมันก็ประกอบไปด้วยกองทัพปิงหยวน 1 แสนนาย กองทัพเฟิง 1 แสน และกองทัพของผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงอีก 1 แสน

หลังจากตั้งค่ายในส่วนลึกของป่า ถังหยินก็สั่งประชุมในทันที

ตอนนี้มีกองทหารเทียนหยวนมากกว่า 40 กองพัน ดังนั้นจึงมีแม่ทัพและรองแม่ทัพเกือบร้อยคนเข้าไปแล้ว

ทว่าโชคยังดี ที่เต็นท์ของกองทัพใหญ่พอที่จะรองรับผู้คนจำนวนมากได้ ดังนั้นในตอนนี้ ภายในเต็นท์จึงกำลังอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย

ขณะนั้น ถังหยินกำลังยืนอยู่ตรงกลางเต็นท์ และทางด้านซ้ายของเขาก็ประกอบไปด้วยแม่ทัพผู้บัญชาการกองทัพปิงหยวน มูฉิง ผู้บัญชาการกองทัพชานชุย เหลียงฉี ผู้บัญชาการกองทัพแคว้นเฟิง กู่เยว่ และเปิงเฮาฉู หลีเทียน และอัยเจียที่ทำหน้าที่สอดแนมและรวบรวมข้อมูล ส่วนที่ด้านขวามือของถังหยินคือชิวเจิ้น จางจี้ และเจ้าหน้าที่และผู้ช่วยคนอื่น ๆ

เมื่อพูดคุยเรื่องการทหาร ถังหยินไม่ชอบนั่งคุย ดังนั้นเขาจึงเดินไปมาเดินมา พร้อมทั้งมองแผนที่เมืองชานชุยที่แขวนไว้ ก่อนจะหันกลับไปมองผู้คนและถามหลีเทียนกับอัยเจีย “กองกำลังข้าศึกอยู่ที่ไหน ?”

“ตอนนี้กองทหารศัตรูมาถึงหยูหยางแล้วขอรับ” หลีเทียนกล่าวอย่างจริงจัง หยูหยางเป็นเมืองทางตอนเหนือที่สำคัญของมณฑลจินกวง และหลังจากเลยหยูหยางมาทางเหนือ ก็จะใช้เวลาไม่ถึง 2 วันก่อนที่พวกเขาจะสามารถเข้าสู่เขตแดนของกวนหนานได้

อัยเจียเสริมว่า “ครั้งนี้แม้ว่าซ่งเทียนและพวกหนิงจะร่วมมือกัน หากแต่กองทัพหนิงดูเหมือนจะจงใจทิ้งกองทัพของซ่งเทียนไว้ข้างหลังเพื่อสอดแนมพวกเราก่อน ซึ่งผู้รับผิดชอบฝ่ายซ่งเทียนในศึกนี้ก็คือซ่งเวินที่เป็นบุตรชายคนรองของซ่งเทียน ทว่าเขานั้นได้ทำการแยกกองทหารจำนวน 3 แสน 5 หมื่นนายภายใต้การบังคับบัญชาออกเป็น 2 ส่วน โดยมีกำลัง 1 แสน 7 หมื่น 5 พันนายเป็นกองหน้าที่มีเขาเป็นผู้นำ ส่วนที่เหลือก็ตามมาไม่ห่างกันนัก !”

ถังหยินพยักหน้าและกล่าวชมอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ด้วยคราวนี้ข้อมูลของอัยเจียมีรายละเอียดมากกว่าก่อนหน้านี้มาก

เขามองไปที่ผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาและพูดว่า “การต่อสู้กับซ่งเทียนและพวกหนิงครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นถ้าใครมีแผนก็รีบบอกมาเสีย !”

“สำหรับซ่งเวินที่ทำการแบ่งคน 3 แสน 5 หมื่นคนออกเป็น 2 ส่วนนั้น ย่อมทำให้พวกมันอ่อนแอลงมาก !” ผู้ช่วยคนหนึ่งนามว่าหานหยิงเย้ยหยันและยื่นมือของเขาไปทางถังหยิน “ท่านแม่ทัพ จากมณฑลจิงกวงมายังกวนหนานนั้นต้องผ่านสระทั้ง 3 แห่ง และจากสระทั้ง 3 นั้นพวกเขาก็จะต้องเดินผ่านป่าทึบที่มีกองทัพของเราซุ่มอยู่ ! ด้วยหากเราตั้งอยู่ในนั้น เราก็จะสามารถเข้าล้อมและทำลายล้างพวกเขาได้อย่าง่ายดาย !”

“และแม้ว่าจะมีกองกำลังท้องถิ่นจำนวนมาก หากแต่พวกเขาก็รวมตัวกันในช่วงนาทีสุดท้าย ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนต่างก็มีผู้บังคับบัญชาของตัวเอง มันก็ย่อมจะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน ! ซึ่งเมื่อเราเข้าโจมตีจากทุกด้าน งั้นแล้วการกวาดล้างทหารเกือบ 2 แสนนายพวกนั้นก็จะเป็นเรื่องง่าย ”

ถังหยินพยักหน้าขณะที่เขาฟัง เขารู้สึกว่าสิ่งที่หานหยิงพูดนั้นสมเหตุสมผลและเป็นแผนการที่เป็นไปได้

เปิงเฮาฉูก้าวไปข้างหน้าจากฝูงชนและผายมือของเขาไปยังถังหยิน “นายท่าน ข้าว่าแผนนี้ไม่เหมาะสมยิ่ง !”

โดยไม่รอให้ถังหยินตอบเลย หานหยิงก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะยิงคำถามใส่เปิงเฮาฉูอย่างเย็นชา “แม่ทัพเปิง ท่านคิดว่าแผนของข้าผิดพลาดตรงไหน ?”

เปิงเฮาฉูล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คนที่โค้นล้มท่านอ๋องคือซ่งเทียนและลูกสมุนของเขา ไม่ใช่กองทัพเกือบ 2 แสนนายพวกนี้ พวกเขาล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ และการที่พวกเขาเดินทางมาก็เป็นเพราะถูกซ่งเทียนบังคับให้ทำ ดังนั้นแล้วไม่ว่าใครจะตายใครชนะหรือใครแพ้ มันก็จะกลายเป็นการสูญเปล่าของแคว้นเฟิงทั้งสิ้น !”

ทุกคนก็ต่างหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกว่าเปิง เฮาฉูพูดถูก

หากพวกเขาล้อมและสังหารกองทัพกว่าสองแสนนี้อย่างสมบูรณ์มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต่อแคว้นเฟิง

“ฮึ !” หานหยิงรู้สึกละอายและตะคอก “แม่ทัพเปิง ความคิดเช่นนี้นั้น นับเป็นการกระทำที่โง่ยิ่งนัก ! เฉกเช่นเดียวกับการแสดงความเมตตาต่อผู้หญิงและการหลงระเริงกับการล่วงประเวณีนั่นแหละ !”