“เด็กน้อย เวลานี้เปิ่นหวางเป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่า เปิ่นหวางคิดทำสิ่งใดกันแน่”
คล้ายคือความนัยของหมาป่าตัวใหญ่ต้องการกินหนูน้อยหมวกแดง ทำให้เล่อเหยาเหยาฟังแล้ว ใจพลันเต้นระรัว
และหลังชายหนุ่มเอ่ยประโยคนี้จบ ของแข็งที่แนบชิดบนร่างกายท่อนล่างเธอ ตั้งใจกระแทกที่ระหว่างต้นขาเธอ
มันแข็งมากจริงๆ เก็บไว้รอระเบิดออกมาเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตื่นตระหนกไม่หยุด
“ไม่ ไม่อวี๋ ท่านพูดว่าจะไม่ทำเรื่องที่ข้าไม่ชอบมิใช่หรือ”
“เอ่อ”
ได้ยินเล่อเหยาเหยาพูดเช่นนี้ สีหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันไม่พอใจ ทว่ากลับไม่ได้ทำเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงเล่อเหยาเหยา
และหากฟังให้ดี ต่างรู้ว่าความจริงเขาข่มกลั้นอดทนมาโดยตลอด
เพราะบนใบหน้าหล่อเหลานั้น เต็มไปด้วยชั้นเหงื่อบางเบา แค่คิดก็รู้แล้วว่า เหลิ่งจวิ้นอวี๋เวลานี้ทุกข์ทรมานมากเพียงใด
เพราะถึงอย่างไรเมื่อมีคนงามอยู่ในอ้อมกอด จะมีบุรุษผู้ใดไม่วู่วามบ้าง!
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นใบหน้าเล็กที่ตกใจจนซีดขาวและขวยเขินใต้ล่างนั้น สุดท้ายเขายังต้องข่มกลั้นต่อไป
ความจริงเขาตอนนี้ ไม่คิดว่าตนจะสามารถควบคุมตนเองได้ดีขนาดนี้ หากเป็นเช่นนั้น เขาจะไม่ใส่ใจเรื่องอื่น จับคนใต้ล่างกลืนกินเข้าไปจนไม่ให้เหลือซากแน่นอน
โดยเฉพาะเขารู้แล้วว่าเธอคือ…
ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา และเธอยังไม่ยินยอม!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋สูดหายใจลึกๆ เพื่อข่มกลั้นความปรารถนาของร่างกาย
แต่เมื่อคนที่ชอบอยู่ใต้ล่าง เพียงพูดว่าข่มกลั้นเขาจะสามารถข่มกลั้นได้เช่นไร
ดังนั้นสุดท้าย ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
“เด็กน้อย เจ้าน่าหลงใหลยิ่งนัก เปิ่นหวางอยากกินเจ้าเหลือเกิน!”
“เอ้อ อวี๋”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ และเห็นดวงตาเปี่ยมด้วยความปรารถนาของเขา สองมือของเล่อเหยาเหยายันหน้าอกเขาไว้แน่น ด้วยกลัวว่าเขาจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ดวงตากลมโตเปียกชื้นที่มองชายหนุ่ม คล้ายกับกวางน้อยที่ตกใจอย่างหนัก ดูน่าสงสารยิ่งนัก!
เห็นเช่นนั้น ใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อ่อนลง ก่อนถอนหายใจออกมา พลางเอ่ยว่า
“เวลานี้ เปิ่นหวางรับปากว่าจะไม่แตะต้องเจ้า แต่เวลานี้เปิ่นหวางทรมานยิ่ง ดังนั้น เจ้าน่าจะรู้ว่าควรทำเช่นไร ”
ขณะที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋พูดประโยคนี้ สายตามองไปที่มือของเล่อเหยาเหยาอย่างขบคิด
เล่อเหยาเหยาไม่ใช่คนโง่ โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่า ความจริงนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลงมือทำ
แม้ความจริงในใจจะไม่ยินยอม
เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ต้องการให้เธอทำเรื่องพรรค์นั้น สวรรค์ ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
ทว่าหากให้เลือกระหว่างร่างกายและมือตน เธอต้องเลือกอย่างหลังโดยไม่ต้องขบคิดแน่นอน
ทว่าสองครั้งก่อน ต่างเกิดขึ้นในตอนกลางคืน ครั้งแรกพญายมถูกวางยา เธอจึงจำเป็นต้องทำ ครั้งที่สองเธอหลับจนเลอะเลือน จุดไฟขึ้นบนร่างกายของเขา
ครั้งนี้กลับแตกต่างไป เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวันที่มีแสงสว่างเจิดจ้า ให้เธอทำเรื่องพรรค์นั้นในตอนกลางวันเช่นนี้ สวรรค์ ช่างน่าอายจริงๆ!
แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยาลังเลคล้ายตัดสินใจไม่ได้ บางคนเห็นเช่นนั้น ส่งเสียงฮึอย่างไม่พอใจออกมา
เล่อเหยาเหยาตกใจในใจ ก่อนเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงสายตาบางคนกำลังจับจ้องอยู่ที่เธอ และดวงตาคู่นั้นดูร้อนแรงเพราะไฟปรารถนา ทำให้คนที่สบตารู้สึกถึงสัตว์ร้ายที่หิวโซ กำลังจ้องเหยื่อที่อยู่ด้านหน้า คิดกลืนกินจนหมดตัว ไม่ให้เหลือซาก
และแววตาชายหนุ่มส่งสัญญาณตักเตือนออกมา แสดงให้เห็นชัดว่าหากเธอไม่เริ่มลงมือ เช่นนั้นเขาจะเป็นผู้ลงมือ!
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาน้ำตาตกใน อยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา
แต่เธอเวลานี้นั่งอยู่บนหลังเสือ จึงยากที่จะถอนตัวได้ หากไม่ยินยอม เธอต้องถูกคนข่มเหงรังแก
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาก็ยอมรับในชะตากรรม!
“ได้ ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋แสดงความพอใจอย่างมากออกมา
ดังนั้นจึงพลิกตัว กลับไปนอนที่ตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับตัว ทำตัวเป็นชิ้นเนื้อถูกวางบนเขียง รอคนรุกรานกดขี่
แต่ในความคิดของเล่อเหยาเหยา เวลานี้ผู้ใดคือชิ้นเนื้อกันแน่!
ในใจอยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา เล่อเหยาเหยาจึงไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป
เพื่อร่างกายตน เธอจึงต้องเสียสละมือคู่นี้
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกรอบหนึ่ง เตรียมตัวก่อนที่จะลงมือ
หลังเธอเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็ยื่นมือเล็กสั่นเทาออกไปถอดเสื้อผ้าของชายหนุ่ม
ความจริงบนร่างกายชายหนุ่มมีเพียงเสื้อชั้นในตัวบางเท่านั้น เดาว่าเมื่อคืนหลังหลับไป กลับถูกเธอทำให้ตกใจ จึงรีบร้อนเข้ามาโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งอื่น
เมื่อถอดเสื้อชั้นในบางเบาตัวนั้นออก จึงเปิดเผยหน้าอกแข็งแรงกำยำนั้นออกมา
ต้องพูดว่า ไม่ว่าเธอจะมองรูปร่างนี้กี่รอบ ต่างไม่เบื่อหน่าย จนคิดนำคนผู้นี้มาเป็นต้นแบบ ทำให้ตนสามารถมองได้ทุกวันวันละหลายรอบ
ผิวสีน้ำตาลนั้น ดูแวววาวแข็งแรงไปทุกส่วน
ยังมีหน้าอกที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ไหล่กว้างที่หนาแข็งแรง เม็ดจูอวี๋สีชมพูบนหน้าอก และหน้าท้องที่ไร้ไขมันส่วนเกิน
จุ๊ๆ สมกับเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์ รักษารูปร่างได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
น่ามอง สมบูรณ์แบบ ยิ่งกว่านายแบบรูปงามที่เคยเห็นก่อนหน้านี้เสียจริง!
ขณะเล่อเหยาเหยาตกตะลึงในใจ สายตาก็ถูกสิ่งที่อยู่ใต้สะโพกชายหนุ่มดึงดูดไปไม่ได้
เพราะสิ่งนั้น คือภารกิจอันหนักหน่วงถัดไปของเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาขลาดกลัวในใจ ทว่าสุดท้ายยังยื่นมือออกไป ค่อยๆ ดึงลากมัน
สุดท้ายจากการเคลื่อนไหวบนมือของเธอ ของขนาดมหึมาก็ปรากฎออกมาสู่สายตาเธอ
ความจริงสำหรับของสิ่งนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าอัปลักษณ์ยิ่งนัก!
สีชมพู ขนาดใหญ่มหึมา เส้นเลืดปูดโปน ดูแล้วดุร้ายยิ่งนัก ทำให้คนหวาดกลัว
ขณะคิดในใจ คิดไม่ถึงคนที่หล่อเหลาเช่นพญายม จะมีของสิ่งนั้นที่อัปลักษณ์เช่นนี้ ไม่อาจตัดสินจากหน้าตาได้จริงๆ
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้อื่นจะอัปลักษณ์เช่นนี้เหมือนกันหรือไม่
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยามีแววตาสับสนมึนงง
เล่อเหยาเหยาในใจคิดสิ่งใด มักเปิดเผยขึ้นมาบนใบหน้า คนที่เฉลียวฉลาดเช่นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ คล้ายพยาธิในท้องเธอ
ย่อมรับรู้ถึงความในใจของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าหล่อเหลาขวยเขินที่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยพลันเคร่งขรึมลง น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความแหบพร่าและดุดัน
“เจ้าห้ามคิดถึงชายอื่น”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพลันได้สติ ในใจก็ตกใจอย่างหนัก พลางคิดในใจ
ชายผู้นี้เป็นพยาธิในท้องเธอจริงหรือ กระทั่งเธอกำลังคิดถึงสิ่งใด เขาก็ล่วงรู้
ขณะตกใจ เล่อเหยาเหยากลัวชายหนุ่มจะโมโห เมื่อถึงเวลานั้นจะทำสิ่งใดกับเธอ ก็มิอาจรู้ได้
ขณะหวาดกลัว เล่อเหยาเหยาจึงยื่นมือออกไปจับกุมทันที คิดใช้การดึงหัวไชเท้าเบนความสนใจของชายหนุ่ม
เป็นจริงดังที่คิด ชายหนุ่มต่างเป็นสัตว์ที่อาศัยร่างกายท่อนล่าง
พญายมที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโมโห ขณะที่มือเธอจับกุมมันสีหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไป
ดวงตาเย็นชาหรี่ลง ริมฝีปากรูปกระจับเม้มแน่น สีหน้านั้นดูราวกับทุกข์ทรมานและมีความสุข
เล่อเหยาเหยาไม่เคยลิ้มลองเรื่องระหว่างชายหญิง ย่อมไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกนี้เป็นเช่นไร
แต่เห็นพญายมกระตือรือร้นกับเรื่องนี้ยิ่งนัก เช่นนั้นอาจจะไม่เลวก็เป็นได้
และเมื่อเห็นใบหน้าของเขาแดงก่ำเพราะไฟปรารถนาและความสุข ทำให้เขาดูเย็นชาน้อยลงกว่าเมื่อก่อน แต่งดงามมีเสน่ห์ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นมากขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาที่เห็นสองแก้มก็แดงก่ำ ไม่กล้ามองหน้าพญายมอีก
และเธอก็ไม่กล้ามองสิ่งนั้นในมือเช่นกัน เพราะเธอรู้สึกว่าอัปลักษณ์ยิ่งนัก
เดิมที เธอเล่อเหยาเหยาไม่คิดมอง แต่เมื่อในมือเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้เธอแปลกใจขึ้นมา
เพราะนกใหญ่ที่ร้อนผ่าวผงาดสูงในมือเธอมีขนาดใหญ่ขึ้น ร้อนผ่าวขึ้น คลับคล้ายคลับคลาว่าฝ่ามือเธอยังรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นขึ้นลง
ความผิดปกติในมือ ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกคอแห้ง ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมา
สุดท้ายสายตานั้นกลับอดแอบมองการเปลี่ยนแปลงในมือไม่ได้
สายตานั้นแฝงด้วยความแปลกใจและขวยเขิน
จนกระทั่งเล่อเหยาเหยาไม่รู้ว่าดึงหัวไชเท้าไปนานเพียงใด ในที่สุดเธอได้ยินเพียงชายหนุ่มพลันส่งเสียงคำรามราวเจ็บปวดออกมา ตามมาด้วยเสียงเร่งเร้า เล่อเหยาเหยาแม้จะรู้สึกว่าสองมือตนปวดชาราวไม่ใช่มือของตน แต่สุดท้ายยังทำตามคำพูดของชายหนุ่ม โดยการเพิ่มความเร็วขึ้น
กระทั่งหลังชายหนุ่มคำรามดุจสัตว์ร้ายออกมา เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงฝ่ามือตนร้อนชั่วขณะ จากนั้นแก้มก็ร้อนผ่าว คล้ายถูกบางอย่างกระเซ็นเข้า
ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงร่างกายราวกับถูกฟ้าผ่าลงมา แข็งทื่อเป็นหินอยู่ตรงนั้น
สวรรค์!
เธอเหตุใดจึงลืมเลือนว่า สิ่งนี้สุดท้ายมันจะ…
“อา…”
บัดซบ ทุกครั้งต่างเป็นเช่นนี้ ต่อไปเธอจะไม่ทำแล้ว
…
หลังผ่านเรื่องนี้ไป พญายมโอบกอดเธอไว้ หน้ายังคงแดงก่ำเช่นเดิม น้ำเสียงแหบพร่า ขณะเอ่ยขึ้นที่ริมหูเล่อเหยาเหยา
“เจ้าเป็นของเปิ่นหวาง ต่อไปเจ้าต้องชื่นชอบเพียงเปิ่นหวางเท่านั้น และเรื่องเมื่อครู่นั้นทำกับเปิ่นหวางผู้เดียวเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดพญายม เล่อเหยาเหยาเพียงพยักหน้าตอบรับ
เพราะนอกจากต้องทำเช่นนี้ เธอยังจะทำเช่นไรได้!
สุดท้ายหลังจบการดึงหัวไชเท้า สองมือปวดเมื่อย ทำให้ร่างกายวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
ตรงกันข้ามกับเธอ พญายมกลับมีใบหน้าสดใสมีชีวิตวา หลังแต่งกายเรียบร้อย ก็เข้าวังหลวงไปอย่างลำพองใจ
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาโมโหอย่างหนัก
เธอเกลียดนัก!
ทว่าเล่อเหยาเหยาเพียงเกลียดชังเท่านั้น สุดท้ายเธอจึงพักผ่อนอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง รอให้ความปวดเมื่อยในมือหายไป จึงไปทานอาหารกลางวัน วางแผนดังเช่นปกติคือปัดกวาดตำหนักหย่าเฟิง
คิดไม่ถึง เมื่อเธอถือไม้กวาด กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงบนพื้นที่หน้าตำหนัก พลันมีเงาร่างสีน้ำเงินครามพุ่งตรงเข้ามาหาเธอ รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
เธอยังมองไม่เห็นว่าคนที่มาคือผู้ใด เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเจ็บที่ไหล่ จากนั้นเสียงแฝงความสงสัยอย่างมาก พลันดังขึ้นข้างหูเธอ
“เจ้า เจ้าเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงฟ้าผ่าลงมาตอนกลางวันแสกๆ พลันมึนงง ตกใจในใจ ดวงตาคู่งามเงยขึ้น เห็นหนานกงจวิ้นซีที่มีสีหน้ากังวล สงสัย ร้อนรน และตื่นเต้น
สวรรค์!
เหตุใดเขาจึงเอ่ยถามเช่นนี้ หรือเขารับรู้ถึงบางอย่าง!