ตอนที่ 119 เป็นคนของนาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียิ้มบาง ๆ กล่าวอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ “ขอบคุณที่ชม”

จิ่งเหลียงฮุยโกรธจนช้ำใน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับบทบาทยากจะรับมือได้

ในตอนนั้นเอง มู่หรูเหยียนเอ่ยปากขึ้น “คุณชายจิ่ง เป็นความผิดของหรูเหยียนเอง หรูเหยียนคิดว่าซีเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องหยูกยา ข้าไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้นาง เจ้าอย่าโกรธเลย อย่างไรสันติภาพก็สำคัญกว่า”

นางมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาจริงใจ พลางกล่าว “ซีเอ๋อร์ พวกข้ายินดีต้อนรับเจ้าเป็นอย่างมาก เข้ามาเถอะ”

จิ่งเหลียงฮุยขี่อยู่บนหลังเสือยากที่จะลงได้  สาวงามต่างแสวงหากันและกัน เพียงแค่เขาก้าวลงบันได เขาก็กล่าววาจา “เจ้าอยากที่จะเข้าร่วมก็เข้าร่วมเถอะ! เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นความสามารถของข้า แล้วเจ้าจะต้องเสียใจที่เลือกเป็นศัตรูกับข้า”

เมื่อคิดว่ามู่เฉียนซีจะต้องประจบสอพลอและเคารพเขาเหมือนคนอื่น ๆ อารมณ์ของจิ่งเหลียงฮุยดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด คลื่นโทสะเมื่อครู่นี้เบาลงแล้ว  ทุกคนที่มาร่วมงานต่างทยอยพากันเข้ามา สถานที่จัดงานทั้งหมดตกแต่งอย่างประณีตน่ารื่นรมย์ เห็นได้ชัดว่ามู่หรูเหยียนใช้ความพยายามไปไม่น้อยเลยกับงานนี้

รอจนทุกคนมากันพร้อมเพรียง ต่อไปได้เวลาที่จิ่งเหลียงฮุยจะแสดงฝีมือที่เขามี  เขาโบกมือ สมุนไพรถูกนำออกมาวางไว้นับไม่ถ้วน

จิ่งเหลียงฮุยกล่าวว่า… “สมุนไพรเหล่านี้คือสมุนไพรที่ใช้หลอมยาฟื้นฟูวิญญาณระดับหนึ่ง นี่เป็น…”

เมื่อแนะนําคุณสมบัติของสมุนไพรเหล่านี้แล้ว หลายคนล้วนเป็นคนนอกวงการ ย่อมต้องมองจิ่งเหลียงฮุยอย่างนับถือชื่นชม

จวินโม่ซีกล่าวกับมู่เฉียนซี “มู่เฉียนซี เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าข้ากําลังดูละครลิงอยู่เลยเล่า ช่างน่าเบื่อหน่ายนัก! กลับไปกินเนื้อสัตว์ยังจะดีกว่า”

“ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน เราทน ๆ ดูไปก่อนเถอะ แล้วท่านก็หาโอกาสทําลายสนาม อย่างไรเราก็ไม่ควรมาอย่างไร้ประโยชน์”

“แต่เจ้าหมอนี่งี่เง่าขนาดนี้ ข้าไม่มีอารมณ์แม้แต่จะทําลายสนามแล้ว คิดดูว่าเขาร้ายกาจขนาดไหน”

ขณะที่มู่เฉียนซีและจวินโม่ซีกําลังดูละครลิง อยู่ ๆ ที่ตระกูลมู่ก็เกิดเรื่องใหญ่

“ท่านผู้อาวุโสสาม!” ตอนนี้เรือนอวู่โยวเกิดความวุ่นวายอย่างถึงที่สุด  ใบหน้ามู่อวู่ซวงซีดเผือด เหงื่อไหลย้อยลงมาจากหน้าผากของเขา เขารู้สึกว่าขาของเขามีแมลงน้ำแข็งนับสิบล้านตัวกําลังคลานอยู่

องครักษ์ของเขากล่าวอย่างร้อนใจ “ข้าจะไปเชิญท่านผู้นำตระกูลมู่มา”

“หยุด!” มู่อวู่ซวงตะโกน

“ผนึกของท่านพ่อไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกต่อไป พิษที่ขาปะทุระเบิดออกมาแล้ว แม้ซีเอ๋อร์จะมาก็ไร้ประโยชน์ ข้าสามารถทนได้ ไม่ต้องบอกซีเอ๋อร์ อย่าให้นางต้องกังวล…” มู่อวู่ซวงกล่าวอย่างอ่อนแรง

“แต่ว่า…”

“คําสั่งข้า ใครก็อย่าได้ขัด”

ขณะที่องครักษ์เงาหยุดพูด ทันใดนั้นเงาร่างหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่ตระกูลมู่  องครักษ์เงาตะลึงงัน

“ใครกัน ?”

— ตูม! —

ทันใดนั้นพวกเขาเริ่มสู้กัน ทว่ามู่อวู่ซวงไม่สามารถขยับนิ้วมือได้แม้เพียงนิ้วเดียว องครักษ์เงาคนเดียวกลับต้องรับมือกับเหล่าจักรพรรดิยอดยุทธ์และจักรพรรดิวิญญาณ ช่างตึงมือยิ่งนัก

พิษร้ายที่ขากำเริบขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดมู่อวู่ซวงมิอาจทนได้ไหว หมดสติไป

“นายท่านสาม!”

ในเวลาเดียวกัน มู่เฉียนซีที่กําลังดูการแสดงตลกของจิ่งเหลียงฮุยพลันรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ นางลุกขึ้นยืน ปลดปล่อยจิตสังหารเยือกเย็นออกมา นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังจะมีเรื่องอะไรอีก ถึงทําให้นางรู้สึกไม่สงบเช่นนี้ได้

ไม่ว่าอย่างไรมู่เฉียนซีก็ไม่เคยคิดเลยว่า ดวงตาของท่านอาเล็กของนางจะกลับมามองเห็นเช่นเดิม ไม่เคยคิดว่าท่านอาพลังแข็งแกร่งถึงขั้นจักพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม จะตกอยู่ในอันตรายในสถานที่เล็ก ๆ อย่างแคว้นจื่อเยี่ย

จิ่งเหลียงฮุยกําลังสกัดกลั่นเพื่อหลอมเม็ดยาระดับหนึ่ง  อยู่ ๆ สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเย็นยะเยือก ทําให้พลังจิตของเขาหยุดนิ่ง ไม่สามารถควบคุมมันได้

— ตูม! —

เตาหลอมยาตรงหน้าระเบิดออกในบัดดล

“แค่ก ๆ ๆ!” จิ่งเหลียงฮุยลุกขึ้นอย่างยากลําบาก สภาพเขาราวกับเดินออกมาจากเหมืองถ่านหิน ผมสีดําที่หวีได้อย่างลื่นไหลตอนนี้กลายเป็นฟูยุ่งเหยิงไม่ต่างจากรังนก

เมื่อเห็นฉากน่าขันเช่นนี้ ทุกคนก็อยากจะหัวร่อต่อกระซิก ทว่าก็มิกล้า เกรงจะผิดมารยาท กลั้นกันแทบตาย

จิ่งเหลียงฮุยกล่าว โกรธเกรี้ยวขั้นสุด “มู่เฉียนซี เจ้าลอบโจมตีข้าตอนที่ข้าปรุงยา ทําให้ข้าปรุงยาพ่ายแพ้  ร้ายนัก!”

จวินโม่ซีกล่าวแย้ง “อะไรของเจ้า! พลังเจ้าไม่พอเอง ถูกรบกวนเพียงเล็กน้อยก็หลอมยาล้มเหลว แล้วยังจะโทษคนอื่นอีกหรือ ?”

“เจ้าเป็นใคร ?  มีคุณสมบัติอันใดจึงกล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้ ?”

จวินโม่ซีก้าวเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ  กล่าวว่า “ข้าเป็นใครน่ะรึ ? เหมือนพวกเจ้าจะเรียกข้าว่าราชาโอสถนะ”

“ฮ่า ๆ ๆ! เจ้าน่ะรึเป็นราชาโอสถ ?” จิ่งเหลียงฮุยกล่าวเสียงดูแคลน หัวเราะขบขันแทบหายใจไม่ทัน

“เจ้าไปหลอกผีเถอะ! ข้าได้ยินมาว่าท่านราชาโอสถเป็นนักปรุงยาระดับสูง เขาแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าสํานักของข้าเสียอีก เจ้าเด็กหัวล้านอย่างเจ้าน่ะรึ จะเป็นนักปรุงยาระดับสูง ?”

“น่าเบื่อ! ในเมื่อวันนี้เดิมทีตั้งใจมาทําลายงานประชุม เช่นนั้นมิเกรงใจแล้ว  มีอะไรให้ทําบ้างหรือไม่ ?” จวินโม่ซียกมือขึ้น ฉับพลันทันใดเตาปรุงยาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

เขาใช้พลังวิญญาณอัคคีอย่างเกียจคร้าน ทันใดนั้นทั่วทั้งเรือก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

ปรมาจารย์เผิงผู้หยิ่งยโสที่อยู่ด้านข้างพลันกระโดดเด้งตัวขึ้นมา “อะไรกัน ? จอมภูตผู้มีคุณสมบัติพลังอัคคี จอมภูตธาตุอัคคี”

การกระทําของจวินโม่ซีแคล่วคล่องว่องไวยิ่งนัก จับโน่นผสมนี่ใส่ลงไปในสมุนไพรวิญญาณราวผู้เชี่ยวชาญ ไม่นานนัก ยาระดับห้าก็ถูกจวินโม่ซีหลอมขึ้นตามใจชอบ

“นั่นยาระดับห้า! ข้าได้เห็นยาระดับห้าแล้ว เขาคือราชาโอสถจริง ๆ!”

“เป็นไปได้อย่างไร ?” จิ่งเหลียงฮุยกล่าวเสียงแหลม เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลย

เวลานี้ปรมาจารย์เผิงกระโดดออกมา กล่าวว่า “ราชาโอสถ จะต้องเป็นราชาโอสถอย่างแน่นอน วิธีการนั้นนอกจากท่านแล้ว ทั่วทั้งแคว้นจื่อเยี่ยยังไม่มีใครสามารถทําได้อีก ท่านราชาโอสถ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ”

ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ หัวหน้านักปรุงยาของราชวงศ์ผู้ที่อยู่สูงส่งมาโดยตลอด กลับก้มศีรษะให้ชายหนุ่มที่ดูจะมีอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี นับถือขอเป็นอาจารย์ ดูอย่างไรก็แปลกตา

มู่หรูเหยียนก็เดินเข้าไปกล่าวเช่นกัน “ท่านราชาโอสถ หรูเหยียนชื่นชมท่านมานานแล้ว โปรดรับข้า มู่หรูเหยียน เป็นศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ”

จวินโม่ซีแสดงท่าทียโสเล็ก ๆ

“เหอะ! ตาเฒ่าผู้นี้เป็นนักปรุงยาระดับต่ำ ส่วนเจ้าล่ะ มีคุณสมบัติอะไรให้ข้ารับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ?”

มู่หรูเยียนกล่าวเสียงเบา “หรูเยียนไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ เป็นเพียงนักปรุงยาระดับต่ำที่สามารถหลอมยาระดับสามได้เท่านั้น ขอท่านราชาโอสถรับข้าเป็นศิษย์เถอะนะเจ้าคะ ข้าจะปรนนิบัติท่านราชาโอสถอย่างดี”

— ฟึ่บ! —

เมื่อมู่หรูเยียนกล่าวเช่นนั้นออกไป ทุกคนในที่นั้นนิ่งอึ้งตะลึงตาค้าง  แม้แต่ซวนหยวนหลี่ซาง จิ่งเหลียงฮุย สองคนนี้ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ เดิมทีคิดว่ามู่หรูเหยียนเพียงแค่สนใจการปรุงยาเท่านั้น  คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถหลอมยาระดับสามได้แล้ว

นางเก่งกาจยิ่งกว่าจิ่งเหลียงฮุยเสียอีก

มู่หรูอวิ๋นตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด “พี่หรูเหยียน ท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก”

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบสงบ มู่หรูอวิ๋นก็เดินเข้าไปกล่าวยั่วเย้ายุอารมณ์โกรธ “เหอะ! มู่เฉียนซี ต่อให้เจ้าเป็นจอมภูตก็ไม่มีอะไรพิเศษ พี่สาวข้าเป็นถึงนักปรุงยา เจ้าแค่ขยะไม่มีดี อย่างไรเจ้าก็ตามพี่หรูเหยียนของข้าไม่ทันหรอก …เจ้าแม้แต่จะถือร้องเท้าให้พี่สาวข้ายังไม่คู่ควรเลย!”

ในตอนนั้นเอง จวินโม่ซีกล่าววาจาเย็นชา

“อ้อ… ไม่เลวเลยที่เจ้าสามารถหลอมเม็ดยาระดับสามได้ตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นนี้”

ใบหน้าของมู่หรูเยียนเผยความดีใจระคนประหลาดใจออกมา แต่จวินโม่ซีกลับพูดขึ้นว่า “แต่อยากให้ข้ารับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ก็ต้องดูว่ามู่เฉียนซีตอบตกลงหรือไม่ ตอนนี้ข้าเป็นคนของนาง”

.