เล่อเหยาเหยาได้ยิน ใจสั่นระริก อดเงยหน้าจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้
ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน
ทันใดนั้น ดวงตาสองคู่สบตากัน
เล่อเหยาเหยาเห็นชายหนุ่มมองตนด้วยแววตาลึกซึ้งและจริงใจ
ในใจอดหวั่นไหวไม่ได้ เผยอริมฝีปากแดง ในใจรู้สึกวู่วาม อยากบอกเรื่องทั้งหมดของตนแก่เขา
แต่ความวู่วามในใจ เมื่อมาถึงริมฝีปาก กลับกลายเป็นเพียงคำพูดตะกุกตะกัก
“ขะ…ข้า ข้า”
“เฮ้อ ไม่ต้องพูดแล้ว เปิ่นหวางยินยอมรอ ตอนนี้หลับเถิด”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยจบ แขนยาวรัดแน่นโอบกอดเล่อเหยาเหยาไว้ในอ้อมอกตน
เมื่อถูกชายหนุ่มกอดอย่างแน่นหนา ทำให้ใจเล่อเหยาเหยาพลันตึงเครียดขึ้นมา และยังกังวลอย่างหนักจนเต้นผิดจังหวะ
ชายหนุ่มอาจเพราะรับรู้ถึงความกังวลของเธอ จึงเพียงเอ่ยกระซิบข้างหูเธอว่า
“ไม่ต้องกังวล เปิ่นหวางไม่บังคับในเรื่องที่เจ้าไม่ยินยอม เปิ่นหวางเพียงอยากเป็นเช่นในตอนนี้ ได้โอบกอดเจ้า”
คำพูดของชายหนุ่ม แหบพร่าน่าสัมผัส ทว่ากลับแฝงด้วยความออดอ้อน ทำให้ใจเล่อเหยาเหยาพลันอ่อนลง
สุดท้าย เล่อเหยาเหยาจึงไม่ดิ้นรนอีก เพียงทำให้ตนผ่อนคลายลงอย่างสุดกำลัง
เดิมทีคิดว่าการถูกชายหนุ่มโอบกอดเช่นนี้ เธออาจนอนไม่หลับ คิดไม่ถึงผ่านไปไม่นาน ความง่วงงุนเข้าโจมตีศีรษะของเธอ
หลังเล่อเหยาเหยาหาวหลายครั้ง จึงค่อยๆ เข้าสู่ห้วงความฝันไป
เมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดหลับไปแล้ว เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยกตัวขึ้นไม่ได้ ดวงตาเย็นชาเรียวยาวคู่นั้น จ้องเขม็งที่ใบหน้าของคนในอ้อมกอด
เมื่อเห็นสีหน้าคนในอ้อมกอดกำลังหลับอย่างมีความสุข อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าประณีตงดงาม ผิวใสขาวผ่อง
เธอขณะที่ตื่น ดูฉลาดมีไหวพริบ คารมคมคาย เมื่อเห็นเขา คล้ายกับกระต่ายตัวน้อยที่พบกับหมาป่าตัวใหญ่
เธอขณะที่หลับในตอนนี้ ดูไร้เดียงสา งดงาม ราวกับตุ๊กตาคริสตัล งดงามจนทำให้คนเห็นจากก้นบึ้งหัวใจ
หวงแหนจนอยากประคองไว้ในฝ่ามือ ด้วยกลัวมันแตกสลาย
ก่อนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ค่อยๆ มองจนเหม่อลอย จากนั้นจึงอดยกนิ้วขึ้นไม่ได้ ก่อนจะวาดลงไปบนใบหน้าเล็กโดดเด่นนั้นในอ้อมกอด
เมื่อรับรู้ถึงความจริงในอ้อมกอด ความอ่อนนุ่มใต้ปลายนิ้ว ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใจเต้นแรง
ริมฝีปากแดงเผยอขึ้น ก่อนพึมพำกับเล่อเหยาเหยาที่อยู่ในห้วงความฝันว่า
“เด็กน้อย เจ้าเป็นของข้า”
…
วันรุ่งขึ้น เล่อเหยาเหยาตื่นขึ้นมา
รู้สึกเพียงหลับสนิทตลอดคืน ขณะที่ตื่นขึ้นมา รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก คล้ายแบตเตอรี่ที่ได้ชาร์จพลังจนเต็ม
หลังบิดขี้เกียจตามนิสัย คิดไม่ถึง มือและเท้าของเล่อเหยาเหยา กลับยื่นไปโดนบางสิ่งที่แข็งและร้อนเข้า
หลังตะลึงงันไม่นาน เล่อเหยาเหยาตกใจในใจ คล้ายนึกถึงบางอย่างได้ ดวงตาคู่งามจึงเบิกกว้าง คิดไม่ถึงกลับสบเข้ากับดวงตาเย็นชาแคบยาวลึกล้ำคู่หนึ่งเข้า
นี่เป็นดวงตาที่งดงามอย่างยิ่งคู่หนึ่ง
แฝงด้วยความลึกล้ำ ลายเส้นสมบูรณ์แบบ ดวงตาดำขลับดุจยามราตรี สดใสและหลักแหลม
จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นดวงตาคู่นี้ ภายในแววตากระจายจายกลิ่นอายเย็นชาออกมา กวาดสายตามองไปที่ใด น้ำแข็งก่อตัวขึ้นหนาสามนิ้ว
เวลานี้ เมื่อมองดวงตาคู่นี้อีกครั้ง ความลึกซึงในแววตา อ่อนโยนดุจสายน้ำ แทบทำให้เธออ่อนระทวยอยู่ภายใน จนมิอาจถอนตัว!
“อรุณสวัสดิ์”
เมื่อเห็นเธอตื่น ชายหนุ่มพลันเอ่ยปากขึ้นทันที
น้ำเสียงนั้น ดูแหบพร่า ทุ้มต่ำราวเพิ่งตื่นนอน แฝงด้วยเสน่ห์ ชวนหลงใหลยิ่งนักหลายส่วน
เห็นเพียงเวลานี้เป็นช่วงเช้าตรู่ พระอาทิตย์ด้านนอกเคลื่อนขึ้นมาอย่างช้าๆ
ฤดูร้อนกลางวันยาวนาน กลางคืนสั้น พระอาทิตย์ตอนเช้าจึงเคลื่อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงแสงอาทิตย์สีทองแวววาวนั้น ทะลุผ่านลายฉลุบนหน้าต่าง สาดส่องเข้ามา
จนทั่วห้องสว่างไสว
เครื่องใช้ภายในห้องที่ประณีตกะทัดรัด ภายใต้แสงอาทิตย์สว่างไสวนั้น กระจายแสงอันละมุนละไมออกมา
เมื่อมองชายหนุ่มตรงหน้า เขากำลังนอนอยู่ข้างเธอ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบนตัวเขาอย่างอ่อนโยน ทำให้เขาราวกับอาบน้ำท่ามกลางแสงสีทองที่แวววาวเป็นพิเศษ!
ใบหน้าดุจกวนหยก คิ้วทรงกระบี่ดำหนาดุจหมึก จมูกโด่งคมราวใบมีด ริมฝีปากรูปกระจับ
สิ่งที่ดึงดูดสายตาคนทั่วหล้าคือ ดวงตาแคบยาวดำขลับดุจยามราตรีคู่นั้น!
เพียงลืมตา มองใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพเซียน ต่างคือความสุขอย่างหนึ่ง!
เล่อเหยาเหยาถูกดวงตาคู่งามตรงหน้า ทำให้ตกตะลึงอีกรอบ เวลาผ่านไปนานกว่าจะได้สติ ในใจรู้สึกแปลกใหม่ประหลาดใจ
เพราะเธอคุ้นชินกับการนอนเพียงคนเดียว ตอนนี้ลืมตาขึ้น พบข้างกายมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน จึงรู้สึกไม่คุ้นชิน
แต่เธอเพียงตกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าในใจกลับไม่รู้สึกต่อต้าน กลับกันเกิดความรู้สึกหวานชื่น
หากไม่ได้รู้สึกว่ามีของแข็งกำลังดันบริเวณหน้าท้องของตนอยู่ เล่อเหยาเหยาพบว่าเช้าตรู่เช่นนี้ คงงดงามยิ่งนัก!
ชายหนุ่มเป็นสัตว์มีชีวิตที่แปลกประหลาดที่สุด!
ตอนเช้าที่พวกเขาตื่นนอน ต้องยกธงชาติขึ้นสูง!
แน่นอนว่า ประโยคนี้คือสิ่งที่เหล่าเด็กในหอพักก่อนหน้านี้เอ่ยพูดกัน
เพราะพวกเธอต่างอายุสิบแปดปีแล้ว จึงย่อมแปลกใจกับโครงสร้างทางสรีระร่างกายของเพศชาย รวมทั้งทุกคนต่างอยู่หอพักเดียวกัน สมัครรักใคร่กัน และทุกคนต่างเป็นสาวบริสุทธิ์ ดังนั้นสำหรับเวลาในการวิจารณ์เพศชายจึงมีไม่น้อย
ดังนั้น แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่เคยมีความรักมาก่อน เวลานี้ตื่นนอนขึ้นมาในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง สำหรับของแข็งตรงหน้าท้อง เล่อเหยาเหยาย่อมไม่ใช่คนโง่
รวมทั้งเธอไม่รู้สึกแปลกกับของแข็งนั้น เพราะผ่านประสบการณ์การสัมผัสมาหลายครั้ง จึงยากที่จะรู้สึกแปลกใหม่
ดังนั้น หลังรับรู้ว่าสิ่งของตรงหน้าท้องคือสิ่งใด คำพูดที่เล่อเหยาเหยาคิดเอ่ยทักทายชายหนุ่ม ถูกกลืนเข้าไปในลำคอ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้น
เห็นความแข็งทื่ออึดอัดบนใบหน้าเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ย่อมรับรู้ถึงเหตุผล
จึงก้มมองผ้าบนท่อนล่างของตนที่ขยายใหญ่ขึ้น เวลานี้กำลังแนบชิดอยู่บนหน้าท้องเล่อเหยาเหยา
เห็นเช่นนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็เก้อเขินชั่วขณะ
ไร้หนทาง นี่คือเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นกับชายหนุ่มทุกคน เขาก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน
แต่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในเวลานี้ ช่างทำให้คนอึดอัดเสียจริง
บนใบหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋เขินอายอยู่เพียงไม่นาน ก็กลับมาเป็นปกติ
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาขวยเขินจนหน้าแดงใจเต้นระรัว พลันจิตใจเตลิดเปิดเปิง ตอนนี้ปรารถนาที่จะสอดใส่เข้าไปในตัวเธออย่างรุนแรง
และเรื่องนี้ ความจริงเขาคิดมานานแล้ว
เพราะเขาเป็นบุรุษปกติคนหนึ่ง มีความต้องการทางเพศเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง รวมทั้งที่นอนอยู่ข้างกายตน ยังเป็นคนที่ตนชื่นชอบที่สุด!
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจ เล่อเหยาเหยาที่อยู่ตรงข้าม พบว่าหากนอนต่อไป ตนต้องถูกกลืนกินจนไม่เหลือแน่ จึงคิดรีบลุกขึ้นไปจากชายหนุ่มอันตรายผู้นี้!
คิดไม่ถึง การเคลื่อนไหวของเธอมักช้ากว่าคนบางคน หรือบางคนนั้นคือพยาธิในท้องเธอ ทุกครั้งที่เธอคิดทำสิ่งใด มักเร็วกว่าเธอหนึ่งจังหวะ
เล่อเหยาเหยารู้สึกมีชุดดำเคลื่อนเข้ามา ก่อนร่างกายเธอจะถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋คร่อมทับไว้ด้านข้าง
“เอ้อ อวี๋ ทะ…ท่านคิดทำสิ่งใด”
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาตื่นตระหนกในใจ จนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง คำพูดที่เอ่ยออกมาก็ตะกุกตะกัก
สายตาไม่ละไปจากใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัยของชายหนุ่ม
เห็นเพียงชายหนุ่มเวลานี้กำลังใช้มือยันเหนือไหล่เธอทั้งสองข้าง แม้ร่างกายท่อนบนจะไม่ได้กดทับเธอ แต่ร่างกายท่อนล่างของเขากลับแนบชิดกับท่อนล่างของเธอโดยไม่มีช่องว่าง
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียง ของแข็งที่เดิมทีแนบชิดอยู่บนส่วนหน้าท้องของเธอ เวลานี้กลับแนบชิดอยู่ตรงกลางระหว่างต้นขาเธออย่างแม่นยำไร้ข้อเปรียบเทียบ
เสียง ‘ฉับ’ ดังขึ้น ก่อนเล่อเหยาเหยาจะรู้สึกเพียงความร้อนกำลังพุ่งจากหัวใจสู่เหนือศีรษะ
เพราะท่าทางกำกวมเวลานี้ของทั้งสองคน แม้ยังมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่ของแข็งด้านล่างนั้น คือความจริง
เล่อเหยาเหยาคล้ายยังรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวของของแข็งนั้น ขณะขวางกั้นด้วยเสื้อผ้า ยังส่งผ่านถึงร่างกายเธอ!
สวรรค์!
ชายผู้นี้ คงไม่ได้สำแดงสัญชาตญาณดิบออกมาตั้งแต่เช้า แล้วคิดกินเธอเข้าไป!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาตื่นตระหนก
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่วิตกกังวล ชายหนุ่มที่ทับอยู่บนร่างกายเธอ กลับมีท่าทางที่เคร่งขรึม