ตอนที่ 117 อัจฉริยะอันดับหนึ่ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ที่แท้แล้ว… นี่เป็นพลังที่แท้จริงของเจ้ารึ ?” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมุ่น กล่าวถาม

อวิ๋นซินหราน “หากท่านผู้นำตระกูลมู่ไม่บีบบังคับ ข้าคงจะโจมตีอย่างเบามือ เอาชนะการประลองในครั้งนี้อย่างง่ายดาย คว้าตำแหน่งผู้อัจฉริยะอันดับหนึ่งมาครองแล้ว”

มู่เฉียนซีโบกมือ “อย่างไรข้าก็อยากจะเอาชนะความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้า และเอาตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งมาครอง”

“ขออภัย บางทีข้าอาจจะทำให้ท่านผู้นำตระกูลผิดหวัง” กล่าวจบ อวิ๋นซินหรานเข้าประชิดตัวนางอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือใหญ่ตบนางด้วยพลังวิญญาณทันที

ด้วยการโจมตีอย่างรุนแรงกว่านางสองระดับ  ครานี้มู่เฉียนซีเลือกที่จะหลบหลีกพลังอันรุนแรงของเขา สถานการณ์กลับพลิกผัน จากเดิมที่มู่เฉียนซีโจมตีไม่ยั้ง กลับกลายมาเป็นอวิ๋นซินหรานที่เป็นฝ่ายไล่ตามโจมตีนาง ดูเหมือนเขาจะชนะอย่างขาดลอย

“มู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ นับแต่ที่เจ้าเปลี่ยนไป มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่สามารถบีบบังคับให้ข้าอวิ๋นซินหรานเผยพลังมาถึงจุดนี้ได้ เพราะเหตุนี้ วันนี้ข้าจักต้องเอาชนะเจ้าให้จงได้”

มุมปากมู่เฉียนซีโค้งลงเล็กน้อย “เจ้าอยากชนะรึ ? เกรงว่าจะไม่ง่ายเช่นนั้น” กล่าวจบนางก็ยกมือขึ้นอย่างดุร้าย เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังอวิ๋นซินหรานราวห่ากระสุน

“นั่น อุบายเช่นนั้นของท่านผู้นำตระกูลมู่ ที่มู่หรูเหยียนพ่ายแพ้ให้นาง”

หลังจากการประลองก่อนหน้านี้นั้น พวกเขาก็ได้รู้ว่าไม้เด็ดในการสังหารของมู่เฉียนซีมิใช่การใช้พลังธาตุวารีโจมตี ทว่าเป็นศาตราวุธเข็มยาที่แปลกประหลาดนี้ต่างหากที่ทำให้คู่ประลองยากต่อการป้องกัน

ถึงแม้ว่านางจะโจมตีด้วยเข็มยาอันแปลกประหลาดนี้ ทว่าทุกคนก็ยังเห็นความแตกต่างของพลังของทั้งสองอยู่

“แม้ว่าเข็มยานี้จะวิเศษมากแค่ไหน แต่ความแข็งแกร่งของอวิ๋นซินหรานก็ยังคงเหนือกว่ามู่หรูเหยียนมาก การที่ท่านผู้นำตระกูลมู่จะเอาชนะอวิ๋นซินหรานได้ ข้าว่ามันไม่ง่ายเลย”

ขณะเผชิญหน้ากับเข็มยาขนาดเล็กของนาง ท่าทีอวิ๋นซินหรานกลับนิ่งสงบอย่างมาก ลมที่พัดผ่านฝ่ามือของเขานั้น ตบเข็มยาของนางกระเด็นออกไป ทว่าในขณะที่เขาใช้ลมพัดเข็มยา เข็มยาขนาดเล็กกว่าพลันพุ่งเข้าหาเขาจากด้านบนราวห่าฝน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป รีบหลบเข็มยาทันที

เข็มยาที่มู่เฉียนซีให้ท่านผู้อาวุโสฮั่วอวิ๋นหลอมขึ้นมานั้น สามารถใช้ได้หลายอย่าง ทั้งสามารถใช้ช่วยชีวิตคน ใช้วางยา ใช้โจมตีคู่ต่อสู้ อีกทั้งยังใช้เป็นอาวุธลับได้ด้วย

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

อวิ๋นซินหรานรีบหลบเข็มยาอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นาน เขาก็ได้จัดการกับเข็มยา เข็มยาทั้งหมดลอยขึ้นไปในอากาศ ผู้เห็นการกระทำนั้นต่างก็อึ้งค้างกันไปไม่รู้จบ จากนั้นมีบางคนกล่าวขึ้น “ดูเหมือนว่าคุณชายอวิ๋นจะหลบการโจมตีนี้ได้”

“แต่ข้าคิดว่าน่าจะไม่ได้”

ผู้คนเบิกตากว้าง บัดนี้เห็นว่ามีเลือดออกมาจากปลายนิ้วของอวิ๋นซินหราน ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแล้ว

“มันเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น น่าจะไม่เป็นอะไรมากนัก” ทว่าทันทีที่กล่าวจบ สีหน้าอวิ๋นซินหรานซีดขาวราวกระดาษ

“พรวด!”

เขากระอักเลือดกบปาก ริมฝีปากเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วง เข็มยาของหมอปีศาจนี้ แม้ว่ามันจะบาดเพียงน้อยนิด ทว่าอานุภาพของมันนั้นสามารถคร่าชีวิตได้ หลายคนอ้าปากค้างหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

“ท่านผู้นำตระกูลมู่ชนะแล้ว ขนาดคุณชายอวิ๋นใช้พลังจอมภูตระดับสามนางยังเอาชนะได้ ไม่น่าเชื่อว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะสามารถเอาชนะได้”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้าจะชนะได้อย่างไรในเมื่อคุณชายอวิ๋นยังไม่ยอมแพ้” นางมองใบหน้าอวิ๋นซินหรานด้วยสีหน้าจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

ทันใดนั้น ทางหัวหน้าจินอู๋ถางก็ได้ประกาศขึ้น “ผลการตัดสินการประลองรอบสุดท้ายเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกท่านแล้ว การจัดอันดับสิ้นสุดลงแล้ว ขอประกาศว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋นพ่ายแพ้ให้แก่ท่านผู้นำตระกูลมู่!  เร็วเข้า ฝ่ายหมอยาประจำสนามประลอง โปรดรีบนำตัวคุณชายไปรักษาอาการบาดเจ็บด้วยเถอะ”

แม้ว่าในตอนนี้ การแสดงออกภายนอกของหัวหน้าจินอู๋ถางจะนิ่งสงบไร้คลื่นอารมณ์ ทว่าภายในดวงตาของเขากลับลุกลี้ลุกลน ใบหน้ามู่เฉียนซีเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าหัวหน้าจินอู๋ถางกับอวิ๋นซินหรานจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่เสี่ยงที่จะทำให้นางขุ่นเคืองโดยการเอ่ยให้รีบช่วยเขาเช่นนี้แน่

“เหอะ…” นางทำเสียงฮึดออกจากจมูก เดินลงไปจากเวทีการประลอง

ครานี้เขารอดไปได้ ถึงอย่างไรแล้วนางก็ได้รู้พลังที่แท้จริงของอวิ๋นซินหรานว่าเขาอยู่ในระดับใด  มู่หรูเหยียนและอวิ๋นซินหรานพ่ายแพ้การประลองในครั้งนี้ให้กับนางอย่างน่าสังเวช เท่านั้นวันนี้ก็น่าพึงพอใจ

ต่อมา…

คู่ประลองทั้งสองของเยวี่ยเจ๋อและซวนหยวนชิงอวิ๋น มิสามารถประลองได้แล้ว การประลองในลำดับต่อไปจึงง่ายดายมากขึ้น

การประลองครั้งสุดท้ายนี้เยวี่ยเจ๋อได้พบกับซวนหยวนชิงอวิ๋นเพื่อชิงตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง สิ่งที่ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจนั่นก็คือ… ความแข็งแกร่งของซวนหยวนชิงอวิ๋นยากจะหาผู้ใดเปรียบ เขานั้นทรงพลังมาก

อัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวของแคว้นจื่อเยี่ยนั้น ไม่เพียงแต่เป็นมู่เฉียนซีและอวิ๋นซินหราน หากแต่ยังมีซวนหยวนชิงอวิ๋นอีกคน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นจอมภูตระดับสาม

เมื่อเยวี่ยเจ๋อได้ประลองกับผู้ที่เหนือกว่า เขาตัดสินใจจะทำให้ดีที่สุด เขาตระหนักเสมอว่าตามหลังพี่ใหญ่มานานพอสมควรแล้ว หากไม่พยายามให้ก้าวหน้ากว่านี้ มีหวังพี่ใหญ่คงนำเขาไปไกลลิบ  อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขากังวลมาก

— ตูม! —

ร่างของบุรุษทั้งสองโซซัดโซเซเข้าหากัน  ในการประลองครั้งนี้เยวี่ยเจ๋อบีบเค้นเอาศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะทะลวงพลังไปสู่ระดับจอมภูตได้สำเร็จ เขาผู้ที่มีอายุไม่ถึงสิบเจ็ดปี แต่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ นับว่าเป็นผู้อัจฉริยะระดับต้น ๆ ของแคว้นจื่อเยี่ยแล้ว

— ตูม! —

ทว่าความแข็งแกร่งที่ห่างกันถึงสี่ระดับนั้น เยวี่ยเจ๋อมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ในที่สุดเยวี่ยเจ๋อก็พ่ายแพ้ให้กับซวนยวนชิงอวิ๋นตามคาด  ยังดีซวนหยวนชิงอวิ๋นลำดับความสำคัญของการโจมตีได้เยี่ยมยอด เพราะเยวี่ยเจ๋อนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ไม่นานนัก ผลการจัดอันดับใหม่ของอัจฉริยะแห่งแคว้นจื่อเยี่ยก็ออกมาอย่างเป็นทางการ

มู่เฉียนซีได้รับสี่คะแนนเต็ม ตำแหน่งอัจฉริยะอับดับหนึ่งจึงเป็นของนาง

ซวนหยวนชิงอวิ๋นได้ไปสามคะแนน ตำแหน่งอัจฉริยะอันดับสองตกเป็นของเขา

เยวี่ยเจ๋อได้อันดับสาม

สำหรับอัจฉริยะอันดับสี่และอันดับห้า  หลังจากที่มู่หรูเหยียนได้ทราบว่าอวิ๋นซินหรานแข็งแกร่งเพียงใด นางก็มิกล้าที่จะประลอง ทำได้แต่เพียงมอบตำแหน่งอัจฉริยะอันดับสี่ให้เขาไปและตัวนางรับเอาอันดับห้า

ดังนั้น คุณชายใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋นยังคงรักษาตำแหน่งอัจฉริยะอันดับสี่เอาไว้ได้เช่นเดิม

……

ณ จวนตระกูลมู่

มู่เฉียนซีหยิบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับอวิ๋นซินหรานมาอ่าน จากนั้นคิ้วงามขมวดเล็กน้อย “ช่างประหลาดนัก เหตุใดข้อมูลของอวิ๋นซินหรานจึงมีแค่นี้ ?”

“ข้านั้นไร้ความสามารถเองขอรับ” มู่เอ๋อร์กล่าว เขารู้สึกละอายใจเต็มสิบส่วน

มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “ช่างเถอะ ๆ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า อวิ๋นซินหรานปิดบังตัวตนมานาน การที่เราจะสืบเรื่องราวของเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หากศัตรูไม่เคลื่อนไหว ข้าก็จะไม่เคลื่อนไหว”

“ขอรับ”

การจัดอันดับอัจฉริยะสิบอันดับแห่งแคว้นจื่อเยี่ยสิ้นสุดลงแล้ว  มู่เฉียนซีครองตำแหน่งสูงสุด และทั่วทั้งแคว้นจื่อเยี่ยในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าว่ามู่เฉียนซีเป็นผู้นำตระกูลไร้ประโยชน์ไร้ความสามารถอีกต่อไปแล้ว

ส่วนเหล่าผู้อาวุโสน่ารำคาญในตระกูลมู่ ช่วงหลังนี้ก็สงบสุขไร้เรื่องเรื่องน่าปวดหัว

ในเวลาเดียวกันนี้ ศิษย์ผู้พี่แห่งสำนักตานจี้ผู้หนึ่งของอวิ๋นซินหราน ซึ่งเป็นนักปรุงยาระดับต่ำ เมื่อรู้ข่าวก็ได้เดินทางมาที่แคว้นจื่อเยี่ยเพื่อทำการถอนพิษให้อวิ๋นซินหราน อีกทั้งยังรักษาอาการของมู่หรูเหยียนจนอาการนางดีขึ้น

นักปรุงยาระดับต่ำผู้นี้ไม่เพียงแต่รักษาอาการของมู่หรูเหยียน ดูเหมือนว่าเขาจะหลงใหลในความงามของนางราวกับเจอรักแรกพบ ไม่พอ อันที่จริงเขาเกือบจะต่อสู้กับซวนหยวนหลี่ซางเพราะสตรีผู้นี้เสียด้วยซ้ำ

ทว่า… สิ่งที่น่าแปลกใจนั่นก็คือมู่หรูเหยียนเองก็มีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาสูง ศิษย์พี่ของอวิ๋นซินหรานผู้นี้จึงเตรียมจะแนะนำนางให้กับท่านอาจารย์ของตนเพื่อที่นางจะได้กลายเป็นศิษย์น้องผู้ร่วมสำนักเดียวกับตน

ซวนหยวนหลี่ซางรู้สึกกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก เพื่อสตรีผู้เป็นที่รัก เขายอมเสียสละสมบัติมีค่าไปไม่น้อยให้กับมู่เฉียนซี หากไม่ได้สตรีผู้เป็นที่รักอย่างมู่หรูเหยียนมาครอง อีกทั้งยังโดนบุรุษอื่นแย่งชิงไป ถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของเขาเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเอาใจสตรีงดงามเลิศล้ำอย่างมู่หรูเหยียน ศิษย์พี่ผู้นี้ถึงขนาดจัดการประชุมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการปรุงยาในแคว้นจื่อเยี่ยขึ้น

ทุกคนที่มีความรู้ความสนใจเกี่ยวกับการปรุงยา สามารถมาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้กันในครั้งนี้ได้  และงานนี้ก็ได้เชิญหัวหน้านักปรุงยาอันดับหนึ่งผู้ลึกลับของราชสำนักมาด้วย อีกทั้งยังคุยโวโอ้อวดกันว่าวันนึงจักต้องเหนือกว่าราชาโอสถให้ได้

……

การแพร่กระจายข่าวในจื่อตูนั้นถือว่าทั่วถึงมาก เมื่อได้ยินถึงกิตติศัพท์ความเย่อหยิ่งของศิษย์แห่งสำนักตานจี้และพวก ความกรุ่นโกรธครอบงำราชาโอสถ—จวินโม่ซี อย่างฉับพลัน

เขารีบไปหามู่เฉียนซีทันที กล่าวกับนางว่า… “แม่สาวน้อยผู้นำตระกูลมู่ งานในวันพรุ่งนี้เจ้าไปกับข้าหน่อยได้หรือไม่ ? ไหน ๆ เจ้าก็กล้าดีเคยอ้างตนว่าเหนือกว่าข้า เช่นนั้นเราไปงานประชุมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการปรุงยาด้วยกันหน่อยเป็นอย่างไร ?”

.