ตอนที่ 295 พี่คือเสาค้ำมหาสมุทร!
“โชคยังดีที่พี่เยียนคืนดีกับพี่ชายผมแล้ว! อาการพี่ชายผมก็ดีขึ้นเยอะเลย!”
เผยอวี่ถังพูดจบก็มองหลินเยียนด้วยความประหม่า เอ่ยปากพูดด้วยความระมัดระวัง “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่คืนดีกับพี่ใหญ่ผมจริงแล้วใช่ไหม? ไม่โวยวายว่าจะเลิกกันอีกแล้วใช่ไหมครับ?”
หลินเยียน “เอ่อ…”
อันที่จริงเดิมทีเธออยากคุยกับเผยอวี้เฉิงให้มันชัดเจน ว่าจะให้เขาเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลิกกันเมื่อไหร่เสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้พอได้ฟังคำพูดของเผยอวี่ถัง…
ร่างกายเผยอวี้เฉิงอ่อนแอมากเสียขนาดนั้น แล้วเธอจะไปเอาความกล้าไปกระตุ้นอารมณ์เขาจากที่ไหนกันอีกเล่า!
ตอนนี้ดูท่าคงทำได้แค่โกหกกันให้มันถึงที่สุดเสียแล้ว…
“พี่สะใภ้ใหญ่?”
สุดท้ายหลินเยียนก็ยังตอบกลับไปอยู่ดี “ใช่ๆๆ คืนดีกันแล้ว วันนั้นเธอก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือไง!”
พอได้ยินหลินเยียนพูดแบบนี้ เผยอวี่ถังถึงปล่อยวางก้อนหินใหญ่ที่กดทับอยู่ ณ ก้นบึ้งของจิตใจได้เสียที “งั้นก็ดี งั้นก็ดีครับ…”
“ใช่แล้วล่ะ พี่ใหญ่ผมให้ผมมาบอกพี่ว่าอีกไม่กี่วันหลังจากนี้เขามีธุระจำเป็นต้องไปประเทศ M สักหน่อย” เผยอวี่ถังเอ่ย
หลินเยียนเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เดินทางรอนแรมในเวลานี้ ร่างกายของพี่ชายเธอจะไม่มีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?”
เผยอวี่ถังตอบว่า “วางใจได้เลยครับ ความดีงามอ่อนโยนและความเอาใจใส่ของพี่สะใภ้ปลอบประโลมพี่ใหญ่ของผม ตอนนี้สภาวะทางร่างกายของพี่ใหญ่เลยยังคงที่อยู่ครับ!”
หลินเยียนมองเขาแวบหนึ่ง “เมื่อกี้นายเพิ่งจะบอกว่าสภาพร่างกายของพี่เธอตอนนี้เหมือนหินก้อนใหญ่ที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นผมเส้นหนึ่งไม่ใช่หรือไง?”
เผยอวี่ถัง “ขอเพียงพี่ไม่ทะเลาะกับพี่ชายผม บอกว่าจะเลิกกันอีก นั่นก็จะไม่ใช่เส้นผมแล้ว แต่จะเป็นเสาค้ำมหาสมุทรครับ!”
หลินเยียน “…”
เสาค้ำมหาสมุทรบ้าอะไรกันล่ะ…
เพียงแต่ทำไมเผยอวี้เฉิงไม่โทรคุยกับเธอไปเลยล่ะ ต้องฝากเผยอวี่ถังมาบอกเธอทำไมกัน?
เธอนึกว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของเผยอวี้เฉิงจะเป็นอย่างที่เผยอวี่ถังพูด เป็นคนที่สะกดกลั้นและควบคุมความต้องการได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากแตกหักกันคราวนี้ เขาคงไม่เสแสร้งอีกแล้วแน่
เพียงแต่ตอนนี้เผยอวี้เฉิงกลับไปมีท่าทีเหมือนที่เธอเคยเจอเขาครั้งแรก รักษาระยะห่างที่เหมาะสมจนทำให้เธอรู้สึกสบายใจอยู่เสมอ…
เธอเริ่มแยกแยะไม่ค่อยออกแล้วว่าเขาคนไหนถึงจะเป็นตัวจริงกันแน่
แม้จะคาดเดาท่าทีของเผยอวี้เฉิงไม่ออก เพียงแต่หลินเยียนก็ยังโล่งใจอยู่บ้างเช่นกัน เพิ่งก่อเรื่องราวใหญ่โตไปเมื่อครู่ เธอไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้าเขาอย่างไรจริงๆ
…
ณ ห้องโถงใหญ่ของสนามแข่ง
เผยอวี่ถังกับบรรดาสมาชิกทีม ซีเอ็ชวัน ต่างจากไปแล้ว
ไม่นานนักเหล่าสมาชิกทีมตระกูลเฮ่อก็เดินเข้ามาข้างใน
เวลานี้สมาชิกทีมตระกูลเฮ่อต่างมีสีหน้าไม่พอใจ แทบอยากจะหลบหลีกหลินเยียน คล้ายว่าการเดินร่วมทางกับหลินเยียนจะเป็นการหมิ่นเกียรติพวกเขา
“เดิมทีหมิงไข่นำพวกเราเอาชนะการแข่งครั้งนี้ได้แล้วแท้ๆ นี่ถือเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่สำหรับทีมเรามากเลยจริงๆ แต่ผลกลายเป็นว่าเพราะผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างคนหนึ่ง ทำให้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของเราอับอายขายหน้าย่อยยับ!”
เมื่อเข้ามาในห้องโถงแล้ว สมาชิกทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อคนหนึ่งก็เหลือบมองด้วยสายตาอันดุร้ายใส่หลินเยียนซึ่งเพิ่งจะย่างเท้าเข้ามาภายในห้องโถง พร้อมเอ่ยปากพูดโดยไม่ยั้ง
“นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน ผมอยู่ทีมนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ ผมจะลาออก!”
ชายหนุ่มไว้ผมแสกกลางคนหนึ่งเดินมาด้านข้างผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนพร้อมเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
พอได้ยินคำพูดนี้ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนก็อึ้งเล็กน้อย สายตาไปอยู่บนร่างชายของหนุ่มทันที ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถามว่า “หวังเลี่ยว เป็นอะไร?”
“นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน ผมรู้ว่าหลินเยียนเป็นหลานสาวของคุณ แต่ว่า…คุณให้คนแบบนี้มาก่อเรื่องเหลวไหลในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของพวกเราได้ยังไงครับ?” หวังเลี่ยวมองหลินเยียนด้วยท่าทางคล้ายไม่เจตนา พูดเย้ยหยันออกมาว่า “วันนี้หมิงไข่พาพวกเราเอาชนะทีมเหล่าทัง พูดได้ว่าเป็นการล้างอายที่เคยมี เดิมทีทุกคนมีความสุขกันพอสมควร แต่…หลานสาวของคุณคนนี้…”
ตอนที่ 296 ทุกคนถูกตบหน้า!
ไม่รอให้หวังเลี่ยวพูดจบ ชายหนุ่มอีกคนกลับพูดขัดขึ้นมาว่า “นายผู้เฒ่า หวังเลี่ยวพูดถูก หลานสาวของคุณคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เธออาจทนรับความเร็วของรถแข่งได้ แต่เธอจะให้เฮ่อเล่อเฟิงจอดรถบนทางแข่งไม่ได้นะครับ! ถ้าไม่ใช่หมิงไข่ วันนี้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของเราคงถูกคนหัวเราะเยาะโดยสิ้นเชิงแล้ว!”
“ทั้งสองคน พวกเราถูกหัวเราะเยาะแล้ว โอเคไหม ต่อให้เอาชนะได้แล้วจะทำไม คนเขากล้าท้าทายทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูต่อหน้านักข่าวสายรถแข่งตั้งมากมายขนาดนั้น พระเจ้า เธอคิดว่าเธอเป็นใคร คิดว่าตัวเองเป็นเนวิเกเตอร์มืออาชีพ? หรือว่าเป็นนักแข่งรถมืออาชีพจริงๆ อย่างงั้นเหรอ เดิมทีการแข่งครั้งนี้เธอก็สร้างความยุ่งยากให้พวกเราเยอะอยู่แล้ว แทบจะทำให้พวกเราอับอายขายหน้า กลับยังไม่รู้ตัวอีก!”
เมื่อเผชิญกับคำก่นด่าของสมาชิกทีมตระกูลเฮ่อมากขนาดนี้ เฮ่อเล่อเฟิงเดิมคิดจะพูดอะไรออกมาบ้าง สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ ที่นี่เหมือนเขาจะไม่มีสิทธิ์พูดเลย
“คุณพ่อครับ ถ้าวันนี้ไม่ได้หมิงไข่ แล้วพวกเราจะกู้สถานการณ์ได้ยังไง ผมมองออก มันยังชั่วช้ายิ่งกว่าแม่ของมันอีก!” เฮ่อสยงพูดเย้ยหยัน
“พอได้แล้ว!” นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนขมวดคิ้วมุ่น มองเฮ่อสยงแล้วพูดว่า “แม่เธอเป็นน้องสาวแก เธอเป็น หลานสาวแก!”
“หลานสาว?” เฮ่อสยงเย้ยหยัน “พ่อ ผมไม่มีบุญที่จะมีหลานสาวที่ชอบทำร้ายคนกันเองแบบนี้หรอกครับ”
เฮ่อติ้งคุนถอนใจ สายตาไปอยู่บนร่างหลินเยียนที่อยู่ตรงประตู “เสี่ยวเยียน เธอหลับไปก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินหลินเยียนก็ผงกศีรษะด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ หมุนตัวแล้วจากไปโดยไม่พูดจาให้มากความอีก
……
“หมิงไข่ วันนี้โชคดีที่มีแก ไม่อย่างงั้นทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อคงถูกนังตัวซวยนั่นทำพวกเราย่อยยับไป จริงๆ แน่!” เฮ่อสยงพูดพร้อมมองเฮ่อหมิงไข่ที่อยู่ด้านข้าง
“คุณพ่อ คนพรรค์นั้น ตัดขาดความสัมพันธ์กันมันไปเลยเถอะครับ ไม่มีความสามารถอะไรสักอย่าง แต่ฝีมือในการทำร้ายคนในครอบครัวกลับล้ำเลิศ” เฮ่อหมิงไข่พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
อย่างไรก็ตามยังไม่ทันให้เฮ่อหมิงไข่พูดอะไรต่อไป จอโทรทัศน์ที่อยู่ภายในห้องโถงกลับมีเสียงผู้บรรยายที่พูดอะไรแปลกประหลาดลอยออกมา
เสียงบรรยาย “ครับ การแข่งขันครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว เพียงแต่พวกเรากลับพบภาพและเสียงที่อยู่ในเหตุการณ์จริงซึ่งเกี่ยวกับทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อที่ค่อนข้างประหลาดบางอย่าง ไม่สิครับ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเนวิเกเตอร์ของเฮ่อเล่อเฟิงคนนั้นต่างหาก…”
ทันทีที่ผู้บรรยายกล่าวจบ สายตาของสมาชิกทีมตระกูลเฮ่อทุกคนก็แทบจะมองหน้าจอพร้อมกัน
ตอนนี้เองก็มีเสียงของหลินเยียนแว่วออกมาจากโทรทัศน์
หลินเยียน “แซงเขา”
เฮ่อเล่อเฟิง “แซงยังไงล่ะครับ!”
หลินเยียน “รถชิดภูเขา หักขวาเก้าสิบองศา”
วินาทีต่อมาภาพซูมก็ปรากฏบนหน้าจอ ซ้ำยังฉายแบบสโลโมชันอีกด้วย
สมาชิกทีมตระกูลเฮ่อทุกคนเห็นเพียงว่ารถแข่งสีเงินที่เฮ่อเล่อเฟิงขับอยู่ในจอเร่งความเร็วขึ้นมาทันที จากนั้นก็แซงรถแข่งจากทีมเหล่าทังที่อยู่ข้างหน้าด้วยองศาที่ยากจะทำได้ภายในชั่วพริบตา
ชั่วพริบตาที่รถแข่งสีเงินขึ้นแซง หัวรถก็เบี่ยงเล็กน้อย ตำแหน่งตัวรถสะบัดอย่างรุนแรง ห่างจากเชิงเขาราวสี่สิบเมตร ชั่วพริบตาที่ทางโค้งสิ้นสุด รถแข่งสีเงินก็ตั้งลำตรงอีกครั้งพร้อมเคลื่อนที่จากไป เพียงพริบตาเดียวก็ทิ้งรถแข่งทางด้านหลังจนไม่เห็นฝุ่น
“นี่มัน…?!”
“ดริฟต์ขวางแฉลบข้าง!”
“นี่มันดริฟต์ขวางแฉลบข้าง?!”
ทันใดนั้นสายตาของทีมตระกูลเฮ่อทุกคนก็ไปอยู่ที่เฮ่อเล่อเฟิงผู้ซึ่งไม่เคยเอ่ยปากที่อยู่ด้านข้างทันที
แม้แต่ดวงตาของนายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนก็ยังฉายแววประหลาดใจและเหลือเชื่อออกมาเช่นกัน
“นี่คงบังเอิญแหละน่า” หวังเลี่ยวมองเฮ่อเล่อเฟิงแวบหนึ่ง พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
เฮ่อเล่อเฟิงยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด เสียงของหลินเยียนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ทางกว้างเพิ่มความเร็ว อีก ร้อยยี่สิบเมตร เนินกระโดด สี่โค้งซ้าย เติมครึ่งคันเร่งผ่านเกท”