ตอนที่ 118 องค์รัชทายาทมิได้ความ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีเป็นผู้ยึดมั่นในสัจจะวาจา นางตอบอย่างไม่ลังเล

“ได้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่าน ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่านักปรุงยาอัจฉริยะแห่งสำนักตานจี้จะเก่งสักแค่ไหน”

สำนักตานจี้กับอวิ๋นซินหรานนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไปสำรวจนักปรุงยาอัจฉริยะผู้นี้ดูสักหน่อยท่าจะดี บางทีนางอาจจะได้รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับอวิ๋นซินหรานบ้างก็ได้

วันนี้ ต่อให้จวินโม่ซีไม่มาชวนนางไปงานประชุม นางก็ตั้งใจจะไปอยู่ดี

วันต่อมา บรรยากาศที่ทะเลสาบจื่อเยี่ยครึกครื้นเป็นพิเศษ เรือใหญ่งดงามจอดลอยอยู่กลางทะเลสาบ เหล่าบรรดาคุณหนูคุณชายผู้สูงศักดิ์นับไม่ถ้วนสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ประณีตงดงาม พากันมานั่งแพไม่ไผ่ไปขึ้นเรือใหญ่นั้น

แม้พวกเขาไม่ได้มีความสนใจในเรื่องหยูกยาโอสถใด ๆ  ทว่าพวกเขามิต้องการพลาดโอกาสนี้ที่จะได้ทำความรู้จักกับเหล่าศิษย์แห่งสำนักตานจี้

เวลานี้ ร่างสตรีมู่เฉียนซีผู้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีม่วง และบุรุษจวินโม่ซีในชุดขาวผู้งดงาม กำลังนั่งแพไม้ไผ่ไปขึ้นบนเรือใหญ่อันน่าตะลึงตาอย่างช้า ๆ  เมื่อข้ารับใช้สวมชุดขาวที่ยืนต้อนรับอยู่เห็นทั้งสอง ก็ทำหน้าหงิกหน้างอใส่พวกเขา

“ผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซี คุณหนูไม่ได้เชิญเจ้า ไสหัวกลับไป  ไปสิ! ยังไม่ไสหัวกลับไปอีก!”

เสี่ยวเถา ในฐานะหญิงรับใช้คนสนิทของมู่หรูเหยียน สามปีก่อนเมื่อนางเจอหน้าผู้นำตระกูลมู่ มู่เฉียนซี  นางก็ไม่ชอบหน้า ต่อมาคิดว่ามู่เฉียนซีรังแกคุณหนูของนาง  ยิ่งไปกว่านั้น นางคิดว่าบุรุษทั้งสองผู้เป็นที่รักของคุณหนูทั้งสองของนางโดนมู่เฉียนซีแย่งชิง  นางยิ่งทวีความเกลียดชังมู่เฉียนซีมากขึ้นไปอีก

เหอะ! เป็นผู้อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ยแล้วอย่างไรล่ะ ?  นางมิอาจเทียบนักปรุงยาได้หรอก

สำหรับหญิงรับใช้ที่มิรู้จักความเป็นความตายเช่นนี้ มู่เฉียนซีมิอยากถือโทษโกรธเคือง

— ปึง! —

มู่เฉียนซียกขาถีบนาง “หลบไปเดี๋ยวนี้นางสุนัขรับใช้ ข้าเป็นเจ้าของเรือนี่ การที่ข้าจะลงเรือตัวเอง จำเป็นต้องให้สุนัขโง่เขลามิรู้จักกาลเทศะเยี่ยงเจ้าอนุญาตด้วยรึ ?”

“เสี่ยวเถา!”

เสียงตระหนกตกตื่นดังขึ้น คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันออกมามุงดู พวกเขาสังเกตเห็นมู่เฉียนซีกับจวินโม่ซี  สตรีงดงามและบุรุษสง่าผ่าเผยยืนคู่กันทำให้ผู้คนมิอาจละสายตาไปจากทั้งสองได้

“รีบไปช่วยเสี่ยวเถาเร็วเข้า รีบไป!” มู่หรูเหยียนใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ นางเร่งให้จิ่งเหลียงฮุยเข้าไปช่วย

จิ่งเหลียงฮุยไม่ต้องการทำให้ใครเป็นกังวล  เขารีบใช้ให้ข้ารับใช้เข้าไปช่วยเสี่ยวเถา ทว่าในขณะที่เข้าไปช่วย เสี่ยวเถากลับสลบเหมือดไร้สติ

ข้อนิ้วของมู่หรูเหยียนซีดขาว นางเดินตรงไปหามู่เฉียนซี ร่างกายสั่นเทา กล่าวด้วยความน่าสงสาร “ซีเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้า แต่เสี่ยวเถาไม่เกี่ยว เจ้าโกรธข้าเจ้าก็มาลงที่ข้าสิ เหตุใดถึงต้องทำร้ายนางด้วย ?”

ความอ่อนแอของนางดุจดั่งดอกบัวขาวบริสุทธิ์ ต้องมาถูกรังแกเช่นนี้  จิ่งเหลียงฮุยเองก็เห็นใจเสี่ยวเถาอย่างสุดซึ้ง

จิ่งเหลียงฮุย “มู่เฉียนซี เจ้าเป็นถึงผู้นำตระกูลมู่ กลับรังแกสตรีอ่อนแอเช่นนี้ เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมแล้วหรือไร ?”

ขณะเดียวกันนั้น มู่หรูอวิ๋นที่เวลานี้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีชมพูรุดเข้ามาดึงแขนมู่หรูเหยียนผู้เป็นพี่สาว นางกล่าวว่า… “ท่านพี่ ข้าว่าต่อไปท่านพี่อยู่ห่าง ๆ สตรีจิตใจโค้งคดโหดเหี้ยมเช่นนี้จะดีกว่า มิเช่นนั้นท่านพี่อาจเจ็บตัวเพราะนางได้”

ทันใดนั้นซวนหยวนหลี่ซางและซวนหยวนหลี่เทียนเดินออกมา

ซวนหยวนหลี่เทียนเห็นบุรุษผู้ที่ยืนอยู่ข้างมู่เฉียนซี พลันสีหน้าเปลี่ยนกลายเป็นไม่ค่อยจะดีนัก พึมพำวาจาร้าย “ช่างน่าอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก ไปมาหาสู่กับเยวี่ยเจ๋อนั่นก็ว่าสถุลแล้ว ยังไปมาหาสู่กับบุรุษป่าเขาผู้นี้อีก สตรีหลายใจไร้ยางอายมู่เฉียนซี!”

จวินโม่ซียังไม่รู้ว่าตนเองนั้นโดนกล่าวหาว่าเป็นคนป่าคนเขา

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากบอบบางของนางค่อย ๆ ขยับเอ่ยตอบโต้วาจาร้าย นางมองมู่หรูเหยียนก่อนจะกล่าว “เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยเถอะ เจ้าสวมรองเท้าของผู้อื่นเช่นนี้มันเหมาะสมนักรึ ?”

“ซีเอ๋อร์…” มู่หรูเหยียนกัดฟันแน่น ใบหน้านางเศร้าใจอย่างสุดซึ้ง

ซวนหยวนหลี่ซางเกิดโทสะ กล่าวด้วยอารมณ์โกรธ “มู่เฉียนซี เจ้าหยุดใส่ร้ายป้ายสีหรูเหยียนเดี๋ยวนี้ ข้ากับหรูเหยียนไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้ากล่าวหา”

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก “เหอะ! ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทไม่ได้เรื่องจริง ๆ เสียด้วย ข้าคิดว่าข่าวลือที่ได้ยินมาเป็นเท็จเสียอีก”

ทุกคนที่ได้ยินคำกล่าวของมู่เฉียนซี ตกอกตกใจกันยกใหญ่  มู่เฉียนซีเปิดเผยความลับอันใหญ่หลวงแล้ว

องค์รัชทายาทไม่ได้เรื่องจริง ๆ  ฉับพลันทันใดสีหน้าของผู้ถูกกล่าวต่อว่า ซวนหยวนหลี่ซาง เปลี่ยนไปเป็นบูดเบี้ยวอัปลักษณ์

“มู่เฉียนซี เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”

หากมิใช่เพราะว่าเขาสู้นางไม่ได้ มีหวังตอนนี้เขาคงจะตบจนนางตายไปแล้ว

“เอะอะโวยวายอะไรกัน ?” ทันใดนั้น เสียงของชายชราผู้หนึ่งพลันดังขึ้น

ชายชราชุดเทาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน แม้แต่ซวนหยวนหลี่ซางยังต้องรีบระงับความโกรธเอาไว้ ก่อนจะกล่าวทักทายชายชราผู้มาใหม่อย่างเคารพ

“คารวะท่านอาจารย์เผิง”

นี่คือผู้เป็นหัวหน้านักปรุงยาอันดับหนึ่งของสำนักยา—ท่านอาจารย์เผิง

เมื่อท่านอาจารย์เผิงมาถึง เหล่าบรรดาคุณหนูคุณชายมองเขาด้วยความเคารพชื่นชม

อาจารย์ท่านนี้ยากนักที่จะได้พบเจอ ทว่าจิ่งเหลียงฮุยมิคิดเช่นนั้น เขาคิดว่าท่านอาจารย์ผู้นี้เป็นเพียงแค่นักปรุงยาที่ปรุงได้เพียงยาระดับสอง ที่สำนักตานจี้ของเขานั้น มีผู้เก่งกาจมีความสามารถมากกว่านี้อีกหลายเท่า หากมิใช่เพราะชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาในแคว้นจื่อเยี่ยและมู่หรูเหยียนเคารพเขา จิ่งเหลียงฮุยคงไม่เสียเวลาไปสนใจตาเฒ่าผู้นี้เป็นแน่

ในที่สุดมู่หรูเหยียนก็ระงับอารมณ์และความรู้สึกเอาไว้ นางก้าวเดินไปข้างหน้า กล่าวขึ้น “ข้าน้อยเคยเจอท่านอาจารย์เผิง ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ด้านในเจ้าค่ะ”

สำหรับสาวน้อยผู้มีเสน่ห์ผู้นี้ ท่านอาจารย์เผิงมิได้สนใจใด ๆ เลย หากมิใช่เพราะได้ยินมาว่าลูกศิษย์อัจฉริยะแห่งสำนักตานจี้มาร่วมด้วยแล้วละก็ เขาคงไม่มาที่นี่เป็นอันขาด

ความโกลาหลวุ่นวายเมื่อครู่นี้หยุดลงทันทีเมื่อท่านอาจารย์เผิงปรากฏกาย พวกเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นต่อหน้าผู้อาวุโสเช่นนี้ จากนั้นทุกคนพากันเดินกลับเข้าไป

ทันใดนั้น จิ่งเหลียงฮุยกล่าวขึ้น “มู่เฉียนซี ถึงแม้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ย  ตระกูลเจ้ายิ่งใหญ่มีอำนาจมาก  ก็ใช่! แต่เจ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับยา ด้วยเหตุนี้ข้าเกิดความรู้สึกไม่ต้องการต้อนรับเจ้า”

“ไม่มีความรู้เกี่ยวกับยารึ ? ฮ่า ๆ ๆ” จวินโม่ซีย้ำคำพูดของจิ่งเหลียงฮุย พลางหัวเราะพรวดราวกับเป็นเรื่องน่าขำ

หากมากล่าวว่านางมู่เฉียนซีไม่มีความรู้เรื่องหยูกยา เกรงว่านักปรุงยาแห่งสำนักตานจี้ผู้นี้คงจะไม่มีความรู้อะไรเลย

เมื่อบุรุษผู้เย็นชาราวรูปปั้นจวินโม่ซีหัวเราะ ก็ทำให้เหล่าสตรีจ้องมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ พวกนางจ้องกันตาไม่กะพริบ

จิ่งเหลียงฮุย “นี่เจ้าหมายความว่าท่านผู้นำตระกูลมู่ผู้นี้ นอกจากจะร่ำรวยแล้วยังรู้เรื่องหยูกยาอีกรึ ?”

มู่เฉียนซี “ข้าจะรู้หรือไม่นั้นเจ้าจะทำไม ?” นางชี้เรือลำนี้ และกล่าวต่ออีกว่า “เรือลำนี้เป็นของข้า เป็นของตระกูลมู่ หากเจ้ากล้าไม่ให้ข้าเข้าไป ข้าจะระเบิดเรือนี้ ดูซิว่าเจ้าจะจัดงานอะไรได้อีก”

เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวนาง ต่างก็ผงะกันไปทันที สมแล้วที่เป็นท่านผู้นำตระกูลมู่

ช่างโอหังสมคำร่ำลือ!

เห็นได้ชัดว่านักปรุงยาผู้นี้สั่นไปทั่วทั้งร่าง  เขาคิดไม่ถึงเลยว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะกล้ายั่วโมโหเขาได้ถึงเพียงนี้

แม้ว่ามู่หรูเหยียนจะถูกตัดออกจากตระกูลมู่ ทว่านางก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอันใด ทันทีที่จิ่งเหลียงฮุยบอกว่าจะจัดงานประชุมแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องหยูกยา นางก็ให้ท่านปู่ที่เป็นผู้อาวุโสตระกูลมู่จัดหาสถานที่ที่ดีที่สุดให้นางอย่างเรือลำนี้ทันที

จิ่งเหลียงฮุยกล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “มู่เฉียนซี เจ้าทำเกินไป เจ้ามันไร้เหตุผลสิ้นดี”

.